3 ผู้ต้องขังทำร้ายตนเองถูกวินิจฉัยว่าป่วยจิตเวช – ธีรวิทย์หายจากโควิด ยืนยันอดอาหารเรียกร้องต่อ

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “พรพจน์ แจ้งกระจ่าง” ซึ่งถูกคุมขังกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปาระเบิดปิงปองใส่สนามหญ้าด้านหน้ากรมทหารราบที่ 1 เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 โดยพรพจน์ถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 2565 จนถึงขณะนี้ (9 ก.ค. 2565) พรพจน์ถูกคุมขังเป็นเวลานานกว่า 89 วันหรือเกือบ 3 เดือนแล้ว

พรพจน์ได้เล่าให้ทนายความฟังว่าตอนนี้ตนย้ายมาอยู่แดน 3 เนื่องจากเพิ่งออกไปตามนัดศาล ตนได้รับจดหมายมากมากที่ส่งมาให้กำลังใจและบอกเล่าเรื่องราวข้างนอก รู้สึกขอบคุณอย่างมาก และ ขอบคุณสำหรับกิจกรรมจุดเทียนเค้กวันเกิดที่ 29 มิ.ย. ที่หน้าเรือนจำ แม้ตนไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก แต่ได้ทราบในภายหลังก็รู้สึกดีใจ  


———

นอกจากนี้ในวันที่ 7 ก.ค. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “เพชร” คงเพชร และ “ต๊ะ” คทาธร ซึ่งถูกกล่าวหากรณีครอบครองระเบิด หลังจากมีกิจกรรมรำลึก #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 ซึ่งทั้งคู่ถูกขังมาแล้ว 90 วัน 


ต๊ะกับเพชร บอกกับทนายว่าตอนนี้พวกตนได้ย้ายมาอยู่แดน 3 แล้วเช่นกัน เนื่องจากเพิ่งออกไปศาลครั้งแรกนั่นทำให้ทั้งคู่รู้สึกอยากออกไปข้างนอกเรือนจำโดยเร็ว ทั้งนี้จากการย้ายแดนทำให้ไม่ค่อยได้รับของเยี่ยม โดยทั้งสองคนต้องถูกกักตัวในแดน 3 จนถึงวันที่ 18 ก.ค. จึงจะได้ย้ายกลับไปแดน 8
 

ต๊ะเล่าว่าตนอยากกลับไปอยู่แดน 8 เนื่องจากรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าฝึกอบรมเรื่องการปลูกแคสตัสหรือกระบองเพชรของเรือนจำ จึงได้ต้นไม้มาดูแล 1 ต้น  ต๊ะกลัวว่า “น้องจะตายเมื่อไม่มีคนรดน้ำและเอาออกไปเจอแสงแดดให้” 

 
ทั้งคู่ฝากบอกคนข้างนอกว่า “ขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นห่วง ต๊ะกับเพชร สบายดี อยู่นี่นานแล้ว รู้สึกเบื่อ อยากออกไปข้างนอกแล้ว คิดถึงทุกคน”

———-

วันที่ 8 ก.ค. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยมและติดตามอาการป่วยของสมาชิกกลุ่มทะลุแก๊สที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์เนื่องจากติดโควิด ทั้งนี้พลพล ใบบุญ และพุฒิพงศ์ถูกแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการป่วยทางจิตเวชเนื่องจากมีภาวะเครียดและมีความพยายามทำร้ายตนเอง


พลพล: ยังรักษาตัวจากการกินยาเกินขนาดและต้องกินยาคลายเครียดเพิ่ม

พลพลเล่าว่า เขาพยายามฮึดสู้แต่บางทีก็รู้สึกไม่ไหว พลพลยังต้องกินก่อนและหลังอาหารเช้าเย็น 3 มื้อเหมือนเดิม แต่หมอเพิ่มยาคลายเครียดหรือยานอนหลับให้กินอีกในช่วง 1-2 ทุ่ม เพราะตนนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้จิตแพทย์มาคุยด้วย ตนบอกว่าคิดถึงบ้าน ตอนกลางคืนพอจะนอน ความคิดถึงบ้านมันก็แวบเข้ามาในหัวตลอด หมอเลยจัดยาให้ จิตแพทย์ไม่ได้มาตลอด แต่ถ้าเครียดหรือรู้สึกไม่ไหว ก็สามารถขอพบจิตแพทย์ได้

เขาบอกว่าตัวเองยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสักพัก เนื่องจากค่าตับยังไม่เป็นปกติ อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าอยู่โรงพยาบาลเครียดน้อยกว่าในเรือนจำเพราะมีรุ่นพี่คอยช่วยดึงสติ “เค้าสอนผมว่า 1. อยู่ให้เป็น 2. กินให้พอ 3. รอโอกาส  เวลาผมเครียดผมก็จะท่องอันนี้แหละ” นอกจากนี้พลพลยังบอกว่าได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 แล้ว

สำหรับเรื่องอาหารตนยังกินข้าวต้มเหมือนเดิมทุกวัน พลพลบอกว่า “กินจนหน้าจะเป็นข้าวต้มแล้ว แต่ผมเลือกกินเองนี่แหละ มันง่ายดี”  นอกจากนั้นเขาพยายามออกกำลังกายเพื่อคลายเครียดด้วยการดันกำแพงทีละ 50-100 ครั้ง “หากเบื่อๆ บางทีก็นั่งนับรถไปไฟฟ้าทั้งวัน ผมลองนับแล้ววันละ 50 รอบเลยนะ อยู่ รพ. ผมได้เห็นรถไฟฟ้า ได้มองออกนอกกำแพง สภาพทุกอย่างมันดีกว่าข้างใน ผมไม่อยากกลับลงแดนเลย  กลัวไม่ได้อยู่กับเพื่อน ผมคิดตลอดว่าถ้ากลับไปคงทำอีก ผมจะผูกคอตายให้มันจบๆ” เขาบอกกับทนาย

ปัจจุบันพลพล ถูกหมอจัดให้อยู่ในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช สาเหตุจากการทำร้ายตัวเอง (กินยาเกินขนาด) รวมถึงเรื่องที่ตนเอาหัวโขกลูกกรงหรือคิดจะทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำ
 

ผู้ป่วยโควิด : ธนรัตน์ – หนึ่ง – ใบบุญ – พุฒิพงศ์ – ณัฐพล 


ทนายความระบุว่า สภาพจิตใจของผู้ต้องขัง 5 คน ที่ติดโควิดค่อนข้างแย่ เนื่องจากเครียดเรื่องการประกันตัวและกังวลว่าจะไม่ได้กลับไปอยู่กับเพื่อนที่แดน 4 ทั้ง 4 คน อยากให้ “ร็อค” ธนรัตน์ ได้มากักด้วยกัน ส่วนธนรัตน์ก็มีความเครียดเพราะอยู่คนเดียวไม่รู้จักใคร จะได้เจอเพื่อนพร้อมหน้าแค่ตอนทนายมาเยี่ยม สำหรับ หนึ่ง, ใบบุญ, พุฒิพงศ์, ณัฐพล จะได้กลับไปที่เรือนจำวันที่ 12 ก.ค. นี้ แต่ธนรัตน์ ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้กลับไปเรือนจำเมื่อไหร่

พวกเขาฝากบอกกับคนข้างนอกว่า “พวกผมยังสู้อยู่ แต่ก็กดดันมากเพราะทุกครั้งที่มีข่าวยื่นประกันเพื่อนๆ ผมก็รอฟังข่าวดี แต่พอเพื่อนไม่ได้ประกัน พวกผมก็เครียดกันมาก เพราะพวกผมก็มีงานต้องทำ เรื่องเรียน ครอบครัว ในหัวมันคิดไปหมดอะ อยู่ในนี้แบบไม่เห็นอนาคตเลย”

พวกเขายังยืนยันว่า ไม่ได้ทำอย่างที่ตำรวจกล่าวหาและบอกว่าขนาดคนที่มีข้อหาหนักกว่าพวกตนยังได้ประกันตัว “แล้วทำไมพวกผมถึงไม่มีสิทธิประกันตัวเหมือนคนอื่นมันทำให้พวกผมรู้สึกสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรม เพราะสิ่งพวกผมได้รับ คือ ความอยุติธรรม พวกผมยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่ทำไมศาลถึงไม่ให้ประกันตัว”


ใบบุญและพุฒิพงศ์บอกว่า สำหรับเรื่องกรีดข้อมือทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้น เป็นไปเพื่อต้องการประท้วงเรื่องสิทธิประกันตัวผู้ต้องหา พวกตนคงจะอดอาหารก็ไม่ได้ เพราะอาจทำให้เครียดยิ่งกว่าเดิม การกรีดข้อมือจึงเป็นสิ่งเดียวที่พวกตนจะทำได้ในนี้ ทั้งนี้เรือนจำได้ให้ทั้งคู่เซ็นเอกสารซึ่งคล้ายกับการทำคำให้การของตำรวจ 

ปัจจุบันใบบุญและพุฒิพงศ์ ถูกแพทย์จัดให้อยู่กลุ่มในผู้ป่วยจิตเวชและทั้ง 2 คน ต้องกินยาคลายเครียดเวลา 19.00 -20.00 น. ทุกวัน ตั้งแต่ตอนที่กักตัวอยู่แดน 2 เนื่องจากจิตแพทย์ประเมินว่ามีภาวะเครียดเช่นเดียวกับพลพล
.

“คิม” ธีรวิทย์ : หายป่วยโควิด มีความดันโลหิตสูง


คิมบอกว่าตอนนี้ตนหายจากโควิดแล้วและได้กลับมาอยู่แดน 4 แต่มีความกังวลว่าเรือนจำคงจะไม่ให้กลับไปอยู่กับน้องๆ ทะลุแก๊ส แม้ตนได้แจ้งไว้ว่าต้องปรึกษาคดีกัน 

เขาเล่าย้อนไปถึงตอนช่วงที่อยู่โรงพยาบาลว่ามีนักจิตวิทยามาให้ทำแบบทดสอบว่าเป็นซึมเศร้าหรือไม่ แต่ผลออกมาแบบก้ำกึ่ง ประกอบตอนเข้ามาที่โรงพยาบาลวันแรกได้นอนบริเวณหน้ากล้อง CCTV  ในตอนเช้า เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าตนนอนดึกมากๆ และหลับๆ ตื่นๆ พลิกตัวไปมาตลอด รวมถึงมีอาการความดันสูงที่แม้กินยาแล้วก็ไม่ลดลง นักจิตวิทยาจึงประเมินว่าตนน่าจะมีภาวะเครียด จึงจ่ายยาคลายเครียดให้กินก่อนนอน ตอนนี้ก็ยังต้องกินแต่เจ้าหน้าที่จะเอาให้กินต่อหน้าเขา ทั้งยาความดัน วิตามิน และไม่ให้สะสมยาไว้

สำหรับเรื่องอดอาหาร คิมบอกว่า “ช่วงอยู่โรงพยาบาล ผมก็พยายามจะอดอาหาร แต่หมอที่ดูแลขอร้องให้กินข้าวเพราะผมต้องกินยา ผมจึงกินแค่ 3 คำต่อมื้อเท่านั้น แต่มื้อเย็นไม่ได้กิน พอหมอกลับ ผมก็เลยไม่กิน” เขาบอกว่าตอนนี้กลับมาอดอาหารตั้งแต่เย็นเมื่อวาน (7 ก.ค.) โดยกินเพียงน้ำ เกลือ สปอนเซอร์ เหมือนก่อนเป็นโควิด คิมยังยืนยันว่าจะอดอาหารประท้วง ทั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวและเรื่องอาหารของเรือนจำเพื่อนักโทษ

 
“ไม่ใช่กินวุ้นเส้นต้มกับน้ำหรือเศษผัก เนื้อสัตว์แทบจะไม่มีเลย คืออาหารที่นี่กินไม่ได้เลย คือเราไม่ได้อยากได้อาหารแพงอาหารเหลาอะไรหรอก แต่อยากได้อาหารที่กินได้ พวกผมยังโชคดีที่มีญาติ มีคนส่งอาหารให้ แต่นักโทษส่วนใหญ่แทบจะไม่มีคนส่งอาหารเลย” คิมบอกว่าตอนนี้เขาน้ำหนักลดลง 11 กิโลกรัมแล้ว โดยก่อนเข้ามาหนัก 95 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือ 84 กิโลกรัม ทนายเห็นว่าคิมค่อนข้างซูบผอมลงไปพอสมควร


เพื่อนๆ ที่เหลือซึ่งไม่ได้ป่วยโควิด

ทนายที่เข้าเยี่ยม สมชาย, อัครพล, พิชัย, วรวุฒิ, ศศลักษณ์,จตุพล และ วัชรพล สังเกตว่าทุกคนมีอาการคล้ายกัน คือ กินข้าวแค่วันละมื้อหรือ 2 มื้อเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอาการนอนไม่หลับ หากหลับก็ดึกมากๆ และยังหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน เนื่องจากทุกคนมีความเครียดเรื่องการประกันตัวอยู่ตลอด กังวลว่าศาลจะไม่ให้ประกันและไม่รู้ว่าต้องอยู่ในเรือนจำไปอีกนานเท่าไหร่ แม้จะทำใจไว้ว่าอย่างแย่ที่สุดคือถูกฝากขังจนครบกำหนดฝาก แต่ก็อยากได้รับสิทธิประกันตัวออกไปก่อน เพราะมีภาระ หน้าที่การงาน ครอบครัว คนรัก ที่ต้องรับผิดชอบ

นอกจากนี้ยังอยากฝากบอกคนข้างนอกว่าสามารถส่งจดหมายเข้ามาได้เพื่อให้พวกตนอ่าน นอกจากนี้ยังอยากได้การ์ตูนไว้อ่านแก้เครียด

X