บันทึกเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังทางการเมือง: วุฒิ-สมบัติ-เก็ท-อารีฟ-กิ๊ฟ

ระหว่างวันที่ 30 ต.ค. – 3 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้แก่ “วุฒิ” ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี, “หนุ่ม” สมบัติ ทองย้อย, “เก็ท” โสภณ, “อารีฟ” วีรภาพ และ “กิ๊ฟ” ทีปกร ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

สำหรับหลาย ๆ คนในช่วงเวลานี้ พวกเขาอยู่ระหว่างการครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะออกจากเรือนจำให้เร็วที่สุด บางคนเลือกที่จะปล่อยให้คดีถึงที่สุดโดยไม่ฎีกาคำพิพากษา เช่น สมบัติ ขณะที่วุฒิกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน ถึงแม้เขาจะถูกคุมขังภายหลังการส่งฟ้องโดยไม่ได้รับโอกาสประกันตัว และคดียังไม่ได้เริ่มสืบพยานเสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกว่าการได้รับการประกันตัวดูเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ขณะที่กิ๊ฟยังหวังเหมือนทุกครั้งที่ทนายเข้าเยี่ยมว่า เขาจะมีโอกาสได้รับการประกันตัวบ้างในวันหนึ่ง

ด้านอารีฟกำลังรักษาตัวในเรือนจำด้วยการกินยาจิตเวชอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกอึดอัดกับสภาพความเป็นอยู่ที่นอกจากถูกควบคุมอิสรภาพแล้ว ยังถูกควบคุมเนื้อตัวร่างกาย ส่วนเก็ทได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับการที่จดหมาย domimail ของเขาที่มักเขียนวิพากษ์วิจารณ์เรือนจำ ถูกจำกัดไม่ให้ส่งออกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดที่เขาเขียนวิจารณ์การใส่ตรวนผู้ต้องขังที่ออกศาลทุกคนโดยไม่จำเป็น 

วุฒิ: แม้ใจจะสู้แค่ไหน แต่อำนาจอยู่ในมือเขา


วุฒิบอกว่าเมื่อเช้า (30 ต.ค. 2566) เขาต้องกลับไปหาหมอที่สถานพยาบาลอีกครั้ง เพราะมีอาการไอ คอแห้ง  เจ็บคอ ระหว่างที่คุยทนายสังเกตว่าวุฒิไอเป็นระยะ ๆ 

“ได้รับยามา 6 เม็ด น่าจะเป็นยาแก้ไอ เพราะผมบอกเขาว่าผมไอ ระหว่างนี้ก็ดูอาการไปว่าเป็นยังไง หากไม่ดีขึ้น ผมก็ต้องแจ้ง อสรจ. (นักโทษอาสาเรือนจำที่คอยดูแลเพื่อนนักโทษด้วยกัน โดยทุก ๆ แดนจะมี อสรจ.ประจำแดน) ผมอยากจะตรวจตาด้วย ช่วงนี้มองไม่ค่อยชัด แต่ทางเรือนจำบอกว่า ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดก่อน ผมว่าจะขอตรวจอีกที ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ผมผอมลงไปมาก จาก 74 กิโล ตอนนี้เหลือ 52 กิโล เอง”

วุฒิบอกว่าสถานการณ์ในเรือนจำตอนนี้ปกติดี ส่วนเรื่องที่น้อง ๆ เคลื่อนไหวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เขาว่าอยู่ที่เรือนจำมีนบุรีไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ 

“ที่นี่ผมอยู่คนเดียว แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อน ผมคิดว่าช่วงนี้มันมีเหตุการณ์หลายอย่าง มันก็ส่งผลดีขึ้น ขอบคุณทุกคน ๆ ขอบคุณศูนย์ทนายฯ ที่คอยเผยแพร่ข้อมูล และคอยสอดส่องดูแลพวกผม ขอบคุณน้อง ๆ ที่เคลื่อนไหว มันส่งผลทั้งเรื่องเรือนจำ และกำลังใจมาก ๆ ผมก็อยากจะทำอะไรได้มากกว่าขอบคุณ”

วุฒิบอกว่าเขาดีใจกับเบนจาและมณีขวัญมาก ๆ ที่ไม่ต้องเข้ามาในเรือนจำ 

“แต่มันก็เซ็ง ๆ นะ ที่ผมเองยังไม่ถูกตัดสินแต่ต้องติดอยู่ที่นี่มา 7 เดือนแล้ว การทำแบบนี้ก็เหมือนบีบให้ผมต้องจนตรอก ถึงมีคำพิพากษาแล้ว เราก็ยังมีสิทธิประกันตัว แต่ผมและหลาย ๆ คน ถูกฟ้องก็ต้องมาติดอยู่ในนี้ ผมไม่อยากให้ใครต้องเข้ามาติดในนี้อีกแล้ว มันไม่ควรมีใครติดคุกเพียงเพราะเห็นต่าง ประเทศประชาธิปไตยมันไม่ใช่แบบนี้”

วุฒิแสดงความคิดเห็นเรื่องการนิรโทษกรรมผู้ต้องหาทางเมืองอีกครั้ง เขาบอกว่าหากทำได้ก็ดีใจเพราะไม่เพียงแค่ตนเอง แต่คนที่โดนคดีทางการเมืองทุกคนจะได้ประโยชน์ไปด้วย 

“มันจะได้ช่วยคนที่ยังไม่ถูกตัดสินแบบผมและหลาย ๆ คน การติดคุกแบบนี้เหมือนกลั่นแกล้งกันไปเรื่อย ๆ สุดท้ายพวกผมก็ต้องจำยอมรับสารภาพไปเพราะไม่มีทางสู้ บีบให้จนตรอก คล้ายกับว่าเชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าใครหือออกมาก็โดนแบบนี้อีก โดนคดี จับเข้าคุก พออยู่ในนี้ทุกวันมันคิดไป แม้ใจจะสู้แค่ไหน แต่อำนาจอยู่ในมือเขา อยู่ไปก็เตรียมใจไป แม้ใจจะสู้แค่ไหน แต่กระบวนการมันไม่ยุติธรรมกับพวกผมเลย”

วุฒิบอกว่าเขายังเชื่อมั่นในตัวน้อง ๆ นักกิจกรรมและพลังของประชาชนว่า นี่แหละคือพลังที่เปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่พรรคการเมืองพรรคไหน 

“พรรคการเมืองสุดท้ายก็เข้ามาหาประโยชน์เพื่อตัวเองเพื่อพวกพ้อง ดูสิ่งที่เพื่อไทยทำ หาเสียงเรื่องประชาธิปไตย สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ เงินดิจิตอลวอลเล็ทอะไรเนี้ย มันจะทำยังไง ผมก็รอดูอยู่ ดูจากที่เป็นอยู่ไม่ต่างจากรัฐบาลประยุทธ์เลย วันที่น้องหยกไปยื่นเรื่องตากใบกับ 112 ก็เมิน แต่ตอนหาเสียงพูดอีกแบบหนึ่ง ตอนนี้ก็คงหาทางลงไม่ได้ละ ขึ้นหลังเสือละ รอสูญพันธุ์ไป ประชาชนเขาไม่ได้โง่แล้ว”

จนถึงวันที่ 6 พ.ย. 2566 วุฒิถูกคุมขังมาแล้ว 225 วัน

.

“กิ๊ฟ” ทีปกร: ผู้ต้องขังที่มีอิทธิพลในแดนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น


กิ๊ฟบอกว่า เขารู้สึกไม่ค่อยสบาย มีอาการไอหนัก กลางคืนตัวร้อน แต่พอเช้ามาก็ไม่ร้อน แค่มันรู้สึกไม่สบายตัว โดยเมื่อวานได้เจอเจ้าหน้าที่มาถามอาการป่วยที่หน้าแดนแล้ว แค่ซักถามไม่ได้มีการตรวจ และจะได้ยาวันต่อมา ซึ่งยาที่ได้รับก็จะเป็นพวกยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอมะแว้ง 

นอกจากธี กิ๊ฟซึ่งอยู่แดน 5 ก็เป็นอีกคนที่เคยประสบกับการใช้อิทธิพลของผู้ต้องขังบางรายที่มีอิทธิพลในเรือนจำ กิ๊ฟบอกว่า แม้จะร้องเรียนไปก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ช่วงนั้นเขาทำงานห้องสมุด ผู้ต้องขังคนดังกล่าวเคยส่งคนมายืมเงิน แต่เขาไม่ได้ให้ โดยให้เหตุผลว่าเคยให้เพื่อนผู้ต้องขังยืมแล้วแต่ไม่ได้คืน กิ๊ฟบอกอีกว่า ผู้ต้องขังคนนี้มักจะเรียกรับสิ่งของจากคนอื่น ๆ อยู่เสมอ เช่น เรียกรับนมกล่องเป็นรายเดือน แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถจัดการปัญหานี้ได้

ช่วงนี้ซึ่งเขาไม่ได้ทำงานห้องสมุดแล้ว แต่พี่ที่ทำงานที่ห้องสมุดอยากให้เขากลับไปทำงานเหมือนเดิม ผู้ต้องขังคนดังกล่าวทราบเข้าก็มาโวยวาย โดยระบุว่าไม่เอาทีปกร “เคยออกไปแล้วจะกลับเข้ามาอีก ที่นี่ไม่ใช้โรงลิเกนะ ทำงานมั่ว ชอบแอบอ้าง” สุดท้ายกิ๊ฟก็ไม่ได้ทำงานที่ห้องสมุดอีก แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไร โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นกับหลายคน และหลายครั้งที่ผู้ต้องขังคนดังกล่าวมีอำนาจที่จะสั่งการสิ่งต่าง ๆ ได้

กิ๊ฟยังหวังเรื่องการประกันตัวอยู่ เนื่องจากหลาย ๆ คดีก็เริ่มตัดสินกันแล้ว คนเริ่มเข้ามาเยอะขึ้น ก็ยังหวังว่าอยากให้ทุกคนได้ประกันตัวออกไป

จนถึงวันที่ 6 พ.ย. 2566 กิ๊ฟถูกคุมขังมาแล้ว 141 วัน

.

“เก็ท” โสภณ: Domimail ไม่ผ่านเซ็นเซอร์มาหลายสัปดาห์แล้ว รวมทั้งครั้งล่าสุดที่วิจารณ์การใส่ตรวน

เก็ททักทายทนายอย่างสดใส เขาเริ่มเล่าเรื่องตลกของเขาก่อน เขาบอกว่า หลังจากเล่าเรื่องหน้ากากอนามัยหมด เรื่องวัคซีน ให้ทนายฟัง ของทุกอย่างที่เขากล่าวถึงก็มาพร้อม ๆ กันในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา 

“ทั้งหน้ากากอนามัยที่นอกจากจะมีของที่ทานตะวันหามาบริจาคให้ เรือนจำก็นำหน้ากากอนามัยมาเพิ่มให้อีกชุดนึง จากนั้นก็มีวัคซีนมาแจกให้ผู้ต้องขังในเรือนจำเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าครบทุกแดนมั้ย”

โดยเก็ทได้ฝากขอบคุณทานตะวันที่ช่วยจัดหาหน้ากากอนามัยมาให้คนในเรือนจำอีกทาง

หลังจากนั้นเขาได้บ่นเรื่องจดหมาย domimail เนื่องจากจดหมายของเขาไม่สามารถผ่านเรือนจำออกมาได้อีกแล้ว เท่ากับว่าจดหมายของเขาแทบไม่ผ่านเลยมาหลายสัปดาห์ เขาเล่าว่า รอบนี้เขาเขียนเรื่องประวัติการตีตรวน และการตีตรวนในศาล ว่ามันทรมานร่างกายโดยไม่จำเป็นมากแค่ไหน

“อยู่ที่ข้อเท้า ตาตุ่มก็เจ็บ ต้องคอยดึงขึ้นมาที่หน้าแข้ง น่าผิดหวังที่ราชทัณฑ์ล้วนกลัวการทำอะไรที่มีมนุษยธรรมเพียงเพราะกลัวโดนตรวจสอบย้อนหลัง การที่เรือนจำจะแก้ปัญหาเองคงเป็นไปได้ยาก”

เก็ทบอกว่า สิ่งที่เขียนไปเริ่มตั้งแต่ การใส่ตรวนที่เป็นโซ่ตรวนจริง ๆ แบบหนาหนัก ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แบบเดิม ข้อดีคือมันไม่บาด ข้อเสียก็คือมันหนัก ส่วนแบบใหม่ที่ใช้กุญเเจมือมาคล้อง ข้อดีคือเบา ข้อเสียคือมันบาดข้อเท้า บาดตาตุ่ม 

“เมื่อก่อนนี้ก็ไม่ได้ใส่กับผู้ต้องขังทุกคน จนมีกรณีของประสิทธิ เจียวก๊ก จึงใส่ตรวนให้กับผู้ต้องขังที่ต้องออกศาลทุกคน โดยไม่พิจารณาเป็นกรณีหรือความหนักเบาของคดีเลย มันส่งผลเสียให้กับครอบครัวของผู้ที่ถูกตีตรวนได้เหมือนกันนะ พ่อแม่บางคนไม่กล้ามาดูลูกที่ถูกใส่ตรวนที่ขาเลยก็มี แล้วยิ่งถ้าคดีของคนเหล่านั้นถูกยกฟ้อง พิพากษาว่าไม่ผิด จะชดใช้ความเสียหายทางจิตใจเหล่านี้อย่างไร” เก็ทตั้งคำถาม

เขาอยากย้ำว่า เรื่องการใส่ตรวน ไม่ใช่การเรียกร้องแค่เพื่อตัวเอง เขาเรียกร้องเพื่อทุกคน ให้ได้รับการพิจารณาใส่ตรวนโดยยุติธรรม ไม่ใช่ใส่ตรวนโดยไม่จำเป็นกันทุกคนแบบนี้

เก็ทยังฝากบอกบังป่านกับแก็ปว่า “เพื่อนในเรือนจำคิดถึงนะ สองคนคือสีสัน เป็นรอยยิ้มของเพื่อนในนี้เลย” และฝากบอกทุกคนว่า “ยังสู้ ยังเข้มแข็งอยู่นะ ส่วนจดหมายที่จะเขียนต่อไปคือเรื่อง ตากใบ กรือเซะ”

จนถึงวันที่ 6 พ.ย. 2566 เก็ทถูกคุมขังมาแล้ว 75 วัน

.

“หนุ่ม” สมบัติ: การตัดสินใจไม่ฎีกาคือทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

สมบัติทักทายทนายด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ดูแจ่มใส ไม่เครียด พอถูกถามว่า เป็นยังไงบ้าง สมบัติก็ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า เเข็งเเรงดีทั้งกายเเละใจ สบายดี เเฮปปี้ดี ตอนนี้ที่เเดน 4 นอนห้องเดียวกับเก็ท นอนข้างกันเลย ไม่เหงาเท่าไร เเบ่งขนมกันกิน 

“ตอนนี้ไม่ได้เข้ากองงาน เข้ามารอบนี้อายุเยอะขึ้น เขาเลยไม่ให้ทำงานเเล้ว พักผ่อนไป เลยคิดว่าจะออกกำลังกาย เพราะข้างในมีสนามมวย คนในเเดนก็น่ารัก”
 

สมบัติฝากให้ทนายช่วยเช็คเรื่องใบเด็ดขาดว่า มีเเนวโน้มจะได้เมื่อไร เพื่อจะได้ดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

สมบัติย้ำว่า การตัดสินใจที่จะไม่ฎีกานั้น เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับเขาและครอบครัว เขาได้คิดถึงเรื่องต่าง ๆ ประกอบกัน ทั้งทางบ้าน เรื่องงาน เเละเรื่องอื่น ๆ เพราะคราวที่เเล้วติดไปนาน ได้ประกันออกไปอยู่ข้างนอก 7 เดือน แล้วก็ต้องกลับเข้ามาอีก 

“อยู่ข้างนอกมันเร็ว เเป๊ป ๆ ก็ครบปี เลยคิดว่าฮึบเอาหน่อย แป๊ปเดียวก็ปีเเล้ว เพื่อที่จะไม่ต้องเข้ามาในวงเวียนนี้อีก ทั้งปั๊มลายนิ้วมือ ตัดผม อะไรก็ตาม” 

เขายังคงยืนยันว่า การตัดสินใจปล่อยให้คดีถึงที่สุดไม่ได้หมายความว่าไม่สู้ 

“ก็ยังสู้ในแบบที่ทำได้ ระวังตัวเพื่อไม่ให้กลับเข้ามาในนี้อีก เราไม่ได้ยอมเเพ้เลย แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เลยตัดสินใจเลือกทางนี้ ที่ดีที่สุดในตอนนี้” 

สมบัติทิ้งท้ายว่า “รู้สึกขอบคุณมาก ๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทุกอย่างมันพิสูจน์เเล้วว่า ทุกคนไม่เคยทิ้งไปไหน ขอบคุณมาก ๆ จากใจจริง ๆ ฝากขอบคุณเเละเคารพทนาย เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายฯ ทุกคนที่ช่วยเหลือมาตลอดตั้งเเต่สมรภูมิเเรก จนตอนนี้ ยาวนานมากจริง ๆ”

จนถึงวันที่ 6 พ.ย. 2566 สมบัติถูกคุมขังมาแล้ว 55 วัน

.

“อารีฟ” วีรภาพ: ชุดนักโทษสีฟ้าเหมือนชุดผู้ป่วยในโรงบาลจิตเวช เหมือนทุกคนในเรือนจำเป็นผู้ป่วยจิตเวช

อารีฟบอกเล่าถึงสุขภาพในช่วงนี้ว่า เขากินยาพาราจนเกือบจะหายดีแล้ว เหลือเจ็บคอและมีน้ำมูกนิดหน่อย เขากล่าวกับทนายด้วยว่า อยากให้คดีการเมืองทุกคดีได้รับการใส่ใจพอ ๆ กัน ไม่อยากให้ลืมคนที่ไม่มีแสงไว้ข้างหลัง 

อารีฟเล่าอีกว่า วันนี้โดน ผบ.แดน พูดจาไม่ดี เนื่องจากตอนไปรับยาซึมเศร้า เขาใส่แมสก์ไปด้วย แต่ปกติไม่ได้ใส่ เมื่อผบ.แดน เห็นจึงบอกให้ถอดออก และพอเห็นว่าอารีฟไว้หนวดก็ขู่ว่า “จะเตะหนวดหลุด” และยังพูดว่า “ถ้าเห็นผมและหนวดไม่เรียบร้อยจะตบให้หัวทิ่ม” แต่อารีฟไม่ได้สนใจ รับยาแล้วออกมา เขาบอกว่า ขนาดผมกับหนวดยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะทำอะไร จะไว้ยังไง รู้สึกไม่มีสิทธิเสรีภาพมากเกินไป 

นอกจากนี้ อารีฟบอกว่ามีคนรับยาจิตเวชเพื่อไปขายต่อให้นักโทษคนอื่นด้วย “เขาซื้อกันเพราะนอนไม่หลับ” แต่อารีฟมียาเป็นของตัวเองอยู่แล้วจึงช่วยให้หลับง่าย หลังจากเล่าไปสักพักอารีฟก็บอกว่า ชุดนักโทษสีฟ้านี่ก็เหมือนชุดผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวชเลย เหมือนทุกคนในเรือนจำเป็นผู้ป่วยจิตเวช (หัวเราะ)

อารีฟมักจะมีปัญหากับคนที่ชอบแซงคิวในแดน เขาเล่าว่า ช่วงเช้า (3 ต.ค.) ก่อนที่ทนายจะมาเยี่ยม มีเรื่องนิดหน่อยกับผู้ต้องขังด้วยกัน เพราะขณะที่ต่อแถวจะออกมากินข้าวซึ่งมีลักษณะนั่งเป็นกอง ๆ ละ 12 คน มีผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วยผู้คุมที่ทำงานอยู่กองหน้า มาแทรกคิวคนที่ต่อแถวอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงรู้สึกไม่พอใจและมีการกระทบกระทั่งทางคำพูด

อารีฟยังเล่าอีกว่า ช่วงนี้ผู้ช่วยมาถ่ายรูปถี่ขึ้น “ปกติมาถ่ายรูปผู้ต้องขังการเมืองในแดนเดือนละครั้ง แต่สัปดาห์นี้มาถ่าย 2 ครั้งแล้ว เหมือนคอยถ่ายรายงานให้ ผบ.หรืออธิบดีทราบความเคลื่อนไหว​”

อารีฟเล่าย้อนถึงร่างกายของตนเองก่อนเข้าเรือนจำว่าอ้วนกว่าตอนนี้และผมยาว “เป็นตัวตึง (หัวเราะ) จากตอนก่อนเข้ามาน้ำหนัก 70 กว่า ตอนนี้เหลือ 60 กว่าแล้ว ผอมเลย เหมือนคนติดยา นอกจากนี้ก็รู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้นด้วย” 

สำหรับกิจวัตรประจำวันของอารีฟ เขาบอกว่าเขาได้ออกกำลังกายบ้าง เตะตะกร้อบ้าง แต่ยังกินข้าวมื้อเดียวเหมือนเดิม คือมื้อที่มีคนซื้อส่งเข้ามาให้ เพราะอาหารหลวงกินไม่ได้ นอกจากนี้ยังได้เล่นกีต้าร์บ้างเพราะอยู่กองงานดนตรีเลยพอไปเล่นได้บ้าง

อารีฟบอกว่า เขาไม่อ่านแฮรี่พอตเตอร์แล้ว แต่อยากอ่านเรื่องผีแทน เพราะกำลังอ่านเรื่องผีอยู่และรู้สึกสนุก 

“ถ้าเป็นไปได้ขอเป็นเรื่องเล่า ไม่เอานิยาย เพราะเรื่องเล่าหลอนกว่า เหมือนฟัง the ghost”

ทั้งนี้ ทนายความได้ยื่นประกันอารีฟอีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งในวันที่ 30 ต.ค. 2566 ‘ยกคำร้อง’ ขอประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า “การกระทำของจำเลยมีลักษณะลักษณะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ประกอบกับศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว และเหตุตามคำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์”

อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 พ.ย. 2566 ทนายได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่ออุทธรณ์คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว

จนถึงวันที่ 6 พ.ย. 2566 อารีฟถูกคุมขังมาแล้ว 40 วัน

.

X