เช่นเดียวกับทุกสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 4 – 8 ธ.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดี ‘112’ สัปดาห์นี้มี “น้ำ” วารุณี ที่มาอัพเดตชีวิตในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่การได้แต่งหน้าทาปากดูจะเป็นความสุขเพียงอย่างเดียวที่เธอสามารถทำได้ในที่แห่งนี้ “แม็กกี้” ที่เพิ่งได้รับหนังสือเนื้อหาว่าด้วยเรื่องรักใคร่ตามที่สนใจ ที่พอให้ได้รับความเพลิดเพลินจากการอ่านในระหว่างถูกกักขังบ้าง หรือ “เก็ท” โสภณ ที่ยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่ขอประกันตัวอีก ทั้งชวนให้ทุกคนจับตาเรื่องนิรโทษกรรม
ส่วน “หนุ่ม” สมบัติ ทองย้อย ที่ตัดสินใจรับโทษโดยไม่สู้คดีต่อ ก็รู้สึกว่าครอบครัวได้ปลดภาระในส่วนที่ต้องคอยมาตามประกันตัวเขาไป มีเวลาไปใช้ชีวิตอย่างอื่นมากขึ้น
สัปดาห์นี้มีนักโทษ ‘112’ เพิ่มมาอีกรายคือ จิรวัฒน์ พ่อค้าออนไลน์ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาให้จำคุก 9 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 6 ปี โดยจิรวัฒน์ที่กำลังปรับสภาพการใช้ชีวิตหลังกำแพงสูงก็กล่าวกับทนายว่า “นี่คือการติดคุกครั้งแรกของผมเลย ผมยังมีความหวังเสมอว่าผมจะได้ประกันออกไป”
แต่ถึงที่สุดทั้งคนที่ไปเยี่ยมและคนที่อยู่ในห้องขังก็ต่างภาวนาว่า ก่อนสิ้นปีขออย่าให้ได้มีใครติดคุกจากคดีแสดงออกทางการเมืองเพิ่ม และขอให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นมีกำลังใจเข้มแข็งต่อไป
“น้ำ” วารุณี: ตอนพ่อโทรมาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกว่าให้อดทน เดี๋ยวก็ได้ออกแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2566 ทนายเจอน้ำที่ห้องเยี่ยมของญาติ เนื่องจากห้องทนายเต็ม น้ำโบกมือให้อย่างร่าเริง แต่งหน้าสวยจัดเต็มเหมือนเดิม ทนายแจ้งน้ำว่าได้ส่งยาจิตเวชให้แล้ว น่าจะได้รับเร็ว ๆ นี้ ครั้งก่อนน้ำเล่าให้ฟังเรื่องปัญหากับผู้ต้องขังคนอื่น เธออัพเดทว่า “คู่กรณีกลับแดนไปแล้วค่ะ แต่น้ำยังไม่ได้กลับ ตอนนี้น้ำแต่งหน้าทุกวัน บางทีผู้คุมก็แซวว่า อย่าสวยไปมากกว่านี้เลยนะ (หัวเราะ) แต่แบบ มันไม่มีอะไรทำไงคะ และมันเป็นความสุขเดียวในนี้ ที่เห็นน้ำกรีดอายเนี่ย ไม่ใช่เครื่องสำอางนะคะ สีไม้ระบายน้ำค่ะ เอาน้ำปาด แล้วก็เอาดินสอสีทาเลย”
กับ 5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ ทนายถามว่ามีอะไรอยากจะพูดถึงพ่อไหม เธอบอกว่า “พ่อมาเยี่ยมน้ำครั้งเดียว ส่วนใหญ่จะเยี่ยมไลน์ ตอนพ่อโทรมาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกว่าให้อดทน เดี๋ยวก็ได้ออกแล้ว (ยิ้ม) พอถามกลับว่า รู้ได้ยังไงว่าน้ำจะได้ออก พ่อก็จะบอกว่า เออน่า เชื่อพ่อ ลักษณะนี้น่าจะไปดูดวงมา (หัวเราะ)”
ก่อนจะกล่าวอีกว่า “อีก 24 วัน จะครบ 6 เดือนเต็ม น้ำทำใจไว้ละ ถ้าได้ออกไป ที่แรกที่จะไป คือ ร้านไส้ย่าง กับร้านซันนักจี (ปลาหมึกดิบสไตล์เกาหลี) ต่อไปก็ร้านซีฟู้ดบุพเฟ่ต์ จะไปกินปูเผา เจอแน่”
ทนายอัพเดทข่าวที่กำลังเป็นกระแสอย่างสารคดี sex worker ในไทย น้ำบอกเห็นข่าวแว้บ ๆ แต่ไม่แปลกใจที่หาโสเภณีเด็กในพัทยาไม่เจอ “Not surprise ค่ะ หาอะไรไม่เคยเจออยู่แล้ว เจอแต่พวกกูนี่ 112 หาเจอยันบ้านช่อง เจอหมดทุกอย่าง เหมือนตั้งใจมาจับ 112 อย่างเดียว (หัวเราะ)”
ก่อนจากกันน้ำบอกว่า
“ก่อนสิ้นปีนี้ น้ำขออีกอย่างคืออย่าให้มีคนติดคุกเพิ่มเลย คนที่ติดอยู่ก็ขอให้เข้มแข็ง”
จนถึงปัจจุบัน (12 ธ.ค. 2566) น้ำถูกคุมขังมาแล้ว 168 วัน
.
“แม็กกี้”: อยากออกไปเคาท์ดาวน์ข้างนอก
วันที่ 7 ธ.ค. 2566 แม็กกี้ใส่กางเกงขาสั้นมาก เธอบอกว่า “อากาศร้อนเว่อร์ เดินมาคือแขนขาไหม้หมดแล้ว โลชั่นกันแดดก็ไม่มี”
เมื่อถามถึงอาการป่วยแม็กกี้บอก “ตอนนี้หายแล้วค่ะแม่ ไม่ค่อยไอแล้ว เรื่องเอกสารหนูไปขอใบคำร้องมาได้ละ คนที่ชอบวีน ๆ เขาออกไปแล้ว แต่มันเยอะมาก หนูต้องเขียนตั้ง 4-5 แผ่น” ทนายฝากผู้ต้องขังอีกรายช่วยดูใบคำร้องขอส่งเอกสารออกมาให้แม็กกี้อีกแรง
เมื่อสอบถามถึงความเป็นอยู่ “อยู่ได้ค่ะ มี LGBTQ เข้ามาใหม่อีก 1 คน ห้องกะเทยเลยมี 39 คน ยังไม่มีการระบายออกไป เพราะยังไม่มีคนที่ได้รับโทษเด็ดขาด มันก็เลยแออัดอยู่”
แม็กกี้พูดถึงเมื่อวานมีกิจกรรมวันพ่อ ตอนเข้าแถวก็ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี “หนูไม่ได้ร้องด้วยนะ ก็เดินออกจากแถวไปยืนสงบนิ่งคนเดียว คนอื่นก็ไม่ได้มาบังคับอะไร เพราะหนูรู้สึกว่ามันก็เป็นวันธรรมดาวันนึง”
ก่อนจะบอกอีกว่าขณะนี้ได้หนังสือแล้ว “เป็นเรื่องที่เหมาะกับหนูมาก เรื่องความรักที่เร่าร้อนในมหาวิทยาลัย (หัวเราะ) สนุกมาก บางหน้าก็เขินสุด ๆ นี่ยังอ่านไม่จบเลย ฝากขอบคุณคนที่ส่งหนังสือกับคนที่เลือกให้ด้วยนะคะ”
“ในแดนตอนนี้ก็มีแข่งกีฬาทั่วไป ตอนปีใหม่น่าจะมีการจัดกิจกรรม เต้น จับฉลากของขวัญ กินเลี้ยง หนูอยากกินส้มตำมากแม่ ในแดนมีให้สั่งแค่ส้มตำปูปลาร้าอย่างเดียว คืออยากออกไปกินตำซั่ว ตำป่า ข้างนอกมาก อยากกินยำแซ่บ ๆ”
แม็กกี้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อยากออกไปเคาท์ดาวน์ข้างนอก ปกติจะนัดกับเพื่อนออกไปเดินช่วงบ่าย ๆ ไปฉลองแถวเซ็นทรัลเวิลด์กับสยามสแควร์ เพราะผู้ชายเยอะ (หัวเราะ) ว้ายยย ไม่ใช่ค่ะ มันแบบ ที่เที่ยวเยอะ ของกินเยอะ มีการจัดงาน มีคอนเสิร์ตไรงี้”
จนถึงปัจจุบัน (12 ธ.ค. 2566) แม็กกี้ถูกคุมขังมาแล้ว 52 วัน
.
“เก็ท” โสภณ: จะไม่ประกัน จะยืนยันการนิรโทษกรรมเท่านั้น
วันที่ 8 ธ.ค. 2566 ทนายเล่าว่า เก็ทมีสีหน้าซึม ๆ พร้อมกับบอกว่า เซ็งมาก จดหมายโดมิเมลที่ส่งไปน่าจะไม่ผ่านอีกแล้ว เพราะ 5 วันแล้ว คนรับยังไม่ได้รับเลย ครั้งนี้เขียนไป 2 เรื่อง เรื่องแรกเขียนเกี่ยวกับการตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นองคมนตรี เรื่องที่สองเขียนถึงผู้ที่เสียชีวิตในระหว่างเส้นทางการต่อสู้เรียกร้องนี้ ไม่ว่าจะเป็น อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์, อ.ถนอม ชาภักดี, “จี๊ด” อุทัย ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว เก็ทให้ความเห็นว่า บางทีก็ไม่ได้มีแค่เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำร้ายเรา กาลเวลา อายุขัย ก็พรากเราไปได้เหมือนกัน และวันหนึ่งเมื่อถึงวันที่เราชนะ เราจะนำรูปคนเหล่านี้ไปวางสักการะ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เก็ทบอกอีกว่า ล่าสุดเขาเขียนไปอีกฉบับ แต่เพิ่งส่งไปเมื่อวาน จึงยังไม่รู้ว่าผ่านหรือไม่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับวันพ่อว่า ในขณะที่คนอื่นได้พบพ่อ พาพ่อเที่ยว แต่คนในนี้กลับได้พูดคุยกับพ่อแค่คนละ 20 นาทีเท่านั้น รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ “น้ำตาเหือด แล้วเลือดตก” (ผู้เขียน: ไชยันต์ รัชชกูล) ว่าด้วยการสร้างชาติ ว่าไม่สามารถสร้างได้ด้วยคน ๆ เดียว มันคงเป็นการโอ้อวดเกินไปหากจะยกย่องเชิดชูใครคนใคคนหนึ่งในการสร้างชาติ ทั้งที่ประชาชนก็มีส่วนร่วมสร้างด้วย
เก็ทอยากฝากบอกอีกว่า หนังสือพิราบแดง โดนแบนแล้ว เพราะส่งเข้ามาแล้วไม่ได้รับ คงถูกยึดไปแล้ว ส่วนจดหมายเองก็ถูกกรองเยอะมาก อีกเรื่องคือ กรณีทัตพงศ์ เขียวขาว ได้รับหนังสือพักโทษมาลงลายมือชื่อ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องจะเสร็จเมื่อไร อยากให้ช่วยกันติดตามผล
เก็ทเล่าเรื่องสุขภาพให้ฟังด้วยว่า ช่วงนี้ร่างกายเเข็งแรงจากการได้ต่อยมวย ถึงบางทีจะถูกครูฝึกต่อยหนักไปบ้าง แต่ก็รู้สึกว่าแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกันเก็ทพบว่าตัวเองมีความจำสั้นลง บางครั้งนึกเรื่องที่เพิ่งทำไปไม่ออก อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่เขาเคยประท้วงด้วยการอดนอน เลยอยากกระตุ้นสมองด้วยโจทย์เลขหรือวิทยาศาสตร์ อยากให้หาหนังสือโจทย์แคลคูลัส ม.ปลาย แบบมีเฉลย หรือฟิสิกส์รังสีก็ได้ส่งมาให้เพิ่มอีก
สำหรับวันที่ 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ อยากให้มีงานเลี้ยงเหมือนตอน 14 ตุลา ถ้ามีไอติมลังใหญ่มาบริจาคเข้าแดน 4 ในวันนั้นคงดี เพราะพยายามจะฉลองในทุกวันสำคัญสำหรับประชาชน
กับเรื่องประกันเก็ทยังยืนยันเหมือนเดิมว่า มันควรเป็นสิทธิพื้นฐาน แต่ตัวเขาจะไม่ประกัน จะยืนยันการนิรโทษกรรมเท่านั้น “วิธีการต่อสู้ของเราหลาย ๆ คนอาจแตกต่างกัน อย่าตัดสินคนที่เขาต่อสู้ต่างจากเรา บางคนรับสารภาพก็ไม่ได้แปลว่าเขายอมแพ้นะ เพียงแค่มันเป็นประโยชน์ต่อผลคดีกว่า มันก็ต้องปรับตามกันไป ไม่ได้แปลว่าเขาไม่สนใจจะสู้แล้ว ทุกคนมีภาระที่ต้องแบกต่างกัน”
เก็ทจึงชวนจับตาการประชุมสภาในสมัยถัดไปกันว่า เรื่องนิรโทษจะได้รับการตอบรับอย่างไรจากรัฐบาล ส่วนปัญหา ‘112’ จะไม่มีทางหมดไปหากยังไม่ยอมเปิดพื้นที่ให้พูดคุยกันอย่างจริงจัง เคยมีคนถามว่าทำไมไม่ส่งจดหมายถามพระมหากษัตริย์เลย เก็ทก็ตอบคนเหล่านั้นไปว่า เคยทำแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ เก็ทยังฝากติดตามคดี 112 ของนารา ที่จะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ที่ศาลอาญาด้วย
“ฝากขอบคุณทุกคนที่สู้มาด้วยกัน ขอบคุณคนที่มาแสดงออกหน้าเรือนจำ ขอบคุณคนที่เป็นกำลังใจให้กันเสมอ ฝากบอกคณะกรรมการที่ตรวจจดหมายของเราว่า คุณใจร้ายมาก แค่จะเขียนรำลึกถึงคนเสียชีวิตคุณยังไม่ให้ผ่าน ฝากบอกคุณพ่อให้ดูแลสุขภาพด้วย อายุเยอะแล้ว อย่านอนดึกมากเป็นห่วง ฝากขอบคุณแม่ที่มาเยี่ยมบ่อย ๆ ให้แม่ดูแลสุขภาพด้วย ดูแลคนอื่นแล้ว ดูแลตัวเองด้วย”
จนถึงปัจจุบัน (12 ธ.ค. 2566) เก็ทถูกคุมขังมาแล้ว 112 วัน
“หนุ่ม” สมบัติ: ความเครียดที่ต้องติดอยู่ในเรือนจำดีขึ้นมากตั้งแต่ตัดสินใจไม่ยื่นฎีกา
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 สมบัติทักทายทนายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย จากนั้นเขาเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวเพิ่งจะเยี่ยมทางไลน์มา ลูกไปเที่ยวอยู่ พอลูกโทรมาก็เหมือนเราได้เที่ยวด้วย พร้อมกับบอกว่า รู้สึกโชคดีที่ยังมีครอบครัวและทางทนายที่ยังไม่ได้ทิ้งกันไปไหน
ทนายแจ้งเรื่องที่สมบัติฝากติดตามว่า อัยการยังขยายเวลายื่นฎีกาอยู่ จะรู้ในวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ว่าจะขยายต่อหรือไม่ รวมถึงแจ้งเรื่องเกณฑ์การพักโทษ
เช่นเดียวกับเก็ท สมบัติเล่าถึงทัตพงศ์ว่า ทางเรือนจำนำใบพักโทษมาให้เซ็น ตอนนี้เขาเป็นนักโทษชั้นดีอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทางกรมราชทัณฑ์จะอนุญาตให้พักโทษไหม ก็รอลุ้นผลช่วย
จากนั้นสมบัติคุยถึงเรื่องระยะเวลาที่ต้องอยู่ในเรือนจำ และพูดต่อว่า ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเรื่องความเครียดที่ต้องติดอยู่ในเรือนจำดีขึ้นมากตั้งแต่ตัดสินใจไม่ยื่นฎีกา ไม่ต้องมาตั้งตารอผลประกันอีกแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอทนายมาหาบอกว่าได้ประกันหรือไม่ได้ ทางครอบครัวเองก็ไม่ต้องมาเตรียมยื่นประกัน เตรียมเอกสารอะไรอีกแล้ว “ตอนนี้เขาก็ไปใช้ชีวิตปกติ ออกไปเที่ยวบ้าง เห็นแบบนั้นเราก็ดีใจ”
เมื่อถามเรื่องสุขภาพและการเป็นอยู่ในเรือนจำ สมบัติแจ้งว่าตอนนี้แข็งแรงดี มีไปออกกำลังกายบ้าง แต่ไม่ได้บ่อย จะพยายามออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น ก่อนจะจากกันสมบัติได้สวัสดีปีใหม่ และฝากสวัสดีทนายที่ศูนย์ทนายฯ ทุกคน เกรงว่า ทนายจะไม่มีเวลามาเยี่ยมช่วงใกล้ ๆ ปีใหม่ เลยขอฝากล่วงหน้ามาก่อน
จนถึงปัจจุบัน (12 ธ.ค. 2566) สมบัติถูกคุมขังมาแล้ว 91 วัน
.
จิรวัฒน์: ยังมีความหวังเสมอว่าจะได้ประกันออกไป
วันที่ 8 ธ.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมจิรวัฒน์เป็นครั้งแรก หลังจากถูกศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2566 จิรวัฒน์ถูกกักตัวอยู่ที่แดน 2 หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ ทนายได้แจ้งผลประกัน พอทราบว่า ศาลไม่ให้ประกัน เขาก็ร้องเสียงหลง และก้มหน้าลง
เมื่อเงยหน้าขึ้นทนายสังเกตเห็นว่าสีหน้าของจิรวัฒน์ไม่ค่อยดีนัก น้ำเสียงดูเครียด ก่อนถามว่า “แล้วผมทำยังไงต่อได้บ้าง ผมยื่นอีกได้ไหม ผมต้องอยู่ในนี้อีกนานเลยซินะ” ทนายบอกให้เขาตั้งสติ ก่อนค่อย ๆ อธิบายกระบวนการต่าง ๆ ให้เข้าใจ หลังจากได้ฟังน้ำเสียงของจิรวัฒน์ดูลนลานน้อยลง แต่ใบหน้ายังดูเครียดอยู่
เมื่อถามเรื่องความเป็นอยู่ จิรวัฒน์บอกว่า ตอนนี้รู้สึกลำบาก แต่อาจจะเพราะไม่ชินที่ ก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ คิดมาก และคิดถึงลูกสาว คิดถึงพ่อแม่ ภรรยา เป็นห่วงมาก โดยเฉพาะลูกสาว ปกติตนเป็นคนดูแลและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายลูกทั้งหมด บ้านและรถก็ผ่อนอยู่เดือนละ 30,000 กว่าบาท ถ้าต้องอยู่ในนี้นานกลัวว่าบ้านจะถูกยึดไป “อีกอย่างผมเพิ่งกลับมาคืนดีกับภรรยา เราเพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันไม่นาน ก็ต้องแยกกันแล้ว ผมก็คิดถึงเขา”
ก่อนระบายสิ่งที่อยู่ในใจว่า “ตอนนี้ผมอยากประกันออกไปมาก อยากออกไปหาลูก หาเมีย ตอนได้หมายครั้งแรกก็มีทำใจบ้าง แต่พอมาอยู่จริง ๆ มันก็เหมือนไม่ได้ทำใจมา นี่คือการติดคุกครั้งแรกของผมเลย ผมยังมีความหวังเสมอว่าผมจะได้ประกันออกไป”
จนถึงปัจจุบัน (12 ธ.ค. 2566) จิรวัฒน์ถูกคุมขังมาแล้ว 7 วัน