บันทึกเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังทางการเมืองระหว่างวันที่ 6-10 พ.ย. 66

ระหว่างวันที่ 6-10 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังทางการเมืองที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยทั่วไปแม้ทุกคนยังหวังจะได้รับการประกันตัว แต่ก็รู้สึกว่าต้องมีชีวิตอยู่กับสถานการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง พวกเขาพยายามลดความคาดหวังลง และปรับเปลี่ยนความคิดมาเป็นการทำใจให้คุ้นชินกับการอยู่ในเรือนจำ เช่น “แบงค์ ณัฐพล” ที่เริ่มทำใจกับคดีของตัวเอง แต่ก็ยังอยากได้รับการประกันตัว

มะ ณัฐชนน” อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขอพักโทษภายหลังเขาอยู่ในเรือนจำมาปีกว่า ๆ หลังจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต้องติดตามว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวเร็วขึ้นหรือไม่ ขณะที่ “มาร์ค ชนะดล” ได้ตัดสินใจให้การรับสารภาพไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2566 เนื่องจากเขาถูกคุมขังมาถึง 244 วัน โดยยังไม่เคยได้รับการประกันตัวตั้งแต่ในชั้นตำรวจ เขารอคอยวันที่ศาลจะมีคำพิพากษา 7 ธ.ค. นี้

อาทิตย์นี้ “อาร์ม วัชรพล” น่าจะยินดีมากที่สุดเนื่องจากภายหลังทนายความยื่นประกันตัวเขาเมื่อวันศุกร์ที่ 9 พ.ย. ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัว คาดว่าเขาจะถูกปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วันที่ 13 พ.ย. 2566 ภายหลังญาติเดินทางมาทำสัญญาประกันตัวที่ศาลแล้ว

“สุดใจ” ผู้ต้องขังวัยกลางคนที่ถูกคุมขังมา 33 วัน ในคดีที่สิ้นสุดแล้ว ยังคงมีจิตใจที่เข้มแข็งและมุ่งมั่น เขามักเล่าเรื่องการต่อสู้ของเขาให้ทนายความฟังอย่างภาคภูมิใจเสมอ

มะ ณัฐชนน: “เราอยู่มาปีกว่า ๆ แล้ว แต่อุดมการณ์ยังไม่เปลี่ยน

มะส่งยิ้มทักทายตั้งแต่ยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ เขาตอบถึงสภาพช่วงนี้ว่ายังปกติดี

“เรื่อย ๆ แต่ก็รู้สึกเหนื่อยล้า เราอยู่มาปีกว่า ๆ แล้ว แต่อุดมการณ์ยังไม่เปลี่ยน รอคอยวันที่จะได้ออกไปอยู่กับครอบครัว ก็น่าจะอีกไม่นาน ผมก็ภาวนาให้ได้รับอิสรภาพไว ๆ

“ครอบครัวมาเยี่ยมหน้าแดนเดือนละครั้ง เยี่ยมไลน์เดือนละ 2 ครั้ง ผมเป็นห่วงครอบครัวเพราะผมเป็นเสาหลัก แต่พวกผมก็ผลัดให้กำลังใจกัน มันทำอะไรไม่ได้ ก็มาถึงจุดนี้แล้ว” มะยิ้มเศร้า ๆ

“ตอนนี้ผมเป็นนักโทษชั้นดีมากแล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นชั้นเยี่ยม อยู่ข้างในผมก็ทำเอกสารส่งเรื่องขอพักโทษไปแล้ว และก็ฝากคนข้างนอกช่วยตามให้ด้วย”

ทนายได้เล่าข่าวสารข้างนอกให้ฟัง ทั้งเรื่องการเรียกร้องสิทธิประกันตัว และความคืบหน้าของ พ.ร.บ นิรโทษกรรม เมื่อนำภาพการเคลื่อนไหวและพรรคการเมืองที่พูดเรื่องสิทธิประกันตัวในสภาให้ดู มะก็ยิ้มกว้าง 

“ผมก็นึกว่าไม่มีการชุมนุมแล้ว ขอบคุณมากนะ อันนี้น่าจะเป็นข่าวอัพเดทที่สุดของผมแล้ว เพื่อน ๆ นักกิจกรรมยังมาเยี่ยมตลอด ผมก็ดีใจนะที่เขายังไม่ลืม ยังไม่ทิ้งกัน” 

นอกจากนั้น มะก็ขอให้อัพเดทข่าวประเด็นที่เขาสนใจ ทั้งเรื่องไทย-พม่า, ยูเครน-รัสเซีย, อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ดูเหมือนเขาจะสนใจความเคลื่อนไหวของโลกอย่างมาก

มะ ณัฐชนน ถูกคุมขังมาแล้ว 518 วัน (คดีถึงที่สุดแล้ว)

.

มาร์ค ชนะดล: “ถึงผมรับสารภาพไปแล้ว แต่ผมก็อยากให้คนอื่นได้สิทธิประกัน

มาร์คบอกว่าอาทิตย์นี้ไม่ได้ออกศาล เข้าใจว่าจะได้ออกอีก โดยคดีของเขามีนัดฟังคำพิพากษาของศาลอาญา ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้

“ตอนนี้นั่งนับวันรอฟังคำพิพากษา แต่ละวันมันช้ามาก ๆ แต่ก็โล่งใจที่คดีจะสิ้นสุดแล้ว” 

เมื่อมาร์คทราบข่าวเรื่องการยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ขอให้มีการผลักดันนิรโทษกรรมคดีการเมือง-เรียกร้องสิทธิประกันตัว-ปรับปรุงสิทธิผู้ต้องขัง เขาบอกว่ารู้สึกขอบคุณเพื่อน ๆ นักกิจกรรมที่ไปยื่นหนังสือมาก ๆ 

เขามีความเห็นเพิ่มเติมว่า “การได้รับรู้ว่าคนข้างนอกสู้เพื่อคนข้างใน จริง ๆ ผมก็คาดหวังกับเรื่องการยื่นหนังสือนะ คือมันมีผลดีกับเพื่อน ๆ ทุกคน โดยเฉพาะเรื่องการประกันตัว มันควรมีการแก้ปัญหาจริง ผมผิดหวังนะที่รัฐมนตรีไม่พูดถึงเรื่องนิรโทษกรรมที่เราขอไป คือมันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพูดถึง และต้องหาทางแก้ปัญหา ผมไม่อยากให้มีใครโดนคดีการเมืองอีก

“เรื่องความเป็นอยู่ที่เค้าบอกจะแก้ไขก็ดีแหละ มันดีกับผู้ต้องขังทุกคนถ้าแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร การรักษาพยาบาล ความสะอาด สุขอนามัย มันควรปรับปรุงจริง ๆ เราไม่ควรต้องมาเรียกร้องด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่ต้องมีอยู่แล้ว แต่มันไม่เคยมีเลยในนี้

“ที่บอกว่าจะไม่ปฏิบัติกับผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีเหมือนนักโทษเด็ดขาดเนี่ย เอาจริง คนที่ไม่เคยได้ประกันอย่างผม ก็เหมือนกันถูกตัดสินไปตั้งแต่วันที่ถูกส่งเข้าเรือนจำแล้ว เขาควรแก้ไขเรื่องประกันตัวจริง ๆ จะบอกว่าให้อยู่ที่ศาล มันไม่ได้ ถ้าทุกคนได้สิทธิประกันอย่างที่ควรจะเป็น มันก็เป็นผลดีกับเพื่อน ๆ คนอื่น ถึงของผมรับสารภาพไปแล้ว แต่ผมก็อยากให้คนอื่นได้สิทธิประกัน ยิ่งเห็นคนที่โดน 112 ที่เพิ่งเข้ามา มันแย่มากเลย ผมรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน อยากให้มีการแก้ไขจริง ๆ”

มาร์คทิ้งท้ายยิ้ม ๆ ว่า “ผมได้รับอาหารทุกวันตั้งแต่อังคารถึงเสาร์ มันดีมาก ๆ เลย รู้สึกขอบคุณมาก ๆ มันมีความสุขมาก ๆ ที่รู้ว่ามีคนส่งข้าวให้เรา ถ้าทำอะไรตอบแทนได้ก็อยากทำ”

มาร์ค ถูกคุมขังมาแล้ว 244 วัน

.

แบงค์ ณัฐพล: “เรื่องประกันตัว ผมก็หวังเหมือนทุกคน แต่ก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริง

วันนี้แบงค์ นั่งรอทนายใบหน้ายิ้มเหงา ๆ ยังคงสวมยูนิฟอร์มเดิมเสื้อแขนสั้นสีฟ้าอ่อน กางเกงขาสั้นสีดำ หน้าตาซึม ๆ ทนายกล่าวทักทายว่าเป็นยังไงบ้าง แบงค์ตอบว่าเฉย ๆ 

เมื่อเอารูปที่เพจทะลุแก๊สโพสต์แฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้แบงค์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แบงค์ยิ้มเขิน ๆ แววตามีประกายขึ้นบ้าง และให้ดูบทความบันทึกเยี่ยมแบงค์ของทนายความ เขามีรอยยิ้มน้อย ๆ แล้วก็กลับมาสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม

แบงค์เล่าว่าเมื่อวานรู้ข่าวว่า ‘เก่ง พลพล’ จะได้ประกันตัวแต่เช้า “ผมคิดไว้ละ ว่าถ้าถูกเรียกออกไปก่อนนัด จะได้กลับบ้านก่อน เมื่อวานเจ้าหน้าที่มาเรียกเก่งออกไป แล้วกลับมาพร้อมกำไล EM เรื่องประกันตัวผมก็หวัง หวังเหมือนทุกคน แต่ก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริง อยู่กับความจริง ออกไปค่อยว่ากัน”

แบงค์เล่าว่าเขาทำงานที่ร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง ถ้าพูดถึงเงื่อนไขประกันตัว เขาบอกว่าถ้าจะห้ามออกจากเคหสถานตลอดเวลา คงทำได้ยาก ไม่อย่างนั้นก็ต้องกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดกับพ่อ แต่เขาเองก็ต้องทำงานหาเงิน 

“ตอนที่อยู่ข้างนอกผมส่งเงินให้แม่ตลอด น้อยบ้างมากบ้าง แล้วแต่รายได้ แม่ไม่ค่อยสบาย มีโรคอ้วน โรคเบาหวาน ส่วนพ่อก็มีภาวะพิษสุราเรื้อรัง ไอ แทบตลอดเวลา พ่อมีอาชีพขับวินมอไซค์

“พ่อเลี้ยงผมก็ไม่ค่อยสบายต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ แม่กับพ่อเลี้ยงผมทำงานและพักอาศัยอยู่บนเรือ แม่เป็นคนทำความสะอาดใต้ท้องเรือ 

เมื่อถามถึงอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย แบงค์ตอบว่าตอนนี้แข็งแรงดี ไม่มีอาการปวดหัวหรือตัวร้อนแล้ว แต่จิตใจรู้สึกเฉย ๆ เบื่อ ๆ ไม่อยากคุยกับใคร เรื่องไอเป็นเลือดมีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ไปหาหมอ และตอนนี้แบงค์กินข้าวมื้อเดียวต่อวัน เพราะรู้สึกไม่หิว รู้สึกไม่อยากอาหาร 

“อยู่นี่ไม่ได้ทำอะไรกินแล้วก็นอน มันก็เบื่อ ๆ ช่วงนี้ไม่ได้ซ้อมมวยแล้ว ไม่ได้ทำอะไร” แบงค์มีท่าทางซึม ๆ ไม่ค่อยอยากคุย ทนายถามว่าอยากพูดอะไรอีกไหม แบงค์บอกว่าไม่มี แต่อยากเจอเพื่อน ๆ ที่อยู่ข้างนอก ทนายจึงแจ้งว่าจะได้ลองประสานเพื่อน ๆ ของเขาให้มาเข้าเยี่ยมต่อไป 

แบงค์ ณัฐพล ถูกคุมขังมาแล้ว 76 วัน

.

อาร์ม วัชรพล: หลังการรอคอย ศาลอนุญาตให้ประกันตัว

อาร์มนั่งอยู่ในห้องเยี่ยมทนายความห้องที่ 3 กับต้อม สวมเสื้อผู้ต้องขังสีฟ้าตามปกติ ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ มีน้ำเย็นอยู่หนึ่งขวดที่ต้อมถือมาให้ อาร์มบอกว่าได้มาจากผู้ช่วยผู้คุมที่รู้จักกัน

อาร์มเล่าว่า ช่วงนี้ก็เหมือนเดิม มีไม่สบายนิดหน่อย แพ้อากาศ มีน้ำมูกไหล เพราะอากาศเปลี่ยนบ่อย

“ช่วงนี้ฝนตก ไม้ในกองงานหัก หล่นมาตรงที่ออกกำลังกาย ดีที่มันพังตอนกลางคืนเลยไม่มีใครเป็นอะไร”  อาร์มบอกว่าเขาต้องย้ายที่นอนไปนอนอีกมุมหนึ่งในห้องเดิม เพราะจุดที่เคยนอนจะถูกปูกระเบื้องใหม่

อาร์มบอกว่าถ้าเขาได้ออกไป ในเดือนเมษาหน้าอาจจะต้องไปเกณฑ์ทหาร  “ผมผ่อนผันอยู่ ไปเกณฑ์รอบก่อน ผมติด EM ไง เขาก็ให้ผ่อนผันไปก่อน เป็นประเภท 3”

นอกจากนี้ยังทิ้งท้ายว่า “ปีใหม่อยากเคาท์ดาวน์ข้างนอก ปีที่แล้วอยู่ข้างใน ผมอยากไปงานลอยกระทงด้วย ตอนที่จะฟังคำพิพากษา แต่พ่อแม่ผมก็ทำใจกันไว้แล้ว ก็ไม่อยากติดหรอก แต่คิดว่าคงไม่รอด ผมก็บอกพ่อแหละ ว่าไปให้มันจบ ๆ ไป ทำใจไว้แล้ว”  

หลังจากการเข้าเยี่ยม ทนายความได้ยื่นประกันตัวอาร์มเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2566 ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาอนุญาตให้อาร์มประกันตัวเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2566 มีคำสั่งว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ให้จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 1 ถูกคุมขังมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว พฤติการณ์แห่งคดีเปลี่ยนไป อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 ในระหว่างอุทธรณ์ 

“ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้จำเลยที่ 1 หลบหนี จึงเห็นสมควรให้จำเลยที่ 1 วางหลักประกัน 30,000 บาท พร้อมติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของจำเลยที่ 1 กรณีผิดสัญญาประกันให้ปรับ 150,000 บาท และสมควรตั้งผู้กำกับดูแลและกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยที่ 1 รายงานตัวต่อผู้กำกับดูแลทุก 30 วัน เพื่อสอดส่องดูแลไม่ให้จำเลยที่ 1 หลบหนีหรือกระทำความผิดอื่นให้ ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วให้ทำสัญญาประกันและกำหนดตัวผู้กำกับดูแลตามพระราชบัญญัติมาตรการกำกับ”    

ทั้งนี้ญาติและนายประกันจะเดินทางมาทำสัญญาประกันในวันที่ 13 พ.ย. 2566  และคาดว่าอาร์มจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น                                                             


อาร์ม วัชรพล ถูกคุมขังมารวม 76 วัน 

.

สุดใจ: เลือกที่จะสู้แล้ว ถ้าจะตายในนี้ก็ได้ตายเพื่อลูกหลาน 

สุดใจรออยู่อีกฝั่งของห้องกระจก เอาหน้ากากอนามัยลง ยิ้มให้ทนาย เมื่อกล่าวทักทายเรียบร้อย ทนายถามว่าสบายดีหรือไม่ สุดใจตอบว่าสบายดี ไม่มีอาการเจ็บป่วย ไม่มีเรื่องต้องพะวงอะไร

สุดใจบอกว่าตอนนี้ในเรือนนอนมีผู้ต้องขังกว่า 39 คนแล้ว ถ้าครบ 40 คงนอนอัดเป็นปลากระป๋อง “เวลานอนต้องปูผ้าทับกันแล้ว ผมตัวใหญ่นอนข้างบล็อกไม่ได้แล้ว เขาเลยให้มานอนตรงจุดที่มีพัดลม โดนลมเต็ม ๆ มีอาการเป็นหวัดนิดหน่อยเพราะโดนพัดลม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รอว่าเขาจะให้ย้ายจุดมั้ย” 

แม้จะพบความลำบากในการใช้ชีวิตในเรือนจำ แต่ใบหน้าขณะพูดยังคงยิ้ม “ผมเข็มแข็ง ยังโอเค ยังอยู่ได้” 

สุดใจยังคงเป็นห่วงเพื่อน ๆ ที่ทำกิจกรรมมาด้วยกัน จากการทราบข่าวเรื่องที่มีกลุ่มคนไปดักทำร้ายคนที่หน้าศาลอาญา  เมื่อถามถึงสุดใจตอนที่ไปทำกิจกรรมว่าเคยถูกติดตามหรือคุกคามหรือไม่ สุดใจตอบว่าไม่มี หรือเขาอาจจะไม่ทันสังเกตก็ได้ และคิดว่ากลุ่มตรงข้ามอาจจะยังไม่ได้รู้จักเขา

สุดใจเล่าเพิ่มว่า กิจกรรมที่ทำอยู่ (ยืน หยุด ขัง หน้าศาลอาญา) มีความเสี่ยงว่าจะถูกทำร้ายหรือถูกติดตาม แต่เขาก็ยังอยากทำอยู่ 

“ผมไม่กลัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมอยากออกมาช่วยเรียกร้องสิทธิประกันตัว ผมไม่เห็นด้วยกับความยุติธรรมของไทย เลยออกมาเรียกร้องแบบนี้ เวลามีการชุมนุม เราเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง (ประยุทธ์ออกไป หรือร่างรัฐธรรมนูญใหม่) หรือที่แกนนำปราศัย เราก็จะออกไป เขาไม่เลิก เราก็ไม่เลิก” สุดใจบอกด้วยแววตามุ่งมั่น

“เหตุการณ์คุกคามจะว่าไป ก็เหมือนที่คนเสื้อแดงเคยโดน ตอนนั้นคนเสื้อแดงสู้กับทหาร ทหารที่มีปืน เหตุการณ์สลายชุมนุมปี 53 ผมอยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้นจุดปักหลักอยู่จุดเลยตรงอนุสาวรีย์ ร.6 รั้วกำแพงสวนลุมไปนิดนึงยาวไปจนถึงแยกราชประสงค์ และเต็มแยกทุกแยกบริเวณนั้น เหตุการณ์วันนั้นนายกฯ อภิสิทธ์สั่งสลายการชุมนุม เราเอายางรถกั้นไว้ก็ไม่อยู่  ทหารถือปืนเข้ามา รถถังบุกเข้ามา มีสไนเปอร์มายิง ถ้าวันนั้นเราไม่เผายาง ให้ควันลอยขึ้นไป พี่น้องเราคงตายมากกว่านี้ ถ้าควันลอยขึ้นไป มือปืนมันก็มองไม่ชัด เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ผมก็เจ็บปวด เพราะทำอะไรไม่ได้ เหมือนกับม็อบราษฎรที่มีคำสั่งให้สลายชุมนุม มีคนเจ็บ แต่เราทำอะไรไม่ได้ คนเรียกร้องต้องติดคุก สังคมไทยทำไมเป็นแบบนี้

“เหตุการณ์สลายเสื้อแดงครั้งนั้น ทำให้ผมโดนคดีและติดคุกข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นี่แหละ แต่ตอนนั้นติดไปเดือนเดียว ผมเข้าใจว่าติดแทนเสียค่าปรับ แต่พออยู่ข้างนอกก็คุมประพฤติอยู่ 3 ปี ต้องไปรายงานตัวทุก 3 เดือน

“การใช้กฎหมายคล้าย ๆ กันกับม็อบราษฎรนะ อันนั้นประกาศ พ.ร.ก.ฯ ใส่ม็อบโดยตรง แต่ม็อบราษฎรประกาศใส่เรื่องโรค โมเดลคล้ายกัน ห้ามรวม 5 คน 10 คน ขึ้นไป จริง ๆ ไม่ได้จะอ้างใส่โรคหรอก อ้างใส่ม็อบ เหมือนปี 53 นั้นแหละ”

ก่อนจากกันสุดใจฝากบอกทุกคนว่า “อยู่ข้างในสบายดี เข้มแข็งดี เลือกที่จะสู้แล้ว ถ้าจะตายในนี้ก็ได้ตายเพื่อลูกหลาน เขาจะได้ภูมิใจ ที่พูดไม่ใช่เพราะแช่งตัวเอง ต้องสู้ให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นจนได้”

สุดใจ ถูกคุมขังมาแล้ว 33 วัน เขารับโทษในคดีที่ถูกศาลลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน

X