ศาลนัดไต่สวนประกันตัว “สิรภพ-พอร์ท ไฟเย็น” คดีม.112 และ “สมคิด-ฉลวย” คดีทุบรถคุมตัวไมค์-เพนกวิน

วันนี้ (8 พ.ค. 64) ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวผู้ถูกคุมขังในคดีการเมืองทั้งหมด 3 คดี ได้แก่ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอประกันตัว “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ผู้ถูกฟ้องในคดีมาตรา 112 และที่ศาลอาญารัชดาภิเษก ยื่นคำร้องขอประกันตัว “พอร์ท ไฟเย็น” หรือปริญญา ชีวินกุลปฐม ในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และยื่นคำร้องขอประกันตัวจำเลย 2 คน ได้แก่ สมคิด โตสอย และ ฉลวย เอกศักดิ์ ผู้ถูกฟ้องคดีขัดขวางรถควบคุมตัว “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก และ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ 

ทั้งสามคดี ศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องประกันตัวทั้งหมด  โดยศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนคดีของสิรภพ ในวันที่ 9 พ.ค. 64 เวลา 9.00 น. ส่วนศาลอาญานัดไต่สวนคดีของปริญญา ในวันที่ 12 พ.ค. 64 เวลา 10.00 น. และคดีของสมคิดและฉลวย ในวันที่ 13 พ.ค. 64 เวลา 10.00 น. 

สิรภพ นิสิตภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ แกนนำกลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยน เพิ่งถูกควบคุมตัวล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 64 สืบเนื่องมาจากการปราศรัยในชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์  บริเวณสี่แยกราชประสงค์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่ศาลรับฟ้อง กลับไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้เขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ด้านปริญญาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 64 และควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมและสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊กรวม 3 ข้อความ ตั้งแต่ปี 2559 เขาจะถูกนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ต่อมา ศาลอนุญาตฝากขังและไม่ให้ประกันตัว แม้ยื่นประกันตัวมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง

ส่วนคดี 5 ประชาชนถูกกล่าวหากรณีขัดขวางและทุบรถควบคุมผู้ต้องขังระหว่างการควบคุมตัวเพนกวินและไมค์ ไปยัง สน.ประชาชื่น เกิดขึ้นในช่วงคืนวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ต่อมา อัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาล ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 และศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทำให้จำเลยทั้ง 5 ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ระหว่างที่พิจารณาคดี นับเป็นเวลาถึง 73 วันแล้ว

 

เปิดเหตุผลขอปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 3 คดี 

สำหรับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของสิรภพ โดยสรุปได้ยืนยันว่า จำเลยเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการตามนัดมาโดยตลอด และนับแต่ที่ถูกดำเนินคดี ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงชั้นศาล ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เคยไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ซ้ำอีกแต่อย่างใด แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ต้องหาประสงค์ยืนยันในความบริสุทธิ์พร้อมจะต่อสู้คดีตามกฎหมาย ไม่เคยคิดจะหลบหนี อีกทั้งคดีนี้โจทก์ก็ไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด 

ที่สำคัญ จำเลยกำลังศึกษาอยู่ที่ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปลายภาค ปีการศึกษาที่ 2563 ตามกำหนดการของมหาวิทยาลัย ซึ่งจำเลยมีภาระหน้าที่จะต้องเข้าสอบตามที่คณะและมหาวิทยาลัยกำหนด หากต้องถูกคุมขังต่อโดยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะทำให้ไม่สามารถเข้าสอบตามกำหนดการของคณะและมหาวิทยาลัยได้ อันจะทำให้ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิทางการศึกษาและอนาคตทางการศึกษาของจำเลยอย่างร้ายแรง 

คำร้องยังแถลงต่อศาลว่า หากได้รับการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยจะไม่ทำกิจกรรมที่จะกระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือหากศาลเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขใดที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี และเพื่ออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว  ขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวนั้นด้วย 

>> ไม่ให้ประกัน ขนุน-สิรภพ! คดีม.112 ศาลอ้างทำผิดต่อ “สถาบันหลักของประเทศ” เสี่ยงก่อเหตุซ้ำ

 

ด้านคำร้องของปริญญาระบุว่า ในขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นที่คุมขังผู้ต้องหา โดยมีนายชูเกียรติ แสนวงค์ ผู้ต้องหาในคดีการเมืองอีกรายหนึ่ง ติดเชื้อโรคโควิด-19 และผู้ต้องขังอีกจำนวนหลายคนก็ติดเชื้อ ทำให้ผู้ต้องหามีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับภยันตรายติดเชื้อจากโรคระบาดดังกล่าว เนื่องจากต้องถูกคุมขังในสถานที่แออัด หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะช่วยทำให้ลดความแอดอัดในสถานที่ดังกล่าวได้ ทำให้การบริหารจัดการเรื่องสถานการณ์โควิดได้ดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

อนึ่ง ผู้ต้องหาขอแถลงต่อศาลว่า หากผู้ต้องหาได้รับการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาจะไม่ทำกิจกรรมที่จะกระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือหากศาลเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขใดที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี และเพื่ออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวนั้นด้วย

>> ฟังเพลงชีวิตของ “พอร์ท ไฟเย็น” ศิลปินผู้ใช้ดนตรีและกีต้าร์เป็นอาวุธสู้เผด็จการ

>> ไม่ให้ประกัน “พอร์ท” ไฟเย็น คดี 112 หลังยื่นประกันระบุอาการป่วย ศาลยกเหตุเข้ารักษาตัวใกล้ชายแดนลาว เชื่อว่าจะหลบหนี

 

ส่วนคำร้องในคคีทุบรถผู้ต้องขัง ระบุว่าสมคิด โตสอย (จำเลยที่ 4) ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม โดยปราศจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ทำให้จำเลยที่ 4 ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สร้างความเดือดร้อนทุกข์ทรมานแสนสาหัสให้กับจำเลยที่ 4 และครอบครัวเป็นอย่างมาก  

ส่วนฉลวย เอกศักดิ์ (จำเลยที่ 5) ไม่ได้กระทำผิดตามคำฟ้องแต่อย่างใด และไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 1 ถึง 4 มาก่อน ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 5 เพียงแต่เดินทางไปรับหลานสาวที่โรงเรียนในช่วงเย็นในบริเวณจุดเกิดเหตุเท่านั้น รวมถึงจำเลยที่ 5 ยังมีปัญหาสุขภาพเป็นต้อกระจก เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขี่จักรยานยนต์ในตอนกลางคืนไปก่อเหตุ 

อีกทั้งคำร้องยังระบุว่า จำเลยที่ 4 และ 5 ยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิด ต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด ตามที่รัฐธรรมนูญไทย กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนรับรองไว้ 

อนึ่งจำเลยที่ 4 และ 5 จะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม โดยเข้าพบพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการทุกครั้ง ไม่เคยผิดนัดแม้แต่ครั้งเดียว และยินดีจะใช้กำไล EM และปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งทุกประการโดยถือปฎิบัติอย่างเคร่งครัด 

ทั้งนี้ในคดีทุบรถนี้ หากศาลให้ประกันตัวจำเลยสองรายนี้ ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ทนายความและจำเลยรายอื่นๆ ที่เหลือ จะพิจารณาเรื่องการยื่นประกันตัวต่อไปอีกครั้ง

>> เปิดคำฟ้องคดีทุบรถควบคุม “ไมค์-เพนกวิน” โทษหนักสุดจำคุก 7 ปีครึ่ง แต่ศาลไม่ให้ประกัน ขณะ 1 ในจำเลยยืนยันไม่ได้ร่วมชุมนุม

>> “พ่อไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำ​”: คำบอกเล่าลูกชายผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีทุบรถควบคุม ไมค์-เพนกวิน

 

X