บันทึกเยี่ยมวารุณี-ทีปกร: แม้ยื่นประกันต่อเนื่องแต่ศาลยังคงยกคำร้อง

6 ก.ค. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยื่นประกัน “กิ๊ฟ” ทีปกร (สงวนนามสกุล) และ “น้ำ” วารุณี (สงวนนามสกุล) อีกครั้งหนึ่ง โดยคำร้องขอประกันทั้งสองในครั้งนี้ระบุเพิ่มเติมเรื่องความยินยอมในการติด EM หากศาลกำหนดเป็นเงื่อนไขประกัน พร้อมทั้งยื่นเอกสารประกอบยืนยันความเจ็บป่วยของลูกชายและพ่อแม่ที่กิ๊ฟต้องดูแลรับผิดชอบ และความเจ็บป่วยของน้ำเอง โดยวางเงินประกันคนละ 150,000 บาท 

ในเวลา 17.00 น. คดีของ “น้ำ” และ “กิ๊ฟ” ศาลอาญามีคำสั่งส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา

“กิ๊ฟ” ทีปกร ถูกฟ้องจากการโพสต์ข้อความและแชร์คลิปจากยูทูบ ตั้งคำถามถึงคุณค่าของสถาบันกษัตริย์ โดยศาลอาญาพิพากษาจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา และศาลอุทธรณ์ยังไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ โดยผลการยื่นประกันเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้ ศาลยังคงยกคำร้องขอประกันตัวของเขา 

ขณะที่ “น้ำ” วารุณี ชาวพิษณุโลกวัย 30 ปี ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน  ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2566 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 และ “เหยียดหยามศาสนา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพรัชกาลที่ 10 ขณะเปลี่ยนเครื่องทรง “พระแก้วมรกต” เป็นชุดกระโปรงยาวสีม่วงจากแบรนด์ Sirivannavari และใส่ภาพสุนัขด้วย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4-5 ก.ค. 2566 ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยมกิ๊ฟ และได้เยี่ยมวารุณีผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ 

วารุณี: “เขาเอาไปได้แค่อิสรภาพ แต่ความเป็นตัวตน เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเรา เขาเอาไปไม่ได้”

วารุณีเริ่มต้นเล่าให้ทนายฟังเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเธอ เธอบอกว่าอาจจะได้จำแนกแดนในวันที่ 9 ก.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้เธอต้องถูกตัดผม

“หนูยังไม่อยากลงข้างล่างเลยพี่ เพราะไม่อยากตัดผม ผมของหนูตอนนี้เป็นผมต่อ ราคา 20,000 บาทเลยนะ”

“น้ำตาจะไหลแล้ว (หัวเราะ) แต่ไม่ได้ไหลเพราะติดคุก ม.112 นะ จะร้องไห้เพราะรู้ว่ามีคนซัพพอร์ตอยู่ข้างนอก”

เธอเล่าถึงความกังวลและสิ่งที่ต้องรับผิดชอบหากตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ


“เดือนๆ นึงหนูต้องโอนค่าใช้จ่ายให้น้องประมาณ 40,000-50,000 บาท หนูรับผิดชอบครอบครัวอยู่ ถ้าหนูไม่ได้ประกัน ไม่ได้ออกไปทำงาน น้องหนูจะทำยังไง”

ทนายได้แจ้งคำสั่งไม่ให้ประกันของศาลอุทธรณ์ หลังยื่นประกันเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา แม้จะยกความจำเป็นในการได้รับการรักษาโรคประจำตัวอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม โดยศาลระบุเหตุผลว่า อาการเจ็บป่วยของวารุณีนั้น ราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ วารุณีจึงตอบกลับมาว่า

“หนูต้องเป็นบ้าไปเลยใช่มั้ยพี่ ถึงจะได้ออกไป ตอนนี้หนูมีนัดพบแพทย์ทุกเดือน เดือนละครั้ง ยาที่ใช้อยู่ ราชทัณฑ์ก็ไม่มีให้อยู่แล้ว ตอนนี้หนูนอนหลับได้เพราะกินยานอนหลับค่ะ อยากออกไปข้างนอกแล้ว คิดถึงบ้าน คิดถึงหมา คิดถึงแฟน”

เมื่อทนายความถามความรู้สึกหลังรู้ผลการยื่นประกัน วารุณีกล่าวอย่างผิดหวังว่า

“หนูไม่รู้ว่าจะพูดยังไง มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ หนูก็รอวันนี้ หวังว่าที่พี่ทนายเอาข่าวการยื่นประกันมาแจ้งจะเป็นข่าวดีรึเปล่า แต่ก็ไม่ใช่ข่าวดี คราวหน้าถ้ามีการยื่นหรือผลออกมายังไง ช่วยเข้ามาบอกหนูเร็วๆ ได้มั้ยคะ เพราะหนูรอ อยากให้ทนายมาเร็วๆ ได้คุยกับทนาย อุ่นใจกว่าค่ะ”

ท้ายที่สุด “วารุณี” ได้ฝากข้อความถึงคนข้างนอกว่า

“เขาเอาไปได้แค่อิสรภาพ แต่ความเป็นตัวตน เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเรา เขาเอาไปไม่ได้ อยากให้ทุกคนยึดมั่นในอุดมการณ์ และเข้มแข็งไว้ วารุณีก็จะเข้มแข็ง ขอบคุณทุกคน”


กิ๊ฟ ทีปกร: ผมเริ่มสงสัยว่า ผมจะสามารถอยู่ในนี้ได้ไหม

กิ๊ฟเล่าให้ทนายฟังว่า เขาได้ย้ายจากแดนแรกรับไปอยู่ที่แดน 4 โดยห้องที่เขาอยู่เป็นห้องข้างบน ห้องนอนค่อนข้างเเคบอยู่กัน 17 คน นอนแทบจะก่ายกัน เขารู้สึกว่ามีความเเออัดกว่าตอนอยู่เเดน 2 เเต่สามารถลงมาเดินเล่น แม้มีอะไรให้ทำมากกว่า เเต่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเท่าตอนอยู่เเดน 2 

ทนายความสอบถามเรื่องอาการเเพ้ที่มือของเขา กิ๊ฟบอกว่า คันน้อยลงเเล้ว แต่ยังมีตุ่มขึ้น เเละเขาเริ่มสงสัยว่าเเพ้อะไรกันเเน่ โดยตอนนี้มีเม็ดขึ้นที่หัวเพิ่มอีก นอกจากนี้ตอนกลางคืนเขาจะนอนไม่หลับ ทำให้มีอาการปวดหัวบ้าง

เมื่อพูดคุยมาถึงเรื่องการประกันตัว กิ๊ฟได้พูดว่า

“ผมมานั่งคิดดูเเล้ว มันไม่มีอะไรสมเหตุผลเลยที่ทำให้ผมต้องอยู่ในนี้ เเล้วตอนนี้ก็ไม่รู้อีกว่าต้องอยู่อีกนานเเค่ไหน เพราะการอยู่ในเรือนจำมันก็มีค่าใช้จ่าย มันต้องใช้เงินเเละเราก็ไม่สามารถหาเงินมาใช่จ่ายได้ ต้องอาศัยครอบครัว ลำบากที่บ้าน เเล้วตอนนี้กางเกงก็มาหายอีก ซักตากไว้เเล้วมันก็หาย หลายๆ อย่างทำให้ผมเริ่มสงสัยว่า ผมจะสามารถอยู่ในนี้ได้ไหม”

เมื่อเวลาเยี่ยมหมดลงกิ๊ฟฝากทนายขอบคุณเเม่ที่ฝากเงินเข้ามาให้ พร้อมทั้งฝากคำพูดไปถึงคนที่เขารักว่า “คิดถึงคุณพ่อคุณเเม่ คิดถึงลูกมาก” 

X