วันที่ 18 เม.ย. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “มานี” เงินตา คำแสน ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 และดูหมิ่นศาล ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง มานีถูกคุมขังภายหลังจากที่ศาลพิพากษาจำคุกเธอเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน โดยไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการอุทธรณ์ และต่อมายังถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาในคดีดูหมิ่นศาลอีกคดีหนึ่ง จำคุกอีก 6 เดือน
หลังจากถูกพรากอิสรภาพมากว่า 9 เดือน มานีเผยชีวิตในเรือนจำที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะอาการแพนิคที่รุนแรงขึ้นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว จนไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกับผู้ต้องขังคนอื่นได้
มานีเล่าถึงความกังวลเรื่องความปลอดภัยในเรือนจำ ทั้งการรับมือแผ่นดินไหวและการซ้อมหนีไฟที่ไม่เคยมี เธอยังได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระหว่างมาราชการในเรือนจำ และยังคงยืนยันจุดยืนในการเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและคืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขัง
แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก การอ่านหนังสือ ‘บทเพลงแห่งลาดยาว’ ช่วงชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ ในแดนคุมขังคุกลาดยาว ที่เล่าเรื่องผู้ต้องขังทางการเมืองในยุคเผด็จการจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กลับเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมีกำลังใจต่อสู้ต่อไป เธอกล่าวย้ำเมื่ออ่านจบว่า “อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะอยู่ในนี้ต่อไปได้”
_________________________________
หลังจากที่ล้มป่วยจนไม่สามารถพบกันได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ร่างกายของมานียังคงอ่อนเพลีย “วันนั้นมีอาการหน้ามืด หายใจเร็ว แน่นหน้าอก และเวียนหัว” มานีเล่าถึงอาการแพนิคที่ทำให้เธอล้มป่วย แม้จะได้รับยารักษาอาการแพนิคและซึมเศร้าแล้วก็ตาม
เธอบอกย้ำอีกว่า “มีอาการมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว” อาการแพนิคของเธอถี่ขึ้น เกิดขึ้นแทบทุกวัน แม้จะกินยาแก้แล้วก็ตาม นอกจากนี้ ความเจ็บปวดยังแผ่ขยายไปถึงข้อเข่าที่ต้องทนนั่งวันละ 7-8 ชั่วโมง เพราะกิจวัตรประจำวันในเรือนจำ
“วันนั้นนั่งสวดมนต์อยู่ในแถวใต้เรือนนอนทับทิม” มานีเล่าถึงวันที่แผ่นดินไหว “สักพักก็รู้สึกเวียนหัวจนต้องเอื้อมมือไปจับเพื่อนผู้ต้องขังอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า” เธอเหลือบไปเห็นโคมไฟข้างบนแกว่งไกว ก่อนที่เสียงของเพื่อนผู้ต้องขังจะดังขึ้น ‘แผ่นดินไหว!’
ในวินาทีนั้น โลกของมานีหยุดหมุน เธอร้องด้วยความตกใจ ตัวสั่น หายใจไม่ทัน แต่ยังไม่ถึงขั้นช็อก เพื่อนผู้ต้องขังช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการเอาถุงพลาสติกครอบปากและจมูก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาเธอออกมากินยา ดื่มน้ำหวาน และเช็ดตัวให้
หลังเหตุการณ์ผ่านไป ความกังวลยังคงอยู่ในใจของมานี เธอถามเจ้าหน้าที่ในเรือนจำว่า “ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทางเรือนจำจะมีมาตรการอย่างไร นี่ดีที่แผ่นดินไหวเกิดตอนกลางวัน แต่ถ้าเกิดตอนกลางคืน ผู้ต้องขังอยู่บนเรือนนอนจะทำอย่างไรกัน”
เช่นเดียวกับที่เธอเคยตั้งคำถามเรื่องการซ้อมหนีไฟ “ถ้าเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นในเรือนนอน แต่ถังดับเพลิงอยู่ข้างนอกอาคาร จะดับไฟทันไหม” ก่อนพูดอีกว่า “ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ไม่เห็นการซ้อมหนีไฟเลย” มานีเสริม ท่าทีแสดงความกังวล
ปัจจุบัน อาการแพนิคของมานีกลับมากำเริบอีกครั้ง “ปกติแล้ว เวลายืนในแถวที่คนเยอะก็ยืนได้เป็นปกติ แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเข้าแถวรวมกับผู้ต้องขังคนอื่นได้” เธอเล่า “หากเข้าไปยืนก็จะเกิดอาการหายใจติดขัด หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งเป็นแบบนี้เกือบทุกวัน” เธอเลือกที่จะขออนุญาตไม่เข้าแถวต่อเจ้าหน้าที่
มานีเล่าต่อถึงวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เมื่อ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้ามาเยี่ยมผู้ต้องขังที่แดนนอก ขณะที่เธอนั่งรอหลังจากเยี่ยมญาติเสร็จ เมื่อทวีเดินผ่านมาเจอมานี เธอถามว่า “จำเธอได้ไหม” ซึ่งเธอเคยพูดคุยกับเขามาก่อนหน้านี้ “จำได้ คุณใช่คนที่เรียกร้องปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรมใช่ไหม” ทวีตอบ
“ใช่ค่ะ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และคืนสิทธิประกันตัวของผู้ต้องขัง ซึ่งไม่ได้หมายถึงผู้ต้องขังคดีการเมืองอย่างเดียวเท่านั้น” มานีตอบอย่างมั่นใจ แม้จะอยู่ในคุก แต่ข้อเรียกร้องความเป็นธรรมยังคงแรงกล้า “ผมเห็นด้วยว่าต้องทำแหละ แต่เรื่องนี้ต้องคุยกันหลายฝ่าย” ทวีตอบก่อนจะเดินจากไป แต่มานียังตั้งคำถามต่อความล่าช้าจากความตั้งใจดังกล่าวอยู่
สุดท้ายของการพูดคุย มานีเล่าถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่เธอได้อ่าน ‘บทเพลงแห่งลาดยาว’ ช่วงชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ ในแดนคุมขังคุกลาดยาว เขียนโดยทองใบ ทองเปาว์ ที่เล่าเรื่องผู้ต้องขังทางการเมืองในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ “พี่จินนี่กำลังอ่านอยู่ เราเห็นจึงไปถามว่าหนังสืออะไร” มานีเล่า “เธอจึงเปิดหนังสือให้ดูหน้าหนึ่ง ซึ่งเป็นบทเพลงที่พูดถึงจิตร ภูมิศักดิ์ ยืนอ่านแล้วน้ำตาคลอ”
มานีขอยืมต่อจากเพื่อนผู้ต้องขังดังกล่าว และตอนนี้เธออ่านจบแล้ว แต่ยังอยากอ่านซ้ำหลาย ๆ รอบ “การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงตัวเอง นึกถึงอานนท์ นึกถึงเพื่อน ๆ นึกถึงบุ้ง นึกถึงทุกคนที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และประชาธิปไตย” เธอกล่าวย้ำเมื่ออ่านจบว่า “อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะอยู่ในนี้ต่อไปได้”
จนถึงปัจจุบัน (21 เม.ย. 2568) มานีถูกขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 278 วัน
📩 สามารถเขียนจดหมายถึงมานี “ฝากถึง เงินตา คำแสน เรือนนอนทับทิม ทัณฑสถานหญิงกลาง 33/3 ถนนงามวงค์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900”
📩 หรือเขียนจดหมายออนไลน์ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล
.
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
เสียงจาก ‘มานี’: “อยากให้ทุกคนได้รับการประกันตัว ไม่ว่าคดีนั้นจะเป็นคดีการเมืองหรือไม่ก็ตาม”
หัวใจที่สั่นไหว แต่ไม่เคยสิ้นพลัง “มานี” ยังต่อสู้เพื่อผู้ต้องขังคนอื่น