ประชาชนจำนวน 4 ราย ได้ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่าทั้งหมดได้พยายามขัดขวางการควบคุมตัวผู้ต้องขัง ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ และทำให้รถควบคุมผู้ต้องหาเสียหาย ขณะกำลังขับรถพา “เพนกวิน” และ “ไมค์” ที่ถูกอายัดตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไปยังสน.ประชาชื่น ทำให้ตำรวจกล่าวหาว่ากระทำความผิดถึง 6 ข้อกล่าวหา
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันที่ 30 ต.ค. 63 หลังศาลอาญาไม่อนุญาตให้ฝากขังต่อเป็นครั้งที่ 3 ในกรณีของ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก และแบงค์ -ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม คดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ทำให้ทั้ง 4 คนจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ประชาชื่นได้พยายามจะเข้าอายัดตัวปนัสยา, พริษฐ์ และภาณุพงศ์ ต่อโดยอ้างหมายจับในคดีการชุมนุมที่จังหวัดนนทบุรี อยุธยา และอุบลราชธานี โดยที่คดีเหล่านี้ ตำรวจจากสถานีตำรวจทั้งหมดได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อทั้งสามคนไปก่อนหน้านี้แล้วระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ ทำให้ตามหลักกฎหมายแล้ว หมายจับดังกล่าวควรจะสิ้นผลไป
เมื่อทราบเช่นนั้น พริษฐ์และภาณุพงศ์จึงปฏิเสธการให้เจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นรถตำรวจไป เนื่องจากเห็นว่าเป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบ แต่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้งสองคนขึ้นรถคุมขังออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพไป โดยระหว่างนำตัวไปยังสน.ประชาชื่นได้เกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของประชาชนบริเวณถนนงามวงศ์วาน ทำให้รถเสียหายและประชาชนรายดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาต่อนี้ ได้พยายามติดตามรถควบคุมผู้ต้องขังไปถึงสน.ประชาชื่นด้วย
>> ดูลำดับเหตุการณ์วันที่ 30-31 ต.ค. โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ต่อมานายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร อายุ 20 ปี ประชาชนที่ถูกรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉี่ยวชนได้พยายามเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เอาไว้ แต่เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้า ทั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน พนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่นได้ออกหมายเรียกณัฐนนท์ไปสอบสวนในฐานะพยาน ในคดีที่มี พ.ต.ต.ทำเนียบ ขลังธรรมเนียม สารวัตร (สืบสวน) สน.ประชาชื่น เป็นผู้กล่าวหา
จนเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 63 ร.ต.อ.นพดล หอมสมบัติ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ประชาชื่น ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้ณัฐนนท์มารับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ประชาชื่น รวมทั้งออกหมายเรียกประชาชนรายอื่นๆ อีก 4 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวอ้างว่าได้เกี่ยวข้องกับเหตุขัดขวางการควบคุมตัวผู้ต้องขังของเจ้าหน้าที่ในคืนเกิดเหตุ
ต่อมาผู้ถูกออกหมายเรียก 4 ราย ได้ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ได้แก่ นายณัฐนนท์ (วันที่ 1 ธ.ค.), นายธวัช สุขประเสริฐ (วันที่ 14 ธ.ค.), นายฉลวย เอกศักดิ์ และนายสมคิด โตสอย (วันที่ 17 ธ.ค.) โดย ร.ต.อ.นพดล หอมสมบัติ ได้แจ้ง 6 ข้อกล่าวหากับทั้งสี่ ได้แก่
|
พฤติการณ์การกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่โดยสรุปมีการบรรยายถึงเหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปรวมตัวกันให้กำลังใจแกนนำ 4 คน ที่จะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ พ.ต.ต.ทำเนียบ ขลังธรรมเนียม พร้อมพวก ได้รับคำสั่งให้มาดูแลความสงบที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทั้งต่อมาได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าไปภายในจุดที่จะปล่อยตัวผู้ต้องขังภายในห้องโถงด้านในเรือนจำ เพื่อสมทบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะรออายัดตัวผู้ต้องขัง ได้พบนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก นั่งอยู่ในบริเวณห้องด้านข้างของรถควบคุมผู้ต้องหา
พ.ต.ต.ทำเนียบกับพวก จึงได้แจ้งให้ทราบว่ามีหมายจับและถูกอายัดตัวไว้ ขอเชิญไปขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาไปยังสน.ประชาชื่น แต่ผู้ต้องขังทั้งสองปฏิเสธ พ.ต.ต.ทำเนียบกับพวก จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องขังทั้งสองขึ้นรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายเข้าไปอยู่ในรถควบคุมตัวผู้ต้องหาด้วย ส่วนพ.ต.ต.ทำเนียบนั่งอยู่ด้านหน้า ข้างพลขับ
จากนั้น รถได้วิ่งออกไปทางที่อยู่ด้านหลังเรือนจำ และวิ่งย้อนกลับมาที่ด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไปออกทางประตูที่ 1 ที่อยู่บริเวณทัณฑสถานหญิงกลาง แล้วออกไปบนถนนงามวงศ์วาน โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามมาจำนวนหลายคัน ล้อมรถควบคุมทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง พร้อมตะโกน “ปล่อยเพื่อนกู”
เมื่อขับมาถึงบริเวณด้านหน้าตลาดพงษ์เพชร มีรถติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงอยู่บริเวณสี่แยก จึงทำให้รถควบคุมเคลื่อนต่อไปไม่ได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมตามมาประกอบรถควบคุม เมื่อสัญญาณไฟเขียว กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถจักรยานยนต์ไปจอดขวางรถแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้ารถควบคุมไว้ ทำให้รถควบคุมเคลื่อนที่ไปไม่ได้ กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดขวางรถควบคุม ใช้หมวกนิรภัยทุบรถควบคุมบริเวณกระจกประตูซ้าย และมีการใช้ของแข็งทุบไปรอบตัวรถ ทั้งพยายามดึงประตูรถ พร้อมกับตะโกน “ปล่อยเพื่อนกู”
พ.ต.ต.ทำเนียบจึงได้สั่งให้พลขับขับรถออกไปช้าๆ เพื่อที่จะดันรถจักรยานยนต์ที่จอดขวางให้เลื่อนออกไป ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมใช้กำลังมากขึ้น พยายามจะเปิดประตูด้านท้ายรถเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขัง หากว่ายังให้รถหยุดบริเวณดังกล่าวอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขังทั้งสองอาจถูกช่วยเหลือนำตัวออกไป แต่ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ติดอยู่ด้านหน้ารถยนต์ จึงได้ลากไปเป็นระยะ 150 เมตร จนถึงแยกพงษ์เพชร จึงได้หยุดรถ และถอยหลังให้รถจักรยานยนต์ที่ติดอยู่หลุดออกไป รถควบคุมจึงได้วิ่งต่อมา
จนถึงปากซอยเทศบาลนิมิตเหนือซอย 40 มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดถนนรออยู่แล้ว และผู้ต้องหาได้ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ทุ่มใส่กระจกด้านหน้าข้างซ้ายจำนวน 2-3 ครั้ง จนกระจกแตก ผู้ชุมนุมยังมีการยั่วยุให้ปล่อยลมยาง รถควบคุมจึงพยายามหลีกหนีและขับเข้ามาบริเวณสน.ประชาชื่น
เมื่อดับเครื่องรถแล้ว พ.ต.ต.ทำเนียบได้ลงไปเพื่อจะทำการเปิดประตูด้านหลัง นำผู้ต้องขังออกจากรถ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ติดตามมากระชั้นชิดและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีบางส่วนใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งควบคุมผู้ต้องหาด้านใน โดยดึงเสื้อและชกต่อย พ.ต.ต.ทำเนียบจึงไม่สามารถเปิดประตูรถด้านหลังได้ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และต่อมาได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
ทั้ง 4 คนที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป ทั้งหมดยังปฏิเสธจะลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากเห็นว่ามีการบรรยายพฤติการณ์ที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงแต่อย่างใด ก่อนพนักงานสอบสวนได้ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไป
ขณะเดียวกันยังมีผู้ถูกออกหมายเรียกอีก 1 รายที่ยังไม่ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา