เสียงที่ถูก(ขัง)ลืม
วันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทนายความได้เข้าเยี่ยม “มาร์ค” ชนะดล ผู้ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี กรณีถูกกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง (ระเบิดปิงปอง) จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมบริเวณดินแดง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564
มาร์คอายุ 25 ปี ทำอาชีพด้านการเกษตรและค้าขายผลผลิตผัก โดยเขาอาศัยอยู่ที่บ้านย่านนนทบุรีกับน้าและยาย ในคดีของเขา หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาร์คระหว่างพิจารณา โดยเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี
แววตาและสีหน้าของมาร์คยังดูเศร้าและเคร่งเครียด เขายังคิดว่าตัวเองน่าจะได้รับการประกันตัว เพราะตั้งแต่ถูกจับกุมและศาลให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เขาก็เดินทางมาตามนัดคดี และไม่ได้หลบหนีไปไหน จนมานัดสั่งฟ้องคดี ศาลกลับไม่ได้ให้เขาประกันตัว
“ความรู้สึกผมมันวนลูปมากๆ ตอนนี้มันเริ่มเย็นชาไปหมดแล้ว”
มาร์คระบายว่าการถูกคุมขังโดยไม่รู้กำหนด ในระหว่างพิจารณานี้ ทำให้เขาทรมาน เพราะมันเหมือนต้องอยู่ในนี้ไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้วันรู้คืน
คดีของมาร์คมีนัดตรวจพยานหลักฐานที่ศาลอาญาในวันที่ 15 พ.ค. 2566 นี้ เขายังหวังว่าหลังจากนัดนี้ ตัวเองจะได้รับการประกันตัว และออกมาสู้คดีอยู่ภายนอก แต่หากไม่ได้ประกันตัวต่อไปเรื่อยๆ เขาคงต้องพิจารณาเรื่องแนวทางคดีต่อไป
“พอเห็นอะไรหลายๆ อย่างในกระบวนการยุติธรรมที่เกิดกับผมหรือเพื่อนๆ หลายคน ก็เหมือนว่าเราทำอะไรไม่ได้เลย มันหมดหวังกับกระบวนการยุติธรรมไปเรื่อยๆ มันกัดกินความเป็นคนผมไปเรื่อยๆ
“การเอาพวกผมมาขังไว้ก่อน ก็เหมือนการตัดสินไปแล้วว่าพวกผมผิดจริง และการไม่ให้พวกผมประกันตัวออกไป ก็เหมือนกับการบังคับให้พวกผมต้องจำนนต่อความไม่ยุติธรรม การตัดสินคดีของพวกผมมันเกินสัดส่วนไปมากอ่ะ”
เมื่อการพูดคุยไปถึงสถานการณ์ทางการเมือง และการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง มาร์คบอกว่ารู้สึกเสียดายที่ต้องเสียสิทธิในการลงคะแนนเสียงของตนเองไปในครั้งนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เขาก็หวังว่าจะปัญหาต่างๆ ในสังคมจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นบ้างหลังการเลือกตั้งครั้งนี้
สำหรับมาร์ค ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ควรเร่งแก้ไขหลังการเลือกตั้ง คือความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมาก อีกทั้งผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ควรจะเป็นคนที่สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และทำให้ได้อย่างที่พูด
“ผมไม่รู้จะเสนอนโยบายอะไร แค่อยากจะบอกว่าอะไรที่มันไม่ดี คิดว่านักการเมืองทุกคนคงเห็นอยู่แล้ว หลักๆ สำหรับผม คงอยากให้ลดความเหลื่อมล้ำที่มีในสังคม ไม่ควรมีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน โดยเฉพาะคนจน คนไร้บ้านที่ถูกมอง อย่างตอนโควิด คนจนไม่มีมือถือลงทะเบียนได้ เค้าก็ไม่ได้รับอะไรเลย ที่จนอยู่แล้วก็จนลงไปอีก” มาร์คเล่าถึงมุมมองของเขา