ระหว่างวันที่ 26-27 ก.ย. 2566 ทนายความได้เดินทางเข้าเยี่ยม 3 ผู้ต้องขัง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ประกอบด้วย ‘ต้อม’ จตุพล และ ‘อาร์ม’ วัชรพล ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันเผารถยนต์ตำรวจ สน.ดินแดง หลังเหตุการณ์ชุมนุม #ราษฎรเดินไล่ตู่ หรือ #ม็อบ11มิถุนา2565
นอกจากนี้ยังเข้าเยี่ยม “มาร์ค” ชนะดล ผู้ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี กรณีถูกกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง (ระเบิดปิงปอง) จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมบริเวณดินแดง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 ซึ่งศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวภายหลังอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาล
อาร์ม วัชรพล: เขาเอ่ยปากมาคำเดียว พวกผมก็ติดคุกแล้ว
อาร์มเดินเข้ามาทักทายทนายด้วยหน้าตาสดใส ยิ้มแย้ม อาร์มบอกว่า เขาสบายดี “ช่วงนี้ฝนตก ดึกๆก็ยังมีไออยู่บ้าง แต่ไม่ปัญหาสุขภาพอะไร”
อาร์มเล่าว่ามีผู้คุมมาบอกอาร์มว่า เมื่อวานมีการชกต่อยกัน เป็นอดีตผู้ต้องขังคดีการเมืองชกต่อยกับเจ้าหน้าที่ของเรือนจำที่ด้านหน้าเรือนจำ ผู้คุมฝากบอกว่าว่าให้เบา ๆ กันหน่อย แกบอกว่าไม่อยากให้กลับเข้ามากันอีก
นอกจากนี้อาร์มยังบอกว่า รู้เรื่องคดีอานนท์แล้ว “แย่มากเลย มีเพื่อนที่ไม่ใช่คดีการเมืองมาเล่าให้ฟังด้วยว่า ออกไปศาลมาเมื่อวาน จากที่ไม่เคยตรวจค้นเลย เมื่อวานก็ตรวจซะเข้ม”
เขาพูดถึงแม่ที่เพิ่งมาเยี่ยมผ่านไลน์ โดยบอกว่าสายตาแม่ไม่ดีแล้ว เป็นต้อและมองไม่เห็น
“ช่วงก่อนแม่ก็เคยล้มไปรอบนึง ดีที่วันนั้นพ่ออยู่ด้วย แม่เป็นโรคคนแก่ สุขภาพไม่ดี ทำงานหนัก เป็นแม่บ้าน ตอนที่ผมเรียน แม่ก็กู้เงินบริษัทมาส่งผมกับพี่เรียน พ่อก็เป็นโฟร์แมนก่อสร้าง เงินเดือนก็ตกเบิกตลอด”
พอพูดเรื่องแม่ อาร์มก็ซึมไป บอกว่า “พูดเรื่องแม่แล้วซึมเลยว่ะพี่”
อาร์มฝากทิ้งท้ายว่า “ข้างนอกสู้ ๆ นะ อย่ายอมแพ้ ถ้าเราถอย พวกมันก็จะยิ่งได้เปรียบ ยิ่งกับศาลยิ่งมีผลเลย ผมละอยากให้เขารู้บ้างว่า ถ้ามาเป็นแบบพวกผมจะรู้สึกยังไง ถูกพรากลูก พรากครอบครัว เขาเอ่ยปากมาคำเดียว พวกผมก็ติดคุกแล้ว มันง่ายมากเลย
“คดีพวกผม คนไปชุมนุมเป็นร้อย ในภาพก็เป็นร้อย แต่ทำไมมีจับได้แต่พวกผมแค่ 4 คน พวกผมไปมอบตัวเลยนะ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ตอนรายงานตัวก็ไปตลอด ถ้าคิดจะหนีพวกผมจะไปตามนัดทำไม บ้านผมก็อยู่ไกลด้วยนะ อยู่พระราม 2 ก็ต้องตื่นเช้าไป ลางานไป งานพวกผมก็ต้องทำ ต้องกินต้องใช้ ไม่เคยไปศาลสายเลย ไปรอศาลด้วยซ้ำ
“ศาลมีแต่พูดว่า ศาลเชื่อว่า เชื่อว่า เชื่ออย่างเดียวเลย ไม่เคยมีอะไรชัดเจนให้เห็นซักอย่าง”
ปัจจุบัน (28 ก.ย.) อาร์มถูกขังมาแล้ว 30 วัน
ต้อม จตุพล: ป่วยแต่ไม่ได้ไปหาหมอ หวังได้ประกันไปดูแลยาย
ต้อมนั่งรอเยี่ยมด้วยอาการซึม ๆ นิ่งและหน้าหมอง ต้อมบอกว่าปวดหัวนิดหน่อย มีน้ำมูก และไอ
สำหรับความเป็นอยู่ตอนนี้ต้อมบอกว่าเขาย้ายห้องนอนไปห้อง 15 ซึ่งเป็นห้องที่ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะพื้นปูกระเบื้องหมดทั้งห้อง
“ที่ได้ย้ายไปเพราะว่ารุ่นพี่ที่รู้จักกันข้างในตั้งแต่รอบก่อน ที่สนิทกัน เขาให้ย้ายไปช่วยงาน ก็ไม่ได้ทำอะไร ก็ช่วยล้างจานแค่นี้ เพราะเวลากินข้าวก็กินกับพวกพี่ ๆ เขามีของเยี่ยมมาก็ได้กินด้วยตลอด”
ต้อมยังคงมีความคาดหวังที่จะได้รับการประกันตัว เขาฝากให้ทนายความช่วยดำเนินเรื่องเกี่ยวกับเอกสารการเจ็บป่วยของยายที่เขาต้องดูแล
ปัจจุบัน (28 ก.ย.) ต้อมถูกขังมาแล้ว 30 วัน
มาร์ค ชนะดล: การอยู่ในนี้นาน ๆ มันมองไม่เห็นความยุติธรรมเลย
มาร์คบอกกับทนายว่า เขามีความคิดจะรับสารภาพในคดีที่ถูกฟ้อง เนื่องจากไม่มีท่าทีว่าจะได้ประกันไม่ว่ายื่นประกันไปกี่ครั้ง
“ตอนนี้ผมพร้อมรับทุกอย่างแล้ว ทุกวันนับวันรอออกศาลอย่างเดียว จากที่คุยเรื่องคดี ผมคงจะรับสารภาพ เพราะดูจากการยื่นประกัน ไม่เคยได้เลยสักครั้ง ผมไม่ได้ยอมรับว่าการกระทำของผมเป็นความผิด ผมไม่ได้ยอมรับว่าการที่เราไปใช้สิทธิเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ผิด
“ผมและทุกคนมีสิทธิชุมนุมเรียกร้องกันได้ แต่ผมจนปัญญาที่จะคิดหาทางออก ผมไม่เห็นท่าทีว่าจะได้ประกันเลยสักที เพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครได้ประกัน ผมอยู่ในนี้จนมันปรับตัวได้ คือไม่ใช่ว่ามันดีนะ แต่คือมันไม่มีทางเลือกไหนให้พวกผมเลย เราไม่ได้เก่งหรืออะไร แต่เราต้องอยู่จนมันอยู่ได้
“ไม่เห็นความยุติธรรมเลย”
มาร์คบอกว่า ยิ่งฟังข่าวช่วงที่ผ่านมายิ่งตอกย้ำว่าศาลไม่มีความยุติธรรมให้พวกเขาเลย
“ทั้งคนโดนตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ศุกร์ที่แล้วก็มีคนเข้ามาในเรือนจำอีก หรือวันนี้ (26 ก.ย.) ทนายอานนท์ถูกตัดสินว่าผิด ม.112 จำคุก 4 ปี ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริง ๆ พูดไม่ออก มันหดหู่ไปหมด เหมือนเขาพยายามไล่ตัดสินเอาคนแบบพวกผมเข้าคุก ไล่จับทุกคนที่ประท้วงเข้ามาในนี้ให้หมด
“มันเศร้านะ ที่เราออกไปเรียกร้องสิ่งที่ดีขึ้นเพื่อประเทศ แต่กลายเป็นว่าเราต้องเข้ามาอยู่ในนี้”
ปัจจุบัน (28 ก.ย.) มาร์คถูกขังมาแล้ว 198 วัน