“บาส – แก๊ป – เก่ง – แบงค์’’ หลายคนแอบลุ้นนิรโทษกรรมคดีการเมือง ดีใจที่ยังมีคนนึกถึง

วันที่ 22 ก.ย. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม 4 ผู้ต้องขัง ได้แก่ “แบงค์” ณัฐพล และ “เก่ง” พลพล ผู้ถูกคุมขังในคดีที่ถูกกล่าวหาร่วมกันเผารถยนต์ตำรวจ สน.ดินแดง หลังเหตุการณ์ชุมนุม #ราษฎรเดินไล่ตู่ หรือ #ม็อบ11มิถุนา2565 

ทั้งสองคนถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2566 หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุกณัฐพล 3 ปี ขณะที่พลพล ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 4 เดือน โดยศาลยกฟ้องพลพลในข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ปัจจุบัน (25 ก.ย. 2566) พวกเขาถูกคุมขังมาแล้ว 27 วัน 

นอกจากนี้ทนายยังได้เข้าเยี่ยม “แก๊ป” ธีรภัทร ซึ่งถูกอัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2566 ในข้อหาร่วมกันกระทําให้เกิดระเบิด และร่วมกันพยายามทําร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน จากการปาวัตถุที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนใส่รถสายตรวจ ในระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม #ทะลุแก๊ส คืนวันที่ 31 ต.ค. 2564 บริเวณดินแดง

และ “บาส” ประวิตร ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2566 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนฯ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมจำคุกทั้งสิ้น 6 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงการลงโทษ จากกรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันวางเพลิงป้อมตำรวจจราจร บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ภายหลังการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา2564

“บาส”: อยากรู้เหตุผลว่าทำไมนักโทษบางคดีไม่สามารถเลื่อนชั้นได้

บาสทักทายทนายด้วยเสียงที่ดีขึ้นจากคราวก่อน ไม่ค่อยเเหบเเล้ว เมื่อถามถึงอาการป่วยที่เป็นมาก่อนหน้านี้ บาสบอกว่าน่าจะหายสนิทเเล้ว และที่ได้ลงชื่อไปหาหมอคราวก่อนก็ได้พบหมอเเล้ว ได้ยาพารากับยาเเก้ไอมากิน บาสบอกเล่าถึงสถานการณ์ในเรือนจำว่า

“ตอนนี้ที่เเดนก็ไม่มีอะไรทำเหมือนเดิม ไม่มีกองงานเปิดเลย เเล้วก็ไม่มีคอร์สเรียนเปิดเหมือนกัน เลยไม่ค่อยมีอะไรทำ ก็ค่อนข้างน่าเบื่อมาก ยิ่งอยากกลับบ้านมากขึ้น แต่ที่เเดน 5 มีคดีการเมืองอยู่ประมาณ 4 คน ก็ได้คุยกันบ้าง ยังพอได้มีเพื่อน

“ช่วงที่ผ่านมามีงานกีฬาสีและจบไปเเล้ว บาสลงเล่นฟุตซอลได้ที่ 2 ได้รางวัลเป็นขนมขบเคี้ยวมาเเพ็คนึง น้ำเย็นเเพคนึง มาเเบ่งกินกันกับเพื่อน”

บาสยังได้ถามถึงเรื่องนิรโทษกรรมว่าจะมีไหม เป็นอย่างไรบ้างกับนโยบายของรัฐบาล เเล้วก็ถามไปเรื่องเเนวทางการต่อสู้คดีอีกครั้ง บาสยังบอกว่า เขาทราบมาว่า คดีของเขานั้นต้องติดไปอย่างน้อย 3 ปี จึงจะเลื่อนชั้นนักโทษได้ เขาอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องโดนบล็อกไว้

การบล็อกการเลื่อนชั้นนักโทษในคดีบางประเภทเป็นสิ่งที่บาสอยากให้เรือนจำเเก้ไข 

“พอบล็อกเสร็จก็ต้องมาพิจารณาเหมือนนักโทษที่เข้ามาใหม่เลย มันทำให้เราเสียโอกาสในการได้รับอภัยโทษเเละอื่น ๆ อีกมากมายตามมา เรื่องที่สอง คือ เรื่องอาหาร อาหารที่เรือนจำเเทบไม่มีรสชาติ ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นชิ้นเป็นอันเลย อยากให้พัฒนาปรับปรุงครับ”

ปัจจุบันบาสถูกคุมขังมาแล้ว 77 วัน

“แก๊ป”: เครียดที่ต้องอยู่คนเดียวในแดน 8

แก๊ป ธีภัทร ซึ่งเป็นผู้ต้องขังคนเดียวที่ถูกคุมขังในแดน 8 บอกกับทนายว่า “ชีวิตที่เเดนช่วงนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนคุย” 

“ผมเครียดเรื่องคดีอยู่เเล้ว เลยยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้จะคุยกับใคร ก็พอมีเพื่อนเข้ามาชวนคุยบ้าง เเต่เขาก็ดูเเปลก ๆ เลยไม่ได้คุยอะไรด้วยมาก บางทีก็เเอบกลัวว่าเขาจะเข้ามาโดยมีจุดประสงค์อื่นรึเปล่า”

เเก๊ปบอกว่า อยากย้ายเเดนไปอยู่กับเพื่อน เเต่น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะคงต้องมีเส้นสายสักหน่อย ไม่งั้นคงไม่ได้ย้าย ซึ่งตัวเเก๊ปเองก็ไม่มีเส้นสายอะไร 

แก๊ปเล่าอีกว่า ห้องที่นอนอยู่ค่อนข้างจะเเออัดมาก เเละเรื่องอาหารการกินนั้น ไม่มีเนื้อสัตว์ดี ๆ เลย รสชาติค่อนข้างเเย่ บางวันเเทบกินไม่ได้ เเต่ก็ต้องทนกิน

สำหรับกิจวัตรประจำวันในช่วงนี้ แก๊ปเล่าว่า “ตอนนี้ที่เเดนไม่มีกองงานอะไรให้ทำเลย ก็เลยไม่มีอะไรทำ ผมอ่านหนังสือ นั่งเล่นให้เวลามันผ่านไปวัน ๆ เหมือนว่าจะมีเรียนหนังสือจากข้างในได้ เเต่น่าจะต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน”

นอกจากนี้เเก๊ปยังเล่าถึงความยากลำบากในการเดินทางของแฟนที่อยากมาเยี่ยมเขาที่เรือนจำ

“วันจันทร์กับวันพุธที่ผ่านมา เเฟนมาเยี่ยม ได้เจอเเล้วก็ดีใจ เเต่พอเขาเล่าให้ฟังว่า ต้องตื่นตี 5 เพื่อเดินทางมาเรือนจำ ได้เยี่ยมตอนเที่ยง จากนั้นก็ต้องกลับไปทำงานต่อ ก็รู้สึกสงสารเเล้วก็เป็นห่วงเขากับลูกมาก

“ผมไม่อยากทำให้เขาลำบากเเบบนี้เลย เเล้วพอรู้จากเเฟนว่าตอนนี้ที่บ้านก็มีปัญหา ผมก็เลยกังวลเรื่องที่บ้านด้วย เครียดอยู่พอสมควร” 

แก๊ปทิ้งท้ายด้วยการฝากความคิดถึงให้แม่และแฟน “ดูเเลตัวเองกันดี ๆ เป็นห่วงมากเหมือนเดิม”

ปัจจุบันแก๊ปถูกคุมขังมาแล้ว 39 วัน

“เก่ง”: ดีใจที่ยังมีคนนึกถึงผู้ต้องขังทางการเมือง

เก่งใส่เสื้อสีฟ้าแขนสั้น กางเกงขาสั้นสีดำ ผมสั้นเกรียน นั่งรอรับสายโทรศัพท์จากทนายอยู่อีกฝั่งของห้อง เก่งมีสีหน้าดีขึ้น ใต้ตาไม่มีรอยคล้ำเหมือนเมื่อวันอังคาร (19 ก.ย.) 

เก่งกล่าวทักทายทนายสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมรีบแจ้งข่าวว่า เมื่อเช้าแฟนของเขามาเยี่ยม 

“วันนี้อาการผมดีขึ้นมานิดนึง นอนหลับดีขึ้น เมื่อคืนฝนตก อาการเย็นสบายเลยหลับดีขึ้น แต่ผมก็ยังห่วงเรื่องครอบครัวอยู่ แฟนรับปากว่าจะช่วยดูแลพ่อ ดูแลย่าให้ ผมรู้สึกเบาใจขึ้นมาก 

“อาการเหม่อลอยมีบางครั้ง เป็นระลอก ๆ ภาวะเดิม (ผลกระทบจากที่เคยกินยาเกินขนาด) มีเข้ามาบ้าง แป๊บนึง คือบางครั้งมันก็รู้สึกดิ่ง แต่ได้ยาหมอ เป็นยานอนหลับกับยาคลายกังวล ทำให้หลับดีขึ้น”

เก่งเล่าว่า ยาชุดนี้เป็นยาที่หมอเคยให้เขากินตอนที่ถูกขังรอบที่แล้ว เมื่อเข้ามารอบนี้ เก่งได้เข้าพบหมอและขอยา พอจำแนกแดนก็ได้รับยา ใช้เวลาประมาณ 10 วัน ยาแต่ละรอบที่ได้มา จะกินได้ประมาณ 1 อาทิตย์

“ตอนออกจากเรือนจำครั้งก่อน ผมก็มีอาการเครียด มันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาตลอด บางครั้งก็มีความคิดว่าตัวเองอยู่ไปเพื่ออะไร ทำไมสร้างแต่ปัญหา เขาอยากให้เราได้ดี แต่เราก็มาทำตัวแบบนี้ ทำให้ครอบครัวเหนื่อยตลอด อยู่ไปก็มีแต่ปัญหา ไม่อยู่ดีกว่า คือก็มีความคิดอะไรแบบนี้ออกมา” 

ทนายถามว่า มีความคิดอยากทำแบบเดิมหรือไม่ เก่งตอบว่าบางครั้งก็มีรู้สึก 

“คือเห็นเรายิ้ม ๆ แบบนี้ บางทีเราก็ไม่มีความสุข เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาของครอบครัว แต่ตอนนี้ก็ไม่คิดแล้ว แค่บางครั้งมันก็มีคิดขึ้นมาบ้าง” 

เก่งบอกอีกว่า ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้เขียนไดอารี่แล้ว แต่ชอบนั่งเขียน domimail และนั่งอ่านที่แฟนและพ่อส่งเข้ามาให้ อ่านแบบซ้ำ ๆ วนไปวนมา 

สำหรับเรื่องสุขภาพ เก่งมีอาการเป็นหวัดแบบเป็น ๆ หาย ๆ ตอนนี้ไม่มีอาการหวัด แต่ตอนเย็นถ้าฝนตก ก็จะมีอาการหวัดได้

ส่วนเรื่องการประกันตัว เก่งทำใจในระดับหนึ่ง แต่เมื่อทนายพูดถึงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจะเตรียมยื่นประกันตัวอีกครั้ง แววตาเก่งก็มีประกาย

“ช่วงนี้ในเรือนจำยังเหมือนเดิม วันจันทร์ – ศุกร์ ยังไม่มีอะไรมาก ตอนเช้า ออกกำลังกาย ยืนเคารพธงชาติ สวดมนต์  เสาร์ – อาทิตย์ เล่นดนตรี ในเรือนจำส่วนใหญ่จะให้ดูแต่หนัง ฟังเพลง จะมีแต่ เสาร์ อาทิตย์ ที่ตรงบริเวณเจ้าหน้าที่จะมีเปิดข่าวบ้าง เก่งก็พอได้ฟังข่าวจากตรงนั้น แต่ทีวีตรงเรือนนอนจะไม่มีข่าวให้ดูเลย”  

“เวลากินข้าวจะไปกินกับเก็ท (โสภณ) และอาร์ม (วัชรพล) บนห้อง เอาข้าวของเรือนจำขึ้นไปกิน แล้วอาศัยกับข้าวที่ญาติ ๆ เก็ทฝากเข้ามาให้ 

“ชีวิตในเรือนจำไม่มีอิสระ ตอนอยู่ข้างนอกจะทำอะไรตอนไหนก็ได้ อยากเล่นโทรศัพท์ตอนไหน นอนตอนไหนก็ได้ แต่ที่นี่ บ่ายสามต้องขึ้นห้อง สามทุ่มต้องนอน ตีห้าต้องตื่น หกโมงเช้าลงมาสวดมนต์ คือกิจวัตรประจำวันวนลูป เดินไปไหนเจอแต่สิ่งเดิม ๆ คนเดิม ๆ  ข้างในก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ไม่หนักหนา อย่างพวกผมอยู่รวมกันไม่มีใครมารังแก นี่ก็เจอพี่ที่รู้จัก เคยไปทำกู้ภัยช่วยน้ำท่วม ก็มาเจอกันในนี้  ที่นี่จะแบ่งอยู่กันเป็นบ้าน อย่างผมจะเป็นบ้านดินแดง ก็สามารถเดินไปบ้านอนุสาวรีย์ได้ อะไรแบบนี้” 

เก่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อทนายเล่าถึงกิจกรรมที่ทางศูนย์ทนายฯ และแอมเนสตี้ได้จัดพูดคุยออนไลน์ “ในเรือนจำ ความหวังจะยังคงมีอยู่” โดยตอนหนึ่ง ต๊ะ คทาธร ได้ฝากถึงผู้ต้องขังทางการเมืองว่า “ตราบใดที่คนข้างในยังสู้อยู่ คนข้างนอกก็พร้อมที่จะเคียงข้างสู้ไปด้วยกัน” และเบนจาได้ฝากว่า “อยากให้กำลังใจ คนข้างนอกยังเคลื่อนอยู่ ขอให้คนข้างในมีกำลังใจเยอะ ๆ”  

เก่งเองก็ฝากข้อความมาบอกคนข้างนอกว่า “อยากให้สู้กัน คนข้างในยังสู้อยู่ สู้ทุกอย่าง อยากให้คนข้างนอกสู้ด้วย เพราะสุดท้ายมันทำได้แค่ขังเราเท่านั้นแหละ” และย้ำหนักแน่นว่า “อย่าลืมคนข้างใน”

ทนายเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรมคดีความให้ทุกคนที่เห็นต่างและเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเยาวชน คนหนุ่มสาวนับพันราย โดยเสนอให้นิรโทษกรรมทุกคน ทุกข้อกล่าวหา ยกเว้นกรณีความผิดถึงแก่ชีวิต  เก่งบอกว่า

“ดีใจที่ยังมีคนนึกถึงว่ามีผู้ต้องขังทางการเมืองยังอยู่ข้างในนี้” 

“แบงค์”: เป็นห่วงแฟนที่กำลังตั้งท้อง อยากประกันตัวไปทำหน้าที่พ่อ 

ทนายได้เข้าเยี่ยมแบงค์ช้า เนื่องจากแบงค์อยู่ระหว่างกักตัวหลังจากที่ออกไปศาล เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา 

เมื่อเข้าเยี่ยมผ่านการพูดคุยออนไลน์ แบงค์ใส่เสื้อแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ ผมสั้นเกรียนเช่นเดิม ทนายสังเกตว่า ผมเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยจากที่เยี่ยมครั้งก่อน แบงค์มีสีหน้าเป็นกังวล เมื่อถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาเล่าว่า แฟนของเขาไม่สบาย ทำให้เป็นกังวลมาก 

“เวลาแฟนผมไม่สบาย ผมไม่เคยห่างแฟนเลย นี่มันก็ท้องอยู่ด้วย ผมเป็นห่วง” 

ทนายแจ้งว่าแฟนแบงค์พูดคุยกับทนายเป็นปกติ ถ้ามีปัญหาแฟนคงบอกทนายแล้ว แบงค์จึงมีท่าทีผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นทนายได้อ่านจดหมายที่แฟนแบงค์ฝากมาให้ฟัง แบงค์มีท่าทีสงบยิ่งขึ้น และยิ้มเขิน ๆ 

ทนายสังเกตได้ว่า วันนี้แบงค์ตาไม่ลอยหรือมีอาการเบลอเหมือนครั้งก่อน เขาพูดถึงอาการของตัวเองว่า “วันนี้เหนื่อย หงุดหงิด จิตใจไม่สงบ ไม่ได้ซ้อมมวยด้วย ไม่ค่อยอยากพูดคุยกับใคร อยากนั่งเฉย ๆ ให้เวลาผ่านไป ความรู้สึกอยากออกจากเรือนจำมาก ๆ ตอนนี้ไม่ได้กินยาแล้ว รู้สึกว่าให้เราคุมอารมณ์ตัวเองดีกว่าให้ยามาคุม”

วันนี้มีญาตินำทุเรียนมาฝากผู้ต้องขังคนอื่นหลายเข่ง ทำให้กลิ่นทุเรียนอบอวลไปทั่ว 

“ผมโคตรเกลียดกลิ่นทุเรียนเลย” แบงค์บอก แล้วเล่าต่อ “ถึงผมเกลียดกลิ่นทุเรียนแค่ไหน แต่แฟนผมชอบ ผมก็ยอมปลูกทุเรียนไว้ที่บ้าน (จ.อุตรดิตถ์) ไว้ให้มัน” เมื่อพูดถึงแฟน แบงค์จะมีแววตาอ่อนโยนเสมอ

ทนายเล่าถึงกิจกรรมที่ศูนย์ทนายฯ และแอมเนสตี้ได้จัดพูดคุยออนไลน์ “ในเรือนจำ ความหวังจะยังคงมีอยู่” และเรื่องที่ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดถึงการนิรโทษกรรมให้แบงค์ฟัง แบงค์มีสีหน้าและแววตาสงบ ก่อนจะพูดว่า 

“สถานการณ์มันแย่ เปอร์เซ็นต์แย่ แต่อุดมการณ์ในใจผมยังมีอยู่ กำลังใจในการต่อสู้ผมยังดีอยู่ แต่ที่ห่วงที่สุดคือแฟนกับลูก”

สำหรับเรื่องการประกันตัว แบงค์ยังคงมีความหวังและรอทนายแจ้งข่าวมาเรื่อย ๆ 

“หวังว่าจะได้ออกไปทำหน้าที่พ่อ ถ้าผมยังทำหน้าที่พ่อไม่ได้ผมก็ไม่มีหน้าจะไปคุยกับแฟน ตอนนี้กำลังใจคือแฟนผมจริง ๆ ชีวิตนี้ผมขอทำหน้าที่พ่อ ตอนนี้ผมอยู่กับความรู้สึกผิด แต่ก่อนผมเที่ยว ติดเพื่อน ติดเหล้า พอรู้ว่าแฟนท้องผมก็กลับตัว พอกลับตัวได้ทำหน้าที่แป๊บเดียวก็ต้องเข้ามาอยู่ในนี้ ผมพูดกับแฟนผมเลยว่า ถ้าได้ออกไป เราแต่งงานกัน”

ก่อนแยกกันแบงค์มีสีหน้าดีขึ้น ความเครียด ความกังวลคลายลงบ้าง

X