“เก็ท” ชี้ประเทศตื่นแล้ว และจะขยับต่อไปเรื่อย ๆ “รีฟ-วุฒิ” ป่วยไม่หาย ซ้ำแย่ลง เข้าถึงการรักษายาก “สมบัติ” ตัดสินใจไม่สู้คดีชั้นฎีกา พอใจโทษ 4 ปีแล้ว

ช่วงวันที่ 3 – 6 ต.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำ เพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในคดีที่มีข้อหาหลักเป็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวน 4 คน ได้แก่ “เก็ท” โสภณ, สมบัติ และ “อารีฟ” วีรภาพ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ “วุฒิ” ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี



เก็ท โสภณ – ถูกคุมขังชั้นอุทธรณ์มาตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2566


3 ตุลาคม 2566 : ยืนตรงเคารพเพลงสถาบันฯ เพราะอะไร?

ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ช่วงนี้มีการตั้งวงนั่งคุยเเลกเปลี่ยนกันของผู้ต้องขัง เก็ทได้เรียนรู้หลายเรื่องมาก ส่วนใหญ่เป็นประเด็นการเมืองการปกครองของประเทศไทยจากมุมมองของเพื่อน ๆ แต่ละคน วงนั่งคุยกันหลายเรื่องมาก บางคนแชร์เรื่องระบบแรงงาน บางคนเรื่องโครงการ ‘โคกหนองนา’ ว่ามันก็ใช้ได้นะ ถ้าคุณมีที่ดิน

ผู้คุมชอบมาพูดคล้ายกับแนะนำว่า ‘ทำยังไงให้ได้ออกไปเร็ว ๆ บ้าง’ ‘ให้รับสารภาพ จะได้ลดโทษแล้วออกไปไว ๆ …’

เมื่อวานเรือนจำฉายหนัง ‘ชีฮัล์ค’ (She-Hulk: Attorney at Law) ผู้ต้องขังคนอื่นพูดกันเล่น ๆ ว่า ผู้พิพากษาในซีรีส์นี้ดูมีความเป็น ‘มนุษย์’ มากเลยเนอะ จากนั้นพวกเราชวนกันคุยไปถึงประสบการณ์การเจอผู้พิพากษาของแต่ละคน ซึ่งส่วนใหญ่มีประสบการณ์ที่ค่อนข้างแย่ทีเดียว

ตั้งแต่เก็ทถูกคุมขังรอบนี้ เขาแสดงออกด้วยการไม่ยืนตรงเวลาเรือนจำเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีอีกครั้ง ผู้ต้องขังหลาย ๆ คนที่เคยไม่แสดงความพอใจเริ่มลดความตึงเครียดลงบ้าง ไม่มีการตะโกนเตือนให้ต้องยืนต้องแล้ว บางคนเปลี่ยนเป็นการเข้ามาพูดคุยแทน

เขาถามว่า ‘ไม่ยืนเคารพไม่กลัวโดนลงโทษเหรอ’ เก็ทเลยถามกลับไปว่า ‘ที่คุณยืน คุณกลัวโดนทำโทษจริง ๆ  หรือกลัวจะถูกมองไม่ดีแล้วจะไม่ได้รับการอภัยโทษ’ ซึ่งส่วนใหญ่ตอบเป็นอย่างหลัง ซึ่งเก็ทเห็นว่า สิ่งนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ศรัทธาในสถาบันฯ จริง ๆ หรอก

ฝากบอกทุกคนว่า อย่าลืมว่าประชาธิปไตยไม่ได้จบแค่ที่ ‘การเลือกตั้ง’ แต่ประชาธิปไตย คือระบบการทำงานทุกอย่างของรัฐบาล ของประเทศนี้ที่ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ต้องเห็นหัวประชาชน

5 ตุลาคม 2566 : ถอดบทเรียน 6 ตุลาฯ – ชี้ปัญหากรณีกราดยิง

เก็ทเริ่มต้นทักทายประโยคคำถามว่า “ทักษิณได้อภัยโทษเหลือ 1 ปีเหรอครับ” เขาตกใจมาก เก็ทบอกว่า สิ่งนี้ตอบคำถาม ‘ความประหลาด’ ในการกระทำของพรรคเพื่อไทยตลอดเดือนนี้ ประเทศนี้มันเต็มไปด้วยความตลกร้าย

ประเด็นเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างพารากอน เก็ทเห็นว่าสะท้อนปัญหาของประเทศนี้หลายประเด็นมาก

  1. เรื่องการพาดหัวข่าวของสื่อ เน้นเอายอดเอนเกจเมนต์ด้วยการลงว่า ‘ติดเกม’ มันมักง่ายมาก ลามไปถึงการทำข่าวที่มองแค่ยอดคนสนใจ อย่างพวกข่าวสิ่งประหลาดให้คนงมงาย สิ่งพวกนี้มันฉุดรั้งสังคม
  2. เรื่องปัญหาพฤติกรรมการดูแลเด็กของผู้ปกครอง 
  3. ปัญหาการแจ้งเตือนเหตุร้ายของรัฐที่ยังบกพร่องมาก

เก็ทถอดบทเรียน ตั้งแต่ 6 ตุลาฯ มาจนถึงปัจจุบันชนชั้นนำมักใช้ อินฟลูเอนเซอร์ในยุคนั้น ๆ เป็นตัวแปรเริ่มการบิดเบือนข้อเท็จจริง บิดเบือนความเป็นไปของสังคม หรือองค์ประกอบอื่น ๆ เพลงเราสู้ ‘สู้กับใคร’ ‘ให้สู้กับใคร’ หรือลูกเสือชาวบ้าน หรือดาวสยาม หรือพวกโหนสถาบันฯ เพื่อความชอบธรรมที่จะทำร้ายคนอื่นหรือฆ่า

6 ตุลาฯ มันสร้างความเสียหายต่อประเทศมากก็จริง แต่ในอีกแง่มันก็สร้างบุคคลคุณภาพออกมาเช่นกัน รวมไปถึงภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดการแก้มาตรา112 เพิ่มโทษ

6 ตุลาคม 2566 : เป็นห่วงตะวัน-บุ้ง นัดไต่สวนถอนประกัน

วันนี้เก็ทชวนถกเถียงกันเรื่อง ‘หลักนิติรัฐ นิติธรรม’ เก็ทอยากรู้และอยากเข้าใจว่าหลักการที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร เราคุยกันเรื่องนี้นานเกือบชั่วโมงได้

เก็ทแสดงความเป็นห่วง “ตะวัน” กับ “บุ้ง” เพราะใกล้จะถึงวันไต่สวนถอนประกันที่ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว ในวันที่ 9 ต,ค. ที่จะถึงนี้ เก็ทฝากเชิญชวนทุกคนไปทำบุญงาน ‘6 ตุลาฯ’ กันด้วย เป็นการส่งเสริมกำลังใจให้กันและกัน

“ประเทศนี้ตื่นแล้ว และจะขยับต่อไปเรื่อย ๆ คนที่ตื่นแล้ว สุดท้ายคุณก็จะทนเฉยอยู่ไม่ได้เอง คุณเห็นความบิดเบี้ยวนี้เเล้ว คุณก็จะอยากขยับเองในท้ายที่สุด”

สมบัติ ทองย้อย – ถูกคุมขังชั้นฎีกา มาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2566

3 ตุลาคม 2566 : ตัดสินใจจะไม่สู้คดีชั้นฎีกาต่อ พอใจกับโทษ 4 ปีของศาลอุทธรณ์แล้ว อยากให้ครั้งนี้เป็นการเดินเข้าเรือนจำ ‘ครั้งสุดท้าย’

ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

สมบัติถูกย้ายตัวมาอยู่ที่แดน 4 แล้ว วันนี้เราเจอกันผ่านภาพคอนเฟอร์เรนซ์ เนื่องจากสมบัติยังอยู่ในระหว่างการกักกันโรคที่เเดน 4 เขายิ้มทักทาย แกบอกว่าสุขภาพแข็งแรงดี มีช่วงเช้าฟึดฟัดบ้างเป็นปกติ อาการภูมิแพ้แต่ไม่ได้รุนแรงอะไร เป็นแบบนี้มาโดยตลอด

อยู่ที่แดน 4 มีความสุขดี มีเพื่อน พี่ น้อง คอยคุยด้วยตลอด และตอนที่เข้ามาครั้งแรกก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ทุกคนที่เคยเจอ เคยรู้จักตอนอยู่ครั้งที่แล้วก็ยังพูดคุยกัน ทำให้บรรยากาศในเรือนจำมันดีขึ้น

สมบัติตัดสินใจแล้วว่าต้องการจะรับโทษจำคุก 4 ปี ของศาลอุทธรณ์ ในฐานะนักโทษเด็ดขาด โดยประสงค์จะไม่สู้คดีด้วยการฎีกาคำพิพากษาอีก

แกบอกว่า ได้หาข้อมูลและคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว จะไม่ขอยื่นประกันตัวและฎีกาคำพิพากษาแล้ว ไม่อยากเข้า ๆ ออก ๆ เรือนจำอีก อยากให้คดีความจบสักที จะยอมทนอยู่ยาวครั้งนี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับมาเรือนจำอีกเป็นครั้งที่ 3 อยากให้ครั้งนี้เป็นการเข้าเรือนจำ ‘ครั้งสุดท้าย’ ของชีวิต

ไม่อยากจะประกันตัวออกไป แล้วต้องกลับเข้ามาก็ต้อง ‘ทำใจ’ ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งตัวเราและครอบครัว

“อยากให้เอาเวลาไปช่วยเหลือและดูแลเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนอื่น ๆ และคดีอื่น ๆ ที่กำลังทยอยจะมีคำพิพากษาเร็ว ๆ นี้ ส่วนพี่หนุ่มเองก็จะคอยเป็นกำลังใจให้ทุกคนดังเดิม”

“อารีฟ” วีรภาพ – ถูกคุมขังชั้นอุทธรณ์ มาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2566

4 ตุลาคม 2566 : เป็นหวัดตั้งแต่วันแรก เพิ่งได้พบหมอ แต่ยังถูกเลื่อนตรวจอาการ


ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

เราเข้าเยี่ยมวีรภาพทางจอภาพ เพราะว่ารีฟยังอยู่ในระหว่างกักกันโรค แต่จอภาพประจำจุดที่นั่งพูดคุยมีปัญหา ภาพติด ๆ ดับๆ จึงไม่สามารถมองเห็นหน้ากันและกันได้อย่างชัดเจน แต่ส่วนที่ภาพชัดเราเห็นว่ารีฟสวมหน้ากากอนามัย ถูกตัดผมจนสั้นเกรียนแล้ว และหน้าตาดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่

ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในเรือนจำ รีฟป่วยเป็นหวัด มีไข้ทุกวัน คล้ายว่าจะแพ้อากาศที่เปลี่ยนแปลงด้วย โดยเดิมรีฟมีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว เขาพยายามแจ้งกับผู้คุมเพื่อขอยาลดไข้และยาแก้แพ้ แต่การขอยาและขอพบหมอเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ  

รีฟบอกว่าได้รับอาหารและของใช้ที่มาประชาชนสั่งส่งเข้ามาให้แล้ว ฝากขอบคุณมาก ๆ เพราะว่าข้าวและน้ำในเรือนจำกินไม่ได้จริง ๆ ต้องซื้อกินเท่านั้น ซึ่งถ้าซื้อกินก็ไม่ค่อยมีเงินมากเท่าไหร่ ของใช้และอาหารที่มีพี่ ๆ น้อง ๆ จากข้างนอกซื้อให้ เขาก็ได้แบ่งบางส่วนให้ผู้ต้องขังคนอื่นได้กินได้ใช้ด้วย เพราะหลายคนที่ไม่มีเงินและไม่มีญาติก็จะไม่ได้กินข้าวที่กินได้จริง ๆ

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แพทย์จ่ายยารักษาอาการจิตเวชให้ทานตลอดมา แต่หลังจากที่อยู่กับเพื่อนและครอบครัวก็ทำให้อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ จากนั้นเลยไม่ได้ไปรับการรักษาต่ออีก แต่หลังจากต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ เขารู้สึกว่ามีอาการเครียดมากขึ้นกว่าเดิม และดูเหมือนว่าอาการน่าจะแย่ลงอีกครั้ง

รีฟบอกว่า ตอนนี้รู้สึกเครียด อยากกลับไปเรียนให้จบ กังวลเรื่องที่บ้าน และคิดถึงครอบครัว สะตุ้งตื่นช่วงประมาณตี 3 แทบทุกวัน เพราะคิดถึงลูกวัย 1 ปี 4 เดือน มากๆ

6 ตุลาคม 2566 : โดนลงโทษเช็ดสนามตากฝน ทั้งที่ยังป่วยอยู่ – สะดุ้งตื่นกลางดึกตลอด คาดอาการแพนิคแย่ลงเรื่อย ๆ 

วันนี้จอภาพเสีย เราจึงต้องพูดคุยกันผ่านการยกหูโทรศัพท์ รีฟเล่าว่าเมื่อเช้านี้โดนทำโทษมา เจ้าหน้าที่บอกว่าเขา ‘หัวเราะเสียงดัง’ จนถูกเจ้าหน้าที่ตักเตือนออกลำโพง ซึ่งลำโพงเสียงอู้อี้ ฟังไม่รู้เรื่อง รีฟจึงไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังถูกเตือนอยู่ 

“เขาใช้คำว่า ‘ทำผิดวินัย’ ลงโทษให้ผมไปเช็ดสนามเมื่อเช้านี้ โดนลงโทษกัน 3 คน มีผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ให้เช็ดสนาม ทั้ง ๆ ที่ฝนก็ตก ผมก็ต้องเช็ดสนามกลางสายฝน พื้นก็ไม่แห้ง เช็ดไปนาน 2-3 ชั่วโมงครับ เพิ่งได้ออกมา”

จนถึงตอนนี้อาการป่วยของรีฟก็ยังไม่หาย แจ้งเจ้าหน้าที่ไปแล้ว แต่เขาก็ยังทำโทษไปให้เช็ดสนามกลางสายฝนอยู่ดี รีฟขอพบหมอตั้งแต่วันแรกที่ถูกขัง แต่เพิ่งจะได้เจอหมอวันนี้ แต่ก็ไม่ทันได้ตรวจ หมอบอกว่า ‘ไว้มาพบหมอใหม่สัปดาห์หน้า’ “ผมงงมากเลย …”

ในเรือนจำจะมีผู้คุมหรือนักโทษบางส่วนที่เห็นด้วยและต่อต้านนักโทษทางการเมือง ถ้าเขารู้ว่าใครถูกขังในคดีการเมือง เขาก็จะพูดประชดประชัน เสียดสี ไม่ก็ลงโทษแบบไม่มีเหตุผลอย่างที่ผมเจอวันนี้

เขารู้สึกได้ว่าน้ำหนักตัวกำลังลดลง รู้สึกไม่มีแรง การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมทั้งวัน ทำให้เสียสุขภาพจิตมาก ในห้องมีทีวีแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่เปิดให้ อ้างว่า ‘ทีวีเสีย’ แต่ห้องที่มีนักโทษที่มีตำแหน่งเป็น ‘ผู้ช่วยผู้คุม’ อยู่ในห้องนั้นกลับเปิดทีวีได้เฉยเลย

รีฟเล่าเรื่องอาการป่วยให้ฟังว่า เขาป่วยจิตเวช เป็นภาวะวิตกกังวล (Panic) ซึ่งได้แจ้งเรือนจำแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับยาหรืออะไร พอตกกลางคืนก็จะวิตกกังวล นอนไม่ค่อยหลับ มักจะตื่นนอนตอนช่วงตี 2-3 แทบทุกคืน ลุกขึ้นมานั่งเหม่อคนเดียว บางทีก็ร้องไห้ รู้สึกดาวน์จนกระทั่งเช้า บางครั้งก็ไม่ค่อยรู้ตัวจนเพื่อนร่วมห้องทักว่า ‘เป็นอะไร’ …

ช่วงนี้คิดถึงลูกตลอด พอคิดถึงก็ร้องไห้ แล้วก็นอนได้ไม่เต็มอิ่ม เป็นแบบนี้วนลูปไป

อารีฟบอกว่าที่จริงมีเรื่องอยากพูดเยอะมาก ไม่รู้จะพูดอะไรบ้างดี แต่ก็อยากให้คนข้างนอกได้รับรู้ว่าข้างในมันลำบาก ในเรือนจำมันแย่มาก โดนกดขี่ ย้ำยี และอยากให้สังคมสนใจกับคนที่ไม่มีแสงด้วย อยากให้คนเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ อย่างน้อยได้ออกมาคุยบ้าง จะได้ไม่เครียดมาก

วุฒิ : – ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี มาตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 2566

4 ตุลาคม 2566 : ผอมลงมาก ป่วยยังไม่หาย – รู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นนักโทษการเมือง ‘คนเดียว’ ในเรือนจำนี้ 


ณ เรือนจำพิเศษมีนบุรี

เราคิดว่าวุฒิผอมลงมาก ตอนนี้เขายังไม่หายป่วย ยังมีอาการไอและมีน้ำมูกอยู่ตลอด

เราเล่าให้วุฒิฟังว่า ตอนนี้มีผู้ต้องขังคดีการเมืองเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ตอนนี้มีมากถึง 35 คนแล้วรวมวุฒิด้วย

“มันแย่มาก ๆ เลยนะครับ ที่เขาทำกับคนเห็นต่างแบบนี้ เป็นอะไรที่โหดร้ายมากเลย ทั้ง ๆ ที่นักกฎหมายเองน่าจะรู้ดีว่า ม.112 ไม่เป็นธรรม มันควรได้รับการแก้ไข แค่ประชาชนเห็นต่างกลับถูกแจ้ง 112 หรือทะลุแก๊สที่ออกมาเคลื่อนไหวก็ถูกตัดสินเข้าคุกไม่ให้ประกัน

“แม้กระทั่งตัวผมและอีกหลาย ๆ คน ที่แค่ถูกฟ้องเฉย ๆ ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาเลย แต่ศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ผมก็อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนมาก ๆ ผมรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน ผมเองก็สู้อยู่ ถึงจะกดดันมาก ๆ ก็ตาม

“ยิ่งการอยู่ในนี้ ‘คนเดียว’ ผมต้องใช้ชีวิตระมัดระวังมาก ๆ จะพูดจะสื่อสารอะไรก็ยาก การเป็นนักโทษการเมืองคนเดียวในเรือนจำ มันรู้สึก ‘ไม่ปลอดภัย’ เลย …”

เท่าที่ทราบข้อมูล วุฒิเป็นผู้ต้องขังคดีการเมืองเพียง ‘คนเดียว’ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี โดยถูกคุมขังในคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ภายหลังจากอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาล เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 และศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเรื่อยมา ทำให้เขาถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีมาจนถึงปัจจุบัน คดีของเขามีกำหนดสืบพยานในช่วงวันที่ 22-24 พ.ย. นี้

X