บันทึกเยี่ยมผู้ต้องขังคดี ม.112 “เก็ท-อารีฟ-วุฒิ-วารุณี-สมบัติ” 6-10 พ.ย. 2566

ระหว่างวันที่ 6-10 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังทางการเมืองซึ่งถูกคุมขังในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้แก่ ‘วุฒิ’ ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี, ‘หนุ่ม’ สมบัติ ทองย้อย, ‘เก็ท’ โสภณ, ‘อารีฟ’ วีรภาพ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ ‘น้ำ’ วารุณี ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์

‘วุฒิ’ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลเหมือนเดิมเพราะเขาเฝ้าติดตามเรื่องการเมืองอย่างใกล้ชิดและหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ ‘น้ำ’ คิดคำนวณอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะได้ออกจากเรือนจำ โดยเธออยู่ระหว่างการตัดสินใจที่สำคัญว่าจะเลือกทางใดในคดี ระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือปล่อยให้คดีสิ้นสุด

‘หนุ่ม’ รู้สึกสบาย ๆ ในอาทิตย์นี้เพราะเขาได้ตัดสินใจไม่ยื่นฎีกาในคดีของตนเอง เขารู้สึกว่าเป็นหนทางที่ทำให้เขาได้ช่วงเวลาที่แน่นอนที่จะได้ออกจากเรือนจำ ขณะที่ ‘เก็ท’ ได้สร้างชุมชนของการพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติขึ้นในเรือนจำและหวังว่าจะฝึกภาษาเพื่อเตรียมตัวในการเรียนต่อ ส่วน ‘อารีฟ’ มีอาการนอนไม่ค่อยหลับบ่อยครั้งและอยากเรียกร้องให้ทุกคนข้างนอกสนใจเรื่องการเมืองและนักโทษการเมืองมากขึ้น 
.


วุฒิ: ตั้งแต่ได้รัฐบาลมาทุกอย่างมันคลุมเครือ 


วุฒิ ยิ้มทักทายทนายแล้วก็ถามถึงข่าวเพื่อนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ และข่าวสารทางการเมืองเหมือนทุกครั้ง เมื่ออ่านเรื่องนายกฯ ถูกประชาชนขู่ เพราะผิดหวังกับพรรคการเมือง 

วุฒิแสดงความเห็นว่า “จริง ๆ คนเค้าตั้งความหวังกับรัฐบาลใหม่มาตลอด ได้รัฐบาลแล้วเค้าก็หวังความเปลี่ยนแปลง แต่นี่ตั้งแต่ได้รัฐบาลมาทุกอย่างมันคลุมเครือ ประชาชนก็ไม่พอใจเป็นปกติ มันน่าจะมีคนไม่พอใจเยอะกว่านี้นะ จริง ๆ ควรฟังเค้านะ การที่เค้าโพสต์มันอาจจะเกินเลยไป แต่หากเรียกมาคุยแล้ว รู้ปัญหาแล้ว ควรแก้ไขหรือเปล่า”

นอกจากนี้วุฒิยังแสดงความเห็นเรื่องข่าวเพื่อไทยไม่ยุบ กอ.รมน. ว่า เป็นการยากที่จะยุบ “ปัญหา กอ.รมน. เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขนะ นักการเมืองทุกคนรู้ปัญหา งบประมาณของ กอ.รมน. เยอะมาก ที่ผ่านมานักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ รู้ปัญหาหมด แต่สุดท้ายไม่มีใครกล้าทำอะไร 

“พอจะเข้าไปก็ไม่ได้ไปแก้ปัญหาหรอก แต่เข้าไปแบ่งผลประโยชน์ เพราะงบประมาณมันเยอะ ก้าวไกลอยากแก้ไขแค่ไหนก็ทำได้ยาก ต้องฝ่านักการเมืองเก่า ๆ ฝ่าอำนาจเก่า ปัญหาสามจังหวัดไม่เคยหายไปไหน ปัญหาไม่เคยหาย งบลงเยอะตลอด”

วุฒิพูดต่อไปถึงเรื่องการที่คนในจะเริ่มเปลี่ยนแปลงระบบก็จะอยู่ไม่ได้

“ผมจำได้ว่าพลตำรวจตรีปวีณ ที่พยายามเปิดโปงปัญหา เรื่องการคอร์รัปชั่น ปัญหาผู้ลี้ภัย โรฮิงญา กลายเป็นว่าต้องถูกย้าย สุดท้ายต้องลี้ภัยไป ตอนนี้ก็เป็นพลเมืองออสเตรเลียแล้ว ตรงนี้ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ปัญหา แต่เค้าจะเอายังไง ผมหวังว่าก้าวไกลจะฝ่าฟันไปให้ได้”

เขายังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิตอลวอลเล็ทด้วยว่า “ตอนนี้อะไรที่เคยหาเสียงไว้ จะรักษาคำพูดหรือเปล่า เงินดิจิตอลวอลเล็ทนี่นับวันจะเหมือนโครงการประยุทธ์เข้าไปทุกที ถามอะไรก็คลุมเครือ” 

ก่อนจากกันทนายแจ้งกับวุฒิว่าแฟนของเขาไม่สามารถลางานได้และต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถมาเยี่ยมได้ จึงขอให้วุฒิไม่ต้องกังวล วุฒิมีน้ำตาคลอและฝากบอกแฟนว่าเข้าใจทุกอย่าง อยากให้แฟนดูแลตัวเองดี ๆ และตอนนี้สบายดี หายป่วยแล้ว 

วุฒิ ถูกคุมขังมาแล้ว 232 วัน  

.

น้ำ วารุณี: “การประกันตัว (ครั้งที่ 8) สำหรับน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเราประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มา 7 ครั้ง แล้วไม่กล้าขับรถอีก”

TW: suicide / self-harm

ทนายความได้ยื่นประกันตัววารุณีครั้งที่ 8 (นับรวมการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง) โดยผลการประกันตัวออกมาวันที่ 5 พ.ย. 2566 ว่าศาลอุทธรณ์ยังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัว น้ำยิ้มบาง ๆ แต่แววตายังมีความผิดหวังเจืออยู่บ้าง

“การประกันตัวสำหรับน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเราประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มา 7 ครั้ง แล้วไม่กล้าขับรถอีก พอยื่นครั้งที่ 8 ความกลัวที่ทนายจะเข้ามาหาแล้วบอกว่า ยกคำร้องนะ ก็กลับมาอีกครั้ง น้ำจะไม่คิดอะไรแล้วค่ะ ให้โชคชะตานำทางไป แต่ก็โล่งใจที่อัยการไม่ขยายอุทธรณ์ต่อ ถ้าได้ประกันออกไป ฟังอุทธรณ์ข้างนอกแล้วผลอุทธรณ์ยืน ต้องกลับมาติดใหม่ น้ำก็คงต้องทำใจ ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง มันขึ้นอยู่กับศาลเลยค่ะว่าจะให้ชีวิตน้ำไปทางไหน

“อยากได้ฟีลแบบ กล้าขอก็กล้าให้เหมือนกันนะ (ยิ้ม) แต่ครั้งที่ 9 ยื่นกับศาลฎีกานี่ก็ไม่รู้ว่าจะหวังได้มั้ย”

ปัจจุบันน้ำยังคงอยู่ในการดูแลรักษาของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ “กลับแดนก็คงเซ็งกว่านี้หน่อย แต่ไม่ชอบฟีลแบบ 2 ทุ่ม 6 โมง จะมีใครมาเบิกตัวเรามั้ยนะ แล้วก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เรื่องข้าวเช้าอาจจะซื้อขนมปังไว้ตอนเย็นเพื่อกินตอนเช้าแทน น้ำต้องปรับตัวหน่อยแล้ว เพราะตลอดเวลาน้ำคิดว่าจะได้ประกัน ก็เลยไม่ได้ปรับเรื่องข้าว คิดว่าเดี๋ยวก็ได้ออกไปกินข้างนอก แต่นี่ติดจริงแล้ว ก็คงต้องปรับอะไรบ้าง”

น้ำยังคงมีความกังวลและครุ่นคิดเรื่องว่าจะรอคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือเซ็นใบเด็ดขาดไปเลย 

“น้ำไม่รู้ว่าทางไหนมันดีกว่า พักโทษก็ไม่รู้ว่ามีหวังมั้ย อภัยจะล็อกชั้นรึเปล่า ผลอุทธรณ์จะยืนหรือรอลงอาญาตามที่ขอ คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ทำให้น้ำยิ่งเครียด น้ำคิดมาแล้ว ถ้าไม่ได้ประกันตัว น้ำก็จะเซ็นใบเด็ดขาด รอเลื่อนชั้น ทำเอกสารรอพักโทษ ถ้าพักโทษไม่ผ่าน ก็รออภัยโทษ ถ้าไม่ได้อภัยโทษ ก็ติดชนป้ายไป จบ

“ถ้ารอฟังอุทธรณ์ มันนานเกินไป น้ำกังวลเรื่องระยะเวลา ถ้ามันภายใน 3 เดือน น้ำก็อยากรอฟังนะ แต่ถ้านานกว่านั้น น้ำก็จะเลื่อนชั้นไม่ทัน เพื่อประโยชน์สูงสุด ก็คือการได้ออกจากเรือนจำเร็วที่สุด น้ำจึงคิดว่าเซ็นใบเด็ดขาดดีกว่าค่ะ”

ระหว่างพูดคุยกัน น้ำเกาผื่นบริเวณกระดูกไหปลาร้าบ่อยๆ จนขึ้นรอยแดงเป็นวง เธอคิดว่าน่าจะเป็นอาการแพ้ไม่ก็เชื้อรา หลังคุยเสร็จว่าจะไปถามพยาบาล 

เธอยังแจ้งว่าได้พบจิตแพทย์แล้ว “น้ำบอกหมอว่ามีวันนึง น้ำนอนมองลูกกรงแล้วก็คิดว่า ถ้าจะผูกคอตายกับลูกกรง ต้องผูกซี่ไหน ผูกเงื่อนยังไง คือมันดิ่งมาก ดิ่งจนจมพสุธาไปเลย ภวังค์นั้นถ้าอยู่ข้างนอก น้ำน่าจะเอายากรอกปากตัวเองไปแล้ว ความรู้สึกแบบไม่อยากอยู่แล้ว ทำไมชีวิตมันแย่ มันเฮงซวยขนาดนี้

“จิตแพทย์ก็ตกใจที่น้ำดิ่งหนักมาก เค้าก็เลยเพิ่มโดสยาขั้ว Mania ที่เป็นขั้วต้านเศร้า เพิ่มจาก 1 เม็ด เป็น 2 เม็ดเลย หมอบอกว่า มันน่าจะใช้เวลาสักอาทิตย์นึงนะ กว่ายาจะออกฤทธิ์ แต่น้ำกินไป 2 วัน ก็รู้สึกดีดขึ้นมาเลยนะ เมื่อเช้าไม่กินข้าวเลย นอนน้อยลง ดีดทั้งวัน เดินไปนู่นไปนี่

“พอเป็นแบบนี้มันก็กังวลนิดนึงค่ะ หมอบอกว่าน่าจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แต่น้ำใช้เวลาแค่ 2 วัน ก็คึกคักแล้ว ยาออกฤทธิ์เร็วมาก แต่ไม่รู้ว่ามันปรับโดสเยอะไปรึเปล่า อาจจะค่อย ๆ เพิ่มเป็นครึ่งเม็ดมั้ย คือการรักษาโรคไบโพล่าร์มันต้องให้ทั้งสองขั้วสมดุลกัน ก็เลยไม่รู้ว่าการที่เอเนอร์จี้เยอะขนาดนี้จะมีผลกระทบกับร่างกายในอนาคตรึเปล่า”

น้ำ วารุณี ถูกคุมขังมาแล้ว 139 วัน

.

เก็ท โสภณ: เตรียมตัวอ่านหนังสือหวังเข้าเรียนต่อคณะแพทย์

เก็ทบอกว่าช่วงนี้ในเรือนจำเขาลองทำหลายอย่างมาก มีคนจีนมาสอนเล่นหมากล้อม ฝึกภาษาจากหนังสือที่มีคนส่งเข้าไปให้ 

เก็ทบอกว่าตอนนี้ผู้ต้องขังคดีการเมืองได้แลกเปลี่ยนกับผู้ต้องขังต่างประเทศอยู่เรื่อย ๆ มีทั้งคนเกาหลี อินเดีย อเมริกา จีน บางคนเหมือนจะงง ๆ เรื่องการเมืองในไทย ก็เลยเปรียบเทียบประวัติศาสตร์ว่าคล้ายกับเหตุการณ์ใดของประวัติศาสตร์ของชาตินั้น ๆ

เมื่อพูดถึงเรื่องภาษา ก่อนหน้านี้ เก็ทวางแพนจะสอบเรียนต่อที่คณะเเพทย์ จึงต้องอ่านหนังสือภาษาและเตรียมตัวภาษาอย่างจริงจัง 

เขายังเล่าเรื่องตลกว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนพี่อานนท์หยอก ‘เก่ง พลพล’ ว่าคุณลองกราบเมียดูสิ คุณได้ออกแน่ แล้วเก่งทำจริง สรุปได้ออกจริง (เขาพูดปนหัวเราะ) พร้อมแซวว่าคนพูดไม่ลองทำเองบ้างเหรอ

นอกจากนี้เก็ทได้ฝากแจ้งผู้สนใจทุกท่านว่า วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ยกเลิกนัดสืบพยานในคดีที่ศาลอาญาธนบุรีแล้ว รออ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ธันวาคม นี้

เก็ท โสภณ ถูกคุมขังมาแล้ว 82 วัน

.

หนุ่ม สมบัติ: รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ อาจเป็นเพราะเราไม่ต้องคาดหวังอะไรเเล้ว 


วันนี้สมบัติทักทายด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม เสียงเเจ่มใส เมื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ก็ได้รับคำตอบว่า “สบายดีทั้งกายเเละใจ” 

เขาบอกว่าได้ออกกำลังกายบ้างตามสภาพร่างกายที่เเก่เเล้ว ตามที่ไหว พร้อมหัวเราะ เมื่อทนายเเซวว่าหนวดขึ้นเเล้วนะพี่หนุ่ม สมบัติก็หัวเราะ ด้วยสีหน้าสบาย ๆ เขาเล่าต่อว่า ตอนนี้เรื่องที่บ้านก็สบายใจขี้นเยอะ ดีขึ้นเยอะเเล้ว 

สมบัติเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเเดนให้ฟัง เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เเละได้พูดถึงการตัดสินใจที่จะไม่ฎีกาคำพิพากษาต่อว่า  “ที่รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ อาจเป็นเพราะเราไม่ต้องคาดหวังอะไรเเล้ว โดยเฉพาะการประกัน ที่ผ่านมาพอรู้ข่าวว่ายื่นประกัน ก็จะมีความหวังมาก ๆ เเต่พอไม่ได้ ใจก็ดิ่งวูบ ผิดหวัง หมดหวัง มันวน ๆ อยู่แบบนี้ 

“เเล้วยิ่งครอบครัวเราอาจจะเเย่กว่าที่เรารู้สึกด้วยซ้ำ พอตอนนี้หลังการตัดสินใจครั้งใหญ่เรื่องการฎีกา มันก็เหมือนไม่ต้องขึ้นรถไฟเหาะขึ้น ๆ ลง ๆ เเล้ว เหมือนเริ่มเห็นเเสงที่ปลายอุโมงค์ รู้ว่าเมื่อไรเราจะได้ออกไป หลาย ๆ อย่างมันก็ดีขึ้น” 

ทนายได้แจ้งเรื่องที่อัยการยังขอขยายระยะเวลาฎีกาอยู่ ซึ่งทำให้คดียังไม่ถึงที่สุด สมบัติตอบว่า ก็คงต้องปล่อยไปตามกระบวนการ เขายังพูดคุยเรื่องการนับโทษ โดยบอกว่าได้ทนายอานนท์ช่วยอธิบายวิธีนับโทษให้ฟัง จึงได้เข้าใจเรื่องนี้ขึ้นเยอะ

สมบัติยังเล่าว่าตอนนี้ในเรือนจำก็มีข่าวเรื่องการอภัยโทษออกมา “ด้วยพื้นที่เล็ก มีข่าวอะไรเข้ามาก็จะกระจายไว ซึ่งผู้คนข้างในก็พูดคุยกันด้วยความหวังในเรื่องนี้ว่าจะได้ออกไป เหมือนเป็นการปลอบใจตัวเองไปด้วย คุยกันเพื่อความสบายใจ” 

หนุ่ม สมบัติ ถูกคุมขังมาแล้ว 62 วัน

.

อารีฟ วีรภาพ: อยากให้สนใจเรื่องการเมืองกันเยอะ ๆ คนข้างในหลาย ๆ ครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกลืมถูกทิ้ง

อารีฟดูผอมลงไปจากปกติ อาจเป็นเพราะวันนี้ใต้ตาคล้ำค่อนข้างมาก เลยทำให้ยิ่งตอกย้ำความซูบผอมขององเขามากยิ่งขึ้น 

อารีฟบอกว่าช่วงนี้ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แค่เมื่อคืนนอนหลับได้ไม่เต็มอิ่ม หลับ ๆ ตื่น ๆ กลางดึก เลยรู้สึกนอนไม่พอ นอกจากนี้ตลอดระยะเวลาที่คุยกัน อารีฟปิดปากหาวอยู่บ่อย ๆ บอกว่าที่จริงถ้าให้นั่งรอเฉย ๆ ไปอีกสักนิด น่าจะหลับแล้ว แต่ถ้าให้เข้าไปนอนในแดนตอนนี้ก็นอนไม่หลับ เพราะเสียงค่อนข้างดัง

ช่วงนี้อารีฟบอกว่าเริ่มกลับมากินอาหารหลวง (อาหารของเรือนจำ) เป็นมื้อเช้าบ้าง เพราะรู้สึกว่าตัวเองผอมเกินไป แต่ก็เหมือนเสี่ยงดวง 

“บางวันอาหารก็พอกินได้ แต่หลาย ๆ วันข้าวแข็งแทบบาดคอ เหมือนซาวข้าวเสร็จแล้วลืมกดหุงแล้วเอามาให้กินเลย กับก็แล้วแต่วัน บางวันก็มีเนื้อมาบ้าง แต่บางวันก็มีแต่น้ำซุป” 

อารีฟเล่าว่าพยายามกินข้าวเช้าให้พออยู่ท้องบ้าง เตะตะกร้อบ้าง เดินรอบแดนบ้าง ไม่อยากให้ร่างกายโทรมมาก เดี๋ยวออกไปแล้วลูกจำไม่ได้

อารีฟยังเล่าติดตลกว่ามีวันหนึ่งไม่มีข้าวมาจากข้างนอก ไม่มีใครในแดนได้สักคน 

“ทุกคนว้าวุ่นฟุ้งซ่านมาก มานั่งจับเข่าคุยกันว่า เขาลืมเราแล้วเปล่าวะ หรือพอมีคนเริ่มได้ประกันตัวแล้ว เขาจะไม่ส่งข้าวแล้วรึเปล่า? แล้วก็มีคนแซวว่าพวกเราโดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว จังหวะนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าหรือเขาเลิกส่งข้าวให้เราแล้วจริง ๆ พอเช้าวัดถัดมา ลงแดนมาอย่างแรกที่ทุกคนรีบไปดูเลย คือมีข้าวฝากเข้ามาให้มั้ย พอได้เห็นชื่อตัวเองก็ดีใจกันว่ากูรอดละ (หัวเราะ)

 “เป็นวันที่ทุกคนช็อค เลิกคิดเรื่องประกันตัว เรื่องอยากกลับบ้านไปเลย ทุกคนมานั่งกังวลแต่เรื่องข้าวว่ายังจะได้มั้ย เขาแค่ลืมหรือเขาจะไม่ฝากเข้ามาแล้ว คิดวนกันอยู่แค่นั้น

“อารีฟฝากบอกว่าถ้าไม่ส่งข้าวเข้ามาให้ ข้างในจะอดอาหารประท้วงนะ ไม่ได้ประท้วงขอประกันตัว แต่จะประท้วงขอข้าวแทน คนส่งข้าวเป็นความหวังของหมู่บ้านเลยนะ (หัวเราะ)”

อารีฟเล่าว่าช่วงนี้ข้างในแดน ทั้งนักโทษ ผู้คุม หลาย ๆ คนมองว่าพวกผู้ต้องขังทางการเมืองอาจจะใกล้ได้ปล่อยตัวแล้ว เพราะก็รู้สึกกันว่าคนเริ่มเยอะ เริ่มมีปัญหาเขม่น ๆ กันบ้าง เรือนจำน่าจะอยากให้เอาออกไปมากกว่า

อารีฟยังบอกอีกว่า เขาเอาเสื้อตัวหนึ่งไปสกรีนข้อความทางการเมืองและ 112 แล้วใส่เดินรอบแดน หลายคนเห็นเขาก็ไม่พอใจ อารีฟมองว่าเราแค่ใส่เสื้อ เราไม่ได้ทำอะไรเลย แค่คำบนเสื้อมันไปยกเลิกกฎหมายไม่ได้อยู่แล้ว

อารีฟทิ้งท้ายฝากถึงคนข้างนอกว่า “อยากให้สนใจเรื่องการเมืองกันเยอะ ๆ คนข้างในหลาย ๆ ครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกลืมถูกทิ้ง อยากเรียกร้องให้ทุกคนได้เห็น ไม่ให้ลืมกัน”

อารีฟ วีรภาพ ถูกคุมขังมาแล้ว 47 วัน  

X