ตำรวจ สน.ลุมพินี เข้าแจ้งข้อหา ม.112 “เก็ท โสภณ” ในเรือนจำ กรณีอ่านแถลงการณ์ในชุมนุม APEC2022

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2566 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาต่อ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ในคดีจากการชุมนุม  “WHAT HAPPENED IN THAILAND” ที่แยกอโศกในช่วงการประชุมเอเปค (APEC2022) เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2565 โดยมีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเก็ทปฏิเสธกระบวนการ โดยไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารใดๆ นับเป็นคดีข้อหานี้คดีที่ 4 แล้ว ที่เก็ทถูกกล่าวหา

สำหรับกรณีนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2566 ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ออกหมายเรียกผู้ชุมนุมจำนวน 4 คน มาแจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ บางรายยังถูกแจ้งข้อหาใช้เครื่องขยายเสียง หรือ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ด้วย

ต่อมาวันที่ 20 ก.ย. 2566 พบว่าตำรวจมีการออกหมายเรียกเพิ่มเติม นักกิจกรรมอีก 2 ราย ได้แก่ “ใบปอ” และ “เก็ท” โสภณ โดยระบุข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยคดีมี พ.ต.ท.สุดเขต สิมาธรรม กับพวก เป็นผู้กล่าวหา 

ในส่วนของใบปอได้ขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาออกไปก่อน ทางด้านเก็ท โสภณนั้น พ.ต.ต.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ สารวัตรสอบสวน สน.ลุมพินี ได้นัดหมายทนายความ เดินทางเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเขาถูกคุมขังอยู่

ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหาต่อโสภณ ได้แก่ ข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112, ข้อหาร่วมกันจัดชุมนุมสาธารณะ แต่ไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อผู้รับแจ้งไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

ข้อกล่าวหาระบุเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 17 พ.ย. 2565 ว่ามีกลุ่มนักกิจกรรมนำโดยกลุ่มทะลุวัง ได้จัดกิจกรรมที่แยกอโศกมนตรี และจะเดินขบวนไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดประชุม APEC2022 เพื่อยื่นจดหมายบอกให้ผู้นำโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย โดยได้มีการไล่ลำดับเหตุการณ์ในกิจกรรมวันดังกล่าว ในส่วนของใบปอถูกระบุว่าเป็นผู้อ่านแถลงการณ์ของผู้ชุมนุมฉบับภาษาไทยต่อหน้าสื่อมวลชน และเก็ทอ่านแถลงการณ์ฉบับภาษาอังกฤษ

ข้อกล่าวหาระบุว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีความมั่นคงความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาแล้วเห็นว่าทั้งสองคนกล่าวข้อความที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีการยกข้อความบางส่วนของแถลงการณ์ทั้งหมดสามท่อน ที่กล่าวถึงระบอบกษัตริย์กับการเมืองไทยมากล่าวหา

หลังทราบข้อกล่าวหา เก็ทได้ปฏิเสธที่จะร่วมกระบวนการสอบสวนของตำรวจ และไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารใด ๆ รวมทั้งไม่ให้ทนายความลงชื่อในเอกสารใด ขณะที่ทางพนักงานสอบสวนได้บันทึกว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และไม่ได้ให้สำเนาบันทึกข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาเหมือนโดยปกติด้วย

ทั้งนี้ คดีนี้นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 4 ที่เก็ทถูกกล่าวหาแล้ว โดยในสามคดีที่เขาถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้ ได้แก่ คดีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน และเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์, คดีปราศรัยในกิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน” อยู่ระหว่างการสืบพยานที่ศาลอาญาธนบุรี โดยเก็ทปฏิเสธอำนาจศาลและขอถอนทนายในคดีนี้ และ คดีปราศรัยในกิจกรรมวันแรงงานปี 2565 อยู่ระหว่างรอการสืบพยานที่ศาลอาญา

.

ดู สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-66

.

X