“พ่อไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำ​”: คำบอกเล่าลูกชายผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีทุบรถควบคุม ไมค์-เพนกวิน

“เมื่อวาน ผมไปทำงานส่งของตามปกติ ไม่ทราบเลยว่าคุณพ่อจะไม่ได้ประกัน” ลูกชายของฉลวยเอ่ยขึ้นเบาๆ ในเช้าวันหลังจากที่พ่อของเขาไม่ได้รับการประกันตัว

ลูกชายของฉลวย ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เขาไม่เคยเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมไปถึงพ่อของเขาที่เพิ่งถูกส่งเข้าเรือนจำทันทีเมื่อ 2 วันก่อน (24 ก.พ. 64) เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี หลังอัยการสั่งฟ้องประชาชน 5 คน ใน 7 ข้อหา เช่น “มั่วสุมมากกว่า 10 คน” -“ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน” จากกรณีการขัดขวางรถควบคุมผู้ต้องขังที่อายัดตัว “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพไปยังสน.ประชาชื่น 

ย้อนไปในค่ำคืนของวันที่ 30 ต.ค. 63 ประชาชนจำนวนหนึ่งมาจับจองพื้นที่ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเฝ้ารอการปล่อยตัวของ 3 แกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังในชั้นสอบสวนมากว่า 2 สัปดาห์ในคดีมาตรา 116 จากชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ทว่า เพนกวิน พริษฐ์, ไมค์ ภาณุพงศ์ และ ”รุ้ง” ปนัสยา กลับถูกอายัดตัวตามหมายจับในคดีชุมนุมที่จังหวัดนนทบุรี อยุธยา และอุบลราชธานี แม้พนักงานสอบสวนเข้าแจ้งข้อกล่าวหาขณะอยู่ในเรือนจำแล้ว หมายจับจึงควรจะสิ้นผลไป

การรอคอยอันยาวนานตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่จนถึงหัวค่ำ แต่กลับพบว่าเพนกวิน-ไมค์ถูกอายัดตัว ไม่ได้หวนคืนสู่อิสรภาพตามที่สัญญาไว้ ทำให้ประชาชนไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเพนกวินและไมค์ถูกควบคุมตัวอย่างลับๆ ในรถผู้ต้องขัง สน.ประชาชื่น ออกไปอีกทางออกของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยเจ้าหน้าที่ไม่แจ้งกับทนายผู้ต้องหา, มวลชน หรือแม้แต่เพนกวินและไมค์ว่าจะนำตัวไปที่ใด 

การควบคุมตัวโดยมิชอบของแกนนำเสมือนเป็นถ่านที่เพิ่มทั้งไฟให้มวลชนรีบติดตามรถผู้ต้องขังออกไปอย่างเร่งรีบเพื่อหวังว่า 2 แกนนำจะปลอดภัย

ทว่า “ฉลวย” 1 ในผู้ถูกดำเนินคดีในวัย 52 ปี กลับไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ มีเพียงแค่ลูกและลูกเขยของเขาที่นำรถจักรยานยนต์ของเฉลียวไปใช้ และบังเอิญเจอมวลชนรุมล้อมรถที่ควบคุมตัวเพนกวิน-ไมค์อยู่  แต่ฉลวย กลับถูกดำเนินคดีถึง 7 ข้อหา รวมไปถึง “ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน” และ “ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน”  ทั้งยังไม่ได้รับการประกันตัว ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะไม่ได้ประกัน

“ผมทราบอยู่แล้วว่าพ่อถูกดำเนินคดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบเมื่อวาน” ลูกชายเล่าต่อ 

ฉลวยเลี้ยงชีพด้วยการรับเหมาก่อสร้างทั่วไป และเลี้ยงจิตใจด้วยการดูแลหลานวัย 12 ปี ชีวิตประจำวันของเขาคือรับส่งหลานไปกลับโรงเรียน รับจ้างทำงานช่างจากเพื่อนบ้าน และต่อสู้กับโรคประจำตัวเรื้อรังเป็นระยะๆ ชีวิตของเขาแทบไม่เคยเกี่ยวพันกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง 

“คุณพ่อไม่เคยยุ่งเรื่องการเมือง ทำงานอย่างเดียว ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้างทั่วไป ไปส่งหลานตอนเช้า ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งหลานเสร็จก็ขับรถกลับมาบ้าน ทำงานรับจ้างทั่วไป แล้วกลับมารับอีกทีตอนเย็น”

“พอพ่อไม่ได้รับการประกันตัวก็ส่งผลกระทบกับครอบครัว ไม่มีคนดูแลหลาน ดูแลบ้าน 

“ผมเป็นห่วงสุขภาพพ่อด้วย เวลาอยู่ข้างนอก ถ้าพ่อเครียด ร่างกายเขาจะทรุด ไม่ยอมทานข้าว ผมกลัวเขาจะแย่ลงตอนอยู่ข้างใน [เรือนจำ]

นอกจากนี้ การถูกคุมขังยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวที่ต้องคอยดูแลผู้ต้องหา ญาติตัดสินใจเตรียมเข้ายื่นขอประกันตัวต่อศาลอีกครั้งในช่วงวันจันทร์หน้า แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียรายได้ประจำวันไป 1 วัน

ที่สำคัญไปกว่านั้น ตามคำบอกเล่าจากลูกๆ ฉลวยไม่ได้ไปเข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด มีเพียงแค่ลูกของเขานำรถจักรยานยนต์ของพ่อไปใช้ แล้วเห็นรถคุมขังกำลังนำตัวเพนกวินและไมค์ไปที่ สน.ประชาชาชื่นเท่านั้น

“ผมอยากให้ [ศาล] เปิดโอกาสให้พ่อเขาได้พูดบ้างว่าเขาไม่ได้ไป แต่เมื่อวานเขากลับไม่มีสิทธิได้พูดอะไรเลย”

ฉลวยเป็น 1 ใน 9 ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีอันสืบเนื่องมาจากการแสดงออกทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปี 2563-2564 ซึ่งถูกศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันจากการสันนิษฐานว่า “การกระทำของจำเลยทั้งห้าเกิดจากการไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้เกิดในบ้านเมือง หากได้รับการปล่อยตัวเห็นว่า จำเลยทั้งห้าจะไปกระทำอันตรายประการอื่นอีก” อันขัดกับหลักที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์  และการลิดรอนสิทธิการประกันเช่นนี้ ยังทำให้ฉลวยไม่ได้รับสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมอีกด้วย

อ่านคำฟ้องและสาเหตุที่ศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันในคดีนี้

X