วงกรงสีฟ้า: ชีวิตที่สู้แล้วสู้อีก ของ “จินนี่” ผู้ต้องขังคดี ม.112 

ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2568  ก็เป็นเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว ที่ “จินนี่” จิรัชยา สกุลทอง ประชาชนวัย 57 ปี ถูกพรากอิสรภาพไป ก่อนหน้านั้นเธอถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการไลฟ์สดบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระหว่างเดินทางไปร่วมชุมนุม #ม็อบ25กรกฎาคมแห่เทียนไล่นายกฯ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มทะลุฟ้า เมื่อปี 2565 ก่อนถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี และไม่ได้รับการประกันตัวมานับแต่นั้น

ในโลกภายนอก จินนี่ทำธุรกิจเกี่ยวกับห้องเช่าและค้าขาย เธอเคยเข้าร่วมการชุมนุมกับคนเสื้อแดง ในฐานะมวลชนทั่วไป ไม่ได้สังกัดกลุ่มใด และยังออกมาร่วมกิจกรรมในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจทางการเมือง ด้วยเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจซบเซา ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งก็ถูกคุกคาม และมีรัฐธรรมนูญที่ปิดหูปิดตาประชาชน 

จากนั้นยังเข้าร่วมการชุมนุมและกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ในช่วงปี 2563-65 ด้วย และบางครั้งก็ได้ร่วมปราศรัยในการชุมนุมย่อยต่าง ๆ กล่าววิพากษ์วิจารณ์ปัญหาปากท้องและการเมืองการปกครอง อันเป็นที่มาของการถูกดำเนินคดีติดตามมา

ตลอดเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ที่ทัณฑสถานหญิงกลางมีการเข้าพบและเยี่ยมจินนี่หลายครั้ง บางวันภายในห้องเยี่ยมอันแคบและอบอ้าว ใบหน้าของหญิงวัย 56 ปี ปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ฝืนทน แววตาเหนื่อยล้าลง  แต่ภายใต้ชุดนักโทษสีฟ้า ภาพที่มองเห็นคือความพยายามรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตัวเองเอาไว้ ด้วยการเล่นโยคะ อ่านหนังสือ และสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจ แม้ร่างกายจะผอมลงไปราว 10 กิโลกรัม แต่จิตใจของเธอยังดูเข้มแข็ง

การติดอยู่ในวงจรของระบบทัณฑสถานอีกครั้ง ยังผลให้ชีวิตที่สู้แล้วสู้อีกของจินนี่ ยังคงมองหาแสงสว่าง และส่งต่อความหวังนั้นให้แก่ผู้อื่น เพราะถึงที่สุด ชีวิตในขณะนี้คือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่ไม่สามารถเลือกได้ และทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

บันทึกนี้ย้อนบอกเล่าเรื่องราวของจินนี่ในช่วงสองเดือนเศษที่ผ่านมาหลังถูกจองจำ

_________________

.

วันที่ 22 ม.ค. 2568 

ทันทีที่เปิดประตูเพื่อเข้าไปใบหน้าของจินนี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีคนมาเยี่ยม บทสนทนาเริ่มจากการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบในเรือนจำ ขณะพูดคุยเธอมีอาการไอแห้งแต่ไม่บ่อย กระทั่งเล่าความรู้สึกของวันแรก ๆ “ตั้งแต่แม่เข้ามาอยู่ที่นี่ กินข้าวแทบไม่ได้เลย เพราะไม่ชอบกลิ่นของอาหาร” เสียงของจินนี่แผ่วลงเมื่อเล่าถึงการเริ่มต้นชีวิตในเรือนจำ

“นอนไม่ได้เลย นอนไม่หลับ เพราะห้องที่นอนมีผู้ที่ถูกคุมขังนอนรวมกันประมาณ 70 กว่าคน ต้องนอนเบียดกันประมาณ 2-3 คืบต่อคน” ร่างของคนเจ็ดสิบกว่าชีวิตเบียดเสียดในพื้นที่จำกัด หัวเท้าชนกัน เสียงกรนดังระงม และความกลัวที่จะติดเหา คือภาพที่จินนี่บรรยายออกมา จนทำให้นึกถึงซาร์ดีนกระป๋องที่ถูกอัดแน่นไร้อากาศหายใจ 

ส่วนบรรยากาศ ข้างในแม้จะวุ่นวาย แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกายอะไรกัน เพียงรู้สึกทรมาน เพราะเธอถูกตะคอก จากผู้ต้องขังที่อยู่มาก่อน เนื่องจากเพิ่งเข้ามา ยังปรับตัวเรื่องความเร็วของชีวิตประจำวันยังไม่ได้ คิดว่าถ้าอยู่อีกสักพักถึงจะค่อย ๆ ปรับตัวได้ แต่ยังดีที่มีเพื่อนที่โดนคดี 112 อยู่ด้วย คือ “มานี” ที่คอยช่วยเหลือ จึงทำให้อุ่นใจขึ้นมาหน่อย และเจ้าหน้าที่ที่นี่ถือว่าใจดี

ในห้องขังคับแคบที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับอีกหลายสิบคน เธอยังพบว่าถูกขโมยชุดไป 1 ชุด เหลือเพียงชุดเดียวที่ต้องสวมใส่หมุนเวียน ซักเย็น ตากแห้ง สวมใส่เช้า กลายเป็นวงจรน่าหดหู่ที่ต้องทำซ้ำทุกวัน

ส่วนความเป็นอยู่ข้างในด้านอื่น ๆ เท่าที่เธอเล่า ยังมีมุมอ่านหนังสือให้อ่าน แต่ไม่ได้ไปใช้เพราะแสงไฟน้อยสายตาไม่ค่อยดี และมีพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย จินนี่จึงพอได้ออกกำลังกาย และยืดตัวทุกวัน ๆ

.

วันที่ 31 ม.ค. 2568

เสียงไอแห้ง ๆ ขัดจังหวะบทสนทนา ท่ามกลางเสียงไอที่ดังก้องไปทั่วห้องเยี่ยม ครั้งนี้จินนี่เล่าเรื่องระบบสาธารณสุขในเรือนจำด้วยน้ำเสียงที่ผสมความขมขื่นและอ่อนล้า

“ด้านสาธารณสุขข้างในแย่มาก แม้จะมีการเปิดให้พบหมอ-พยาบาลได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่กว่าจะได้พบหมอก็ใช้เวลานาน รอพบหมอประมาณ 2-3 ชั่วโมง ได้คุยกับหมอ 1 นาที”

เธอเล่าว่าในเรือนจำไม่มีน้ำอุ่นให้ดื่ม มีแต่น้ำเย็นที่ยิ่งทำให้อาการไอรุนแรงขึ้น การมีน้ำร้อนในยามเจ็บป่วยถือเป็นสิ่งธรรมดาสำหรับคนทั่วไป กลับกลายเป็นสิทธิพิเศษที่ต้องซื้อหาในรูปแบบของกาแฟหรือโอวัลติน

“ทั้งที่เราอยู่ในกรุงเทพแท้ ๆ ทำไมการรักษาของคนข้างในแย่ขนาดนี้ แย่กว่าต่างจังหวัดห่างไกลที่ทุรกันดารเลย” เสมือนคำถามที่ไม่มีคำตอบดังก้องในห้องเยี่ยมแคบ ๆ 

ก่อนย้ำความต้องการอยากเรียกร้องให้กับคนที่อยู่ข้างใน ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้ดีกว่านี้ หรือไม่ก็เท่ากันกับทุกคนที่อยู่ข้างนอก 

เธอคิดว่าผู้ดูแลที่นี่ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า สภาพการคุมขังคนจำนวนมากที่เกิดขึ้น ทำให้มีโอกาสมากที่จะเกิดโรคติดต่อระบาดกันได้ง่าย แต่กลับไม่มีมาตรการรองรับหรือวิธีการรับมือกับเรื่องดังกล่าวที่เพียงพอ

“ตอนนี้เริ่มปรับตัวกับข้างในได้แล้ว แต่พอไม่สบาย ทำให้สภาพจิตใจห่อเหี่ยวลง” จินนี่เล่า  

เธอคิดว่าถ้าสุขภาพดีขึ้น จิตใจคงดีขึ้นตาม ทั้งการที่มีคนมาเยี่ยมทั้งทนาย ญาติ และเพื่อน ๆ ทำให้อาการดีขึ้น เพราะอย่างน้อยระหว่างทางที่เดินไปพูดคุย ก็ได้ชื่นชมบรรยากาศข้างนอกบ้าง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทำให้มีความสุข  

“ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยมนะคะ” เป็นคำกล่าวก่อนจากกันครั้งนั้น

.

วันที่ 21 ก.พ. 2568 

เธอดูสดใสมากยิ้มมาตั้งแต่หน้าประตู หวีผมเรียบ ใบหน้าไร้ริ้วรอย  “ตอนนี้หายจากอาการไอเรียบร้อยแล้ว น้ำหนักลงไปถึง 5 กิโล” จินนี่บอก

พอหายจากอาการป่วย สุขภาพจิตก็ดีขึ้นตาม และเธอคิดว่าปรับตัวกับชีวิตข้างในได้มากขึ้น และได้กำลังใจจากคนภายนอก ทั้งสามีที่พยายามมาเยี่ยมทุกวัน และลูกสาวที่มาเยี่ยมลูกสัปดาห์

ในภาพรวม จินนี่ยังใช้ชีวิตประจำวันของเธอด้วยการเล่นโยคะและอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ถึงอย่างนั้นข้างในในโลกที่ถูกแบ่งชั้น เธอก็รับรู้ได้ถึงเรื่องที่กระทบจิตใจ แม้จะไม่ใหญ่ก็ตาม  โดยเฉพาะความไม่เท่าเทียมแม้กระทั่งในหมู่ผู้ต้องขังด้วยกัน 

“ข้างในมีพริวิเลท คนจีนมักจะได้ไปซื้อของก่อนเสมอ ส่วนคนไทยค่อยได้ซื้อของทีหลัง คนที่มีเงินก็จะมีพรรคพวกเยอะ” เธอสะท้อนภาพชีวิตในเรือนจำที่ไม่ต่างจากสังคมภายนอก เงินยังคงเป็นปัจจัยกำหนดคุณภาพชีวิต

.

วันที่ 3 มี.ค. 2568

จินนี่ดูผอมลงตาบวม ๆ ก่อนเล่าถึงอาการตาแห้งที่เป็นมาหลายวัน ซึ่งได้พบหมอและรับยาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเล่าว่าน้ำหนักลดลงมาอีก 1 กิโลกว่า ๆ แต่โดยรวมแล้วสุขภาพยังแข็งแรงดี พร้อมกับเล่าถึงสาเหตุของน้ำหนักที่ลด เนื่องจากไม่ได้กินอาหารเหมือนที่อยู่ข้างนอก แต่เธอก็พยายามออกกำลังกายทุกวันโดยการเล่นโยคะ ทั้งได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัวโดยเฉพาะสามีที่มาเยี่ยมทุก ๆ วัน 

จินนี่เล่าถึงสถานการณ์ข้างในว่า “เมื่อเช้าก่อนที่จะเข้ามาพบทนาย มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเยี่ยมดูเรือนจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้คุมได้มีการตะคอกใส่ผู้ต้องขังและบังคับให้ทุกคนนั่งลง ซึ่งเป็นลักษณะของการลิดรอนสิทธิ์ในรูปแบบหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าคนไม่เท่ากัน”   พร้อมกับเล่าต่อว่าในทัณฑสถาน มีเจ้าหน้าที่บางคนที่ชอบตะคอกใส่ผู้ต้องขังในลักษณะลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างมาก

ก่อนจากกันครั้งนี้เธอพูดปนความเศร้าว่า “แค่เป็นผู้ต้องขังก็จิตใจแย่อยู่แล้ว แล้วยังต้องมาเจอแบบนี้อีกผู้ต้องขังจะต้องเข้มแข็งกันมาก ผู้ต้องขังต้องดูแลกันเอง อยากบอกทุกคนว่าให้สู้ ๆ นะ ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง ทำสุขภาพจิตใจให้แข็งแกร่ง” 

.

วันที่ 27 มี.ค. 2568

การเปลี่ยนแปลงปรากฏในการเยี่ยมครั้งล่าสุด จินนี่ปรากฏตัวในชุดนักโทษสีฟ้า ไม่ใช่สีน้ำตาลของผู้ต้องขังในแดนฝากขังอีกต่อไป น้ำเสียงของเธอสดใสและเต็มไปด้วยความหวัง

“แม่เปลี่ยนมาใส่ชุดสีฟ้าแล้วนะ” เธอพูดพร้อมยิ้มอย่างดีใจ น้ำหนักที่ลดลงถึง 10 กิโลกรัม จาก 67 เหลือ 57 กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง “แม่ผอมลงแบบสุขภาพดี เพราะออกกำลังกายทุกวัน” เธอยืนขึ้นและหมุนตัวให้ดู 

จากนั้นจินนี่เล่าต่อว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ สส.จากพรรคประชาชนมาเยี่ยมนักโทษในคดีการเมือง ซึ่งที่ทัณฑสถานหญิงนี้ก็มีจำนวน 4 คน ที่ได้ออกไปให้ความเห็นกับผู้มาเยียน แต่รอบ ๆ ตัวเธอมีผู้คุมเต็มไปหมด และช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดเตรียมเรือนจำแรกรับโดยให้คนในห้องกระจายกันไปอยู่ชั้นต่าง ๆ 

จินนี่กระซิบว่า “เขาพยายามทำให้เห็นว่าข้างในไม่ได้แออัด แต่จริง ๆ แออัดมากค่ะ รับคนใหม่ทุกวัน (หัวเราะ)”  แต่จินนี่ก็รู้สึกได้ว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดูเปลี่ยนไป มีความเกรงใจกันมากขึ้น

“แม่อยู่แบบมีความหวัง” เธอยิ้ม ก่อนที่จะต้องกล่าวลากันอีกครั้ง

.

จนถึงปัจจุบัน (2 เม.ย. 2568) จินนี่ถูกคุมขังมาแล้ว 78 วัน เธอถูกกล่าวหาในคดีจากการชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองรวม 7 คดี โดยแบ่งเป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 1 คดี คดีดูหมิ่นศาล 2 คดี และคดีเกี่ยวกับการชุมนุมอีก 4 คดี

ช่วงก่อนหน้านี้ เธอเคยถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางมาแล้ว 2 ครั้งด้วยคดีดูหมิ่นศาล ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565 เป็นกรณีที่เธอปราศรัยวิจารณ์การทำงานของศาลระหว่างกิจกรรมเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของ “บุ้ง-ใบปอ” ที่หน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยเธอและ “มานี” เงินตา คำแสน ไม่ได้รับการประกันตัวและถูกคุมขังในระหว่างการสอบสวน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 3 ก.ย. 2565 รวมระยะเวลาถูกคุมขัง 9 วัน คดีนี้ต่อมาทั้งคู่ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน กระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น 

ส่วนครั้งที่สอง จินนี่ถูกคุมขังจากการไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างการสอบสวนคดีปราศรัยเรียกร้องให้คืนสิทธิประกันตัว “ไบรท์” ชินวัตร ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อช่วงปี 2565 เธอถูกคุมขังเป็นเวลา 20 วัน ต่อมาในคดีนี้ ศาลอาญาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 ปี คดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา

จนเธอไม่ได้ประกันตัวในคดีมาตรา 112 หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษานี้ หากรวมโทษรวมทั้งหมดใน 3 คดีของจินนี่ จะเป็นโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน 

.

ดู รายชื่อผู้ต้องขังทางการเมือง 2568

X