เวหาอดอาหารวันที่ 21 น้ำหนักลด 7 กก.แล้ว เหลือ 54 กก. หวังนิรโทษกรรมเกิดขึ้นเร็ววัน

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยม “เวหา” ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 18 เดือน ในคดีมาตรา 112 กรณีใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ฟ้าฝา ver.เกรี้ยวกราด” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคุกวังทวีวัฒนา และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว

ปัจจุบันเขาถูกคุมขังมาแล้ว 118 วัน และอดอาหารประท้วงเป็นวันที่ 21 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. โดยมีจุดประสงค์เพื่อเคียงข้างวารุณีที่อดอาหารประท้วงก่อนหน้าเขา และเพื่อยืนหยัดตาม 3 ข้อเรียกร้องของตนเอง ซึ่งได้แก่ 

1. เรียกร้อง ‘สส.’ เข้ามารับข้อเสนอ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” จากผู้ต้องขังในเรือนจำ  

2. เรียกร้อง ‘คณะรัฐมนตรีชุดใหม่’ ออกมาแถลงความคืบหน้าและความเป็นไปได้ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง

3. เรียกร้อง ‘ศาล’ ให้คืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดียังไม่สิ้นสุดเด็ดขาด และปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่คดีสิ้นสุดเด็ดขาดแล้ว

ผลข้างเคียงจากการอดอาหารวันที่ 21 

เวหานั่งก้มหน้ารอรับโทรศัพท์ ใส่เสื้อแขนสั้นสีฟ้าเข้มตัวใหญ่โคร่ง กางเกงขาสั้นสีดำ ไม่แน่ใจว่าเสื้อตัวใหญ่หรือเวหาที่ตัวเล็กทำให้เสื้อดูตัวใหญ่ขนาดนั้น 

เมื่อเวหาเห็นหน้าเราเขายิ้มเล็กน้อย สังเกตว่าเขามีสีหน้าอ่อนแรง อิดโรย พูดด้วยเสียงเบาแผ่ว แม้จะสวมใส่แว่นตาอีกชั้นแต่เราเห็นใต้ตาคล้ำดำของเขาอย่างเห็นได้ชัด 

เวหาเล่าว่า ตอนนี้น้ำหนักลดไปประมาณ 7 กิโลกรัมแล้ว ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 54 กิโลกรัม วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยและอ่อนแรงมาก รู้สึกเวียนหัวตลอดเวลา ปกติเขาจะพกยาดมตลอดเวลา แต่ผู้ต้องขังที่ดูแลห้องเยี่ยมไม่ยอมให้ถือยาดมเข้ามาในห้องเยี่ยมด้วย แม้ตอนนี้จะรู้สึกเหนื่อยมาก แต่คิดว่าตัวเองยังพอทนได้อยู่

เวหาทราบว่าวารุณีมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เขานิ่งไปสักพัก มีสีหน้าหนักใจ ก่อนตอบกลับว่า “ขนาดผมไม่ได้อดอาหาร 100 % มีจิบน้ำ จิบเกลือแร่ น้ำหวาน ยังรู้สึกร่างกายไม่ไหวขนาดนี้ อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเราต้องเรียกร้องขนาดนี้ มันเสียสุขภาพในระยะยาว เราเสียอะไรไปบ้างในชีวิตกับความผิดนี้”

ได้ลดบทบาทการทำงานในเรือนจำ 

เราถามถึงความเป็นอยู่ในเรือนจำ เวหาเล่าว่า “ในแดน 3 ที่อยู่ตอนนี้ จัดงานแข่งกีฬาสีกันไปแล้ว แต่ตอนนี้มีกิจกรรมอื่นให้ร่วมสนุกได้ แต่ผมไม่ได้เข้าร่วม เพราะเหนื่อยและอ่อนแรงมาก เจ้าหน้าที่จึงให้ทำงานอยู่ที่กองงานห้องสมุด มีหน้าที่นั่งประจำอยู่ที่จุดลงชื่อคนเข้าใช้ห้องสมุด ต่างจากตอนก่อนอดอาหารที่เจ้าหน้าที่จะใช้ให้ดูแลความเรียบร้อยในห้องสมุด จัดโต๊ะ จัดหนังสือ ซึ่งต้องใช้แรงอยู่พอสมควร 

เวหาบอกว่า รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก ทำให้รู้สึกเบื่อ เขาเข้าใจว่าหลายคนมองว่าช่วงเวลานี้อาจไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมสำหรับการเรียกร้อง แต่คิดว่าอะไรที่พอจะทำได้ ก็จะพยายามแสดงออกจากข้างในนี้ 

ในเรือนจำไม่มีการอัปเดตข่าวสารเลย มีแต่การฉายภาพยนตร์ให้ได้ดู เปิดรายการทีวีที่ถูกเลือกมาโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะเป็นรายการสร้างความบันเทิง เช่น รายการร้องเพลง รายการตลก ฯลฯ ผู้ต้องขังจะรับรู้ข่าวสารบ้านเมืองได้ก็เฉพาะเวหาที่มีคนมาเข้าเยี่ยมเท่านั้น

ทุกคนยังหวังถึงสิทธิประกันตัว แต่ถ้าถามความต้องการจริงๆ แล้วเวหาหวังจะให้มีการ ‘นิรโทษกรรม’ เกิดขึ้นโดยเร็ว เขามองว่าสิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานก็จริง แต่ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นอยู่เช่นนี้ หากออกไปก็คงไม่วายต้องกลับเข้ามาอีก จึงคิดว่าการนิรโทษกรรมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก

ได้ยินข่าวว่าเพื่อนหลายๆ คนจะถูกไต่สวนคำร้องถอนประกัน เวหารู้สึกเป็นห่วงและกังวลว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี 

ฝากความคิดถึง ‘แม่’ ตัวคนเดียวอยู่ที่พิษณุโลก

เวหาฝากข้อความถึงแม่ว่า คิดถึงแม่มากๆ เวหากับแม่มีกันอยู่ 2 คน ส่วนพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2556 ตอนนี้แม่ไม่รู้ว่าเขากำลังอดอาหารประท้วงอยู่ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงเลย เขาจึงไม่ได้บอกไป

ตอนนี้แม่อายุ 63 ปีแล้ว เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม เดินเหินไม่ค่อยสะดวก อยู่ตัวคนเดียว นานทีจึงจะมีคนมาเยี่ยมหา แต่ทุกคนก็ต่างมีภาระครอบครัวกันไปหมดแล้ว 

“ปกติแม่จะเยี่ยมเดือนละครั้ง พอแม่มาหาก็พากันร้องไห้ไม่ได้พูดอะไรกันมาก คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนได้ที่เห็นลูกต้องมาอยู่ในนี้, ปกติถ้าอยู่บ้านเรา ตอนเช้าผมก็จะไปดูแลสวน ตกบ่ายจะไปช่วยแม่ขายข้าวแกง …”

เวหาเล่าถึงเรื่องที่กังวลใจในเรือนจำว่า ทุกวันนี้ผู้คุมจะขอให้ทานข้าวตลอด พูดทำนองว่า “ช่วยหน่อย เวหาไม่ต้องกินก็ได้ แต่ช่วยเข้ามานั่งในโรงเลี้ยงหน่อย” เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องมีภาพของเวหาอยู่ในโรงเลี้ยงส่งจะได้ส่งให้กับทางเรือนจำ ซึ่งเวหากังวลว่าภาพที่เขานั่งอยู่ในโรงอาหารจะถูกใช้เป็นเครื่องมือลดทอนความตั้งใจในการอดอาหารประท้วงหรือไม่ 

เวหาขอยืนยันว่า หากมีภาพของตัวเองนั่งอยู่ในโรงเลี้ยงถูกเผยแพร่ออกไป ให้ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ได้รับประทานอาหารแม้แต่คำเดียว และยังยืนยันที่จะอดอาหารประท้วงต่อไปอยู่

ต้องแก้รัฐธรรมนูญเร่งด่วน มติประชาชนไม่มีความหมายถ้าอยู่ในระบบอำนาจเก่า

ทนายอัปเดตเรื่องการแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐาโดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ เวหาให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “ต้องสู้กันอีกสักตั้ง รัฐบาลชุดนี้เกิดขึ้นจากเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ปัญหาที่รัฐธรรมนูญ เพราะนั่นคือรากเหง้าของปัญหา เท่าที่ติดตามที่มาของ สว. ชุดใหม่ จะเป็นยังไงก็ยังไม่มีความชัดเจน เลือกตั้งมาแล้ว เกิดอะไรจากกติกาที่ไม่ชัดเจนทำให้ผลการเลือกตั้งผิดปกติ

“ผมเข้ามาในนี้หลังจากเลือกตั้งเสร็จ ไป 2-3 วันเอง ตอนนั้นยังจำได้ว่ารู้สึกดีใจมาก มติประชาชนออกมาผ่านการเลือกตั้ง อย่างเขตจังหวัดนนทบุรีที่ผมอยู่ช่วงนั้น จำได้ว่าได้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งทั้งจังหวัด เรามีความหวังมากในวันนั้น

“แต่วันนี้ทุกอย่างกลับด้าน ต่อให้เสียงของประชาชนมีมากแค่ไหน แต่ถ้ากติกายังเป็นแบบนี้ เอื้อให้ระบบอำนาจเก่าอยู่อย่างนี้ ประเทศไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ รัฐสภาต้องแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญอย่างเร่งด่วน ประชาชนอย่างเราก็คงทำได้แค่ส่งเสียงเรียกร้องเท่านั้น”

แม้เวหาจะอิดโรย สีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ยังพูดยืนยันด้วยแววตามุ่งมั่นว่าจะอดอาหารประท้วงไปจนกว่า ‘3 ข้อเรียกร้อง’ จะมีความคืบหน้าและเป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องนิรโทษกรรมคดีการเมือง 

ทนายนั่งมองจนเวหาเข้าประตูกลับแดน เวหาตัวผอมเล็ก ขณะลุกออกจากโต๊ะเยี่ยมต้องค่อยๆ ประคองตัวเองให้ยืนขึ้นและต้องใช้มือจับโต๊ะประคองตอนเดิน ขณะเดินช้าๆ เข้าประตูไป เวหามีอาการเซเล็กน้อย

X