เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในคดีมาตรา 112 จำคุก 3 ปี และลงโทษในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จากกรณีคำปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ปัจจุบันเก็ทถูกคุมขังมาแล้ว 21 วัน
เก็ทเริ่มบทสนทนาด้วยการเล่าเรื่องการสืบพยานเมื่อวันจันทร์ (11 ก.ย. 2566) ที่ศาลอาญาธนบุรีในคดีปราศรัยใครฆ่าพระเจ้าตากให้ฟัง จากนั้นก็สอบถามอาการของผู้ต้องขังทางการเมืองอื่นๆ วารุณี เวหา เอกชัย
ในเรื่องเอกชัย เก็ทเห็นปัญหาว่า กว่าจะได้พบแพทย์ กว่าจะวินิจฉัยโรค ดูจะเป็นไปด้วยความล่าช้า เขาบอกว่า “เป็นห่วง ไม่อยากให้มีใครเป็นอะไรไปอีก”
เมื่อแลกเปลี่ยนถึงข่าวสารภายนอก ตั้งแต่เรื่องการเมืองรวมถึงเรื่อง ‘กำนันนก’ ที่กำลังเป็นข่าวดัง เก็ทได้พูดขึ้นว่า “สังคมนี้มันกำลังหล่อหลอมให้คนสิ้นหวัง”
ส่วนเรื่องการแถลงนโยบายของรัฐบาล เขาวิจารณ์ว่า “ทำแบบนี้ ประเทศมันจะวนลูปเข้ารูปแบบเดิม ๆ อยากให้คนตื่นรู้ว่าเรามีสิทธิที่จะเรียกร้องจากพรรคการเมือง ในสิ่งที่เขาได้หาเสียงไว้ มันเป็นคำสัญญาที่เขาบอกเราว่าเลือกเขา เขาจะทำให้”
เก็ทย้ำค่อนข้างบ่อยว่า “คนข้างในสู้อยู่ทุกวันนะ เรายังสู้อยู่ มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าคนจะเข้าใจการต่อสู้ของเรา และนี่มันก็มาไกลมากแล้ว
“ชอบมีคนถามว่า ที่เราออกไปเรียกร้อง ไปสู้ ไม่กลัวติดคุกฟรี ตายฟรีเหรอ ซึ่งเก็ทมองว่า บางครั้งผู้มีอำนาจ คงอยากทำอะไรเรามากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่กล้า เพราะคนสนใจเรา และกระแสมันอาจจะรุนแรงขึ้น”
เก็ทยังเล่าให้ฟังว่าได้มีโอกาสคุยกับพี่เสื้อแดงท่านหนึ่งในคุก เขาเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของน้องๆ แต่ก็ปรามเช่นกัน “พวกพี่แก่แล้ว ไม่ต้องเรียกร้องให้พวกพี่ก็ได้”
แต่เก็ทมองว่า เราเห็นคนสู้จนตายมามากแล้ว แก่ตายบ้าง เราไม่อยากบอกใครผ่านการเคาะโลง ว่าเราทำสำเร็จแล้ว
ท้ายที่สุดเก็ทจะพยายามผลักดันประเด็นต่าง ๆ ในนี้ และเตรียมใจไว้แล้วว่า รอบนี้คงติดถึงปีแน่ ๆ เขายังฝากเป็นกำลังใจให้วารุณี และฝากให้แจ้งข่าวว่า ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์ไทยเกี่ยวกับพระเจ้าตาก เชิญชวนที่ศาลอาญาธนบุรี ทุกวันจันทร์ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ คดีที่ศาลอาญาธนบุรีดังกล่าว เก็ทได้แถลงขอถอนทนายและปฏิเสธอำนาจศาลก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นการประท้วงและเรียกร้องให้มีการคืนสิทธิประกันแก่ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง รวมถึงยุติการดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งหมด โดยการสืบพยานยังคงดำเนินต่อไป มีกำหนดสืบต่อในวันที่ 18 และ 25 ก.ย. นี้