“คนที่อยู่ข้างใน ก็ห่วงว่าคนข้างนอก อาจต้องเข้าเรือนจำกันเพิ่ม”: เสียงจากเวหาภายหลังการอดอาหารเข้าวันที่ 26

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยม “เวหา” ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 18 เดือน ในคดีมาตรา 112 กรณีใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝา ver.เกรี้ยวกราด” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคุกวังทวีวัฒนา และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ปัจจุบันเวหาถูกคุมขังล่วงเข้าวันที่ 124 และอดอาหารเข้าวันที่ 26 แล้ว

ทนายที่เข้าเยี่ยมบอกว่าวันนี้เวหามานั่งรออยู่ก่อนที่ห้องเยี่ยมแล้ว เขาใส่ชุดสีฟ้าอ่อน ผมสั้นรองทรง สวมหน้ากากอนามัย และใส่แว่นตาเหมือนที่เดิมอย่างที่เราคุ้นเคย เวหานั่งกุมหัวระหว่างรอรับโทรศัพท์ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขากล่าวทักทายสั้น ๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความเหนื่อยล้าเข้าแทนที่

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารเข้าวันที่ 26 

หลังอดอาหารเข้าวันที่ 26 ว่า เขายังคงเหนื่อยเหมือนทุกวัน และมีอาการเวียนหัวตลอดเวลา เช้าวันนี้เวหาวัดความดันได้ 90/69 น้ำหนักตัวเหลือ 53.6 กิโลกรัม 

เขาเล่าว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ก.ย. 2566) ได้เจอเพื่อน ๆ นักกิจกรรม และน้อง ๆ กลุ่มทะลุแก๊สอยู่บ้าง เพราะวันนั้นมีการยื่นขอเยี่ยมผู้ต้องขังการเมืองประมาณ 6 – 7 คน จึงได้ออกมาเจอกันที่บริเวณห้องเยี่ยม 

“เราดีใจมากที่ได้ออกมาเจอกัน ก็อัปเดตเรื่องราวต่าง ๆ ถึงคดีความของแต่ละคน” 

“ตอนนี้แต่ละคนที่อยู่ข้างใน ก็ห่วงคนข้างนอกว่าจะมีโอกาสได้กลับเข้าเรือนจำ ยิ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้ด้วย” เวหาเล่าความรู้สึกกังวลใจของตนเอง เพราะสถานการณ์คดีความที่มีคำพิพากษาหลายคดีเริ่มเกิดขึ้นแล้ว และส่วนใหญ่โอกาสได้สิทธิประกันตัวก็ค่อนข้างริบหรี่ 

“เป็นห่วงอิสรภาพของหลาย ๆ คน บางคนยังเรียนหนังสือ บางคนภรรยาก็ตั้งท้องแล้ว ภาระต่าง ๆ ของแต่ละคนพอคิดแล้วมันก็เครียด ทำให้คิดว่าทำไมพวกเราต้องมาแบกรับอะไรขนาดนี้”

สถานการณ์ในเรือนจำภายหลังเอกชัยไม่อยู่ 

เวหาบอกว่าตอนนี้เขามีอาการนอนไม่ค่อยหลับ สัปดาห์ที่ผ่านก็เครียด พอได้รู้ข้อมูลคดีของเพื่อน ๆ น้อง ๆ และวันนี้ก็เป็นวันครบกำหนดที่อัยการต้องยื่นอุทธรณ์ ก็รอลุ้นว่าอัยการจะขยายระยะเวลาการอุทธรณ์หรือไม่ “ตอนนี้เป้าหมายในใจ คือรอฟังผลไฟนอลว่าอัยการจะทำยังไงต่อ จึงจะค่อยตัดสินใจ”

“พอพี่เอกชัยไม่อยู่ ตัวเองก็รู้สึกเป็นพี่ใหญ่ต้องคอยดูแลน้อง ๆ ในนี้” เขาบอกกับทนาย

นอกจากนี้ สถานการณ์ทั่วไปในเรือนจำ เวหาบอกว่าคนในนี้เยอะเหมือนเดิม ตอนที่เขาเข้าเรือนจำแรก ๆ แดน 10  มีผู้ต้องขังเพียง 300 คน แต่ตอนนี้ทะลุไป 500 คนแล้ว เวลานอนก็เบียดเสียดกันกว่าเดิม อาจเรียกได้ว่าแขนชนแขน ถ้าถูกเข้าห้องขังทุกคน จะเดินเข้าห้องน้ำทีก็ต้องเดินข้ามกันไปมา 

ส่วนเรื่องชีวิตทั่ว ๆ ไป เวหาบอกว่าตอนนี้เรือนจำยังคงให้เขาเข้าไปนั่งในโรงเลี้ยง หากมีของมาส่งสำหรับผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ก็ได้รับของเลย แต่สำหรับเขาแล้วผู้คุมจะเข้ามาถ่ายภาพรับมอบ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกรำคาญใจอยู่บ้าง 

“ตอนนี้เขาขอความร่วมมือให้เราลุกขึ้นยืนเวลามีเพลงสรรเสริญ ซึ่งจริง ๆ เราไม่มีปัญหาอะไรกับการยืนเพลงสรรเสริญเลย เพราะตอนเด็ก ๆ เราก็ยืนตลอด มันมีความรู้สึกเป็นเพลงชาติ แต่คือที่เราไม่ยืนเพราะเราต้องการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ แต่จริง ๆ เราก็ยืนปกตินะ มันก็แปลกดีที่ผู้คุมมาขอให้เราทำสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว”

การพบหมอในเรือนจำ

เมื่อทนายถามถึงอาการทางจิตเวชที่เวหาเป็นอยู่อย่างอาการ PTSD เขาก็บอกว่าตอนนี้ไม่ได้กินยาระงับอาการดังกล่าวแล้ว เพราะไม่ได้เป็นคนจัดหายาเอง เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดการให้ แต่มันก็ไม่ตรงเวลา เพราะช่วงเวลาที่ต้องกินคือก่อนนอน ซึ่งไปชนกับเวลาที่ผู้คุมเขาเปลี่ยนเวรกัน

ตอนนี้เวหาเลยตัดสินใจหยุดยา และได้ปรึกษาหมอแล้ว เขาทำการประเมินแล้วพบว่าสุขภาพจิตของตนเองยังคงที่อยู่ แต่หากมีอะไรก็จะรีบแจ้งให้ทราบโดยทันที

เวหาอธิบายเรื่องการเข้าพบแพทย์ในเรือนจำให้ทนายฟังว่ามันค่อนข้างยุ่งยาก 

“ถ้าเราเกิดมีอาการเจ็บป่วย ลงชื่อพบหมอวันนี้ ก็จะได้พบหมอวันพรุ่งนี้ และพอหมอสั่งยาให้ ยานั้นก็จะถูกนำมาให้อีกวันหนึ่ง คือถ้าป่วยจะได้รับยาก็ 2 วันขึ้นไป บางทีผู้ป่วยก็หายป่วยไปเองก็มี”

“แต่เคสที่ได้เจอหมอเลยก็มี เช่น อาการชัก หมดสติ เป็นลม แต่ก่อนจะออกไปพบแพทย์ก็ต้องรอให้ผู้คุมทำบันทุกข้อความต่าง ๆ ให้พัสดีเป็นผู้อนุญาตก่อนถึงจะได้ออกไป” 

เวหาเล่าถึงความยากลำบากในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของผู้ต้องขัง และหากมีการปิดห้องขัง กุญแจที่ใช้ปิดห้องก็จะไม่อยู่ที่แดนแล้ว มันจะถูกไปรวมอยู่ที่พัสดีเพียงคนเดียว วิธีเบิกกุญแจก็ต้องเขียนบันทึกข้อความเหมือนกัน

เสียงจากเวหา

“สิ่งที่รอคอยคือการถูกตอบรับข้อเรียกร้องสักข้อหนึ่ง อยากให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องคดีการเมือง โดยเฉพาะ ‘น้ำ วารุณี’ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนได้ออกไปทั้งหมด 

“ผมมีลิมิต ถ้าทุกอย่างยังเงียบ คงต้องยกระดับ คงต้องสู้ด้วยสิ่งที่แรงขึ้น เราไม่ได้เรียกร้องเล่น ๆ เราจริงจัง ให้เวลาไม่เกินสัปดาห์นี้ เพราะจะครบรอบการอดอาหารเข้าวันที่ 30 แล้ว”

สุดท้ายก่อนจากกัน ทนายได้อัปเดตอาการของเอกชัยกับวารุณีให้เขาฟัง เวหายังคงแสดงความเป็นห่วงและรำพึงออกมา “ทำไมชีวิตคนคนหนึ่งจะต้องเหนื่อยกันขนาดนี้ ขอฝากบอกกับน้ำว่าดีใจที่ยังได้ยินข่าวคราว ติดต่ออยู่ตลอด และพี่ก็ยังคงสู้ต่อ”

X