“พรชัย” ผู้ต้องขังคดี ม.112 ยังรอ “ใบแดง” พร้อมสนับสนุนนิรโทษกรรมประชาชนทุกข้อหา

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2567 ทนายความเดินทางไปเยี่ยม พรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ทั้งหมด 2 ครั้ง พรชัยถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567 หลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น กรณีถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 4 ข้อความเมื่อช่วงปี 2563 โดยศาลลงโทษจำคุก 12 ปี และศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นฎีกา ทำให้เขาไม่ต่อสู้คดีต่อ

พรชัยเดินออกมาพร้อมป้ายผู้ต้องขังแขวนอยู่ที่คอ สีหน้าและท่าทางยังดูแข็งแรงดี เขารีบอัปเดตเรื่องพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ที่ออกมาในช่วงกลางเดือนสิงหาคม โดยทราบว่าตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรจากพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เนื่องจากสถานะคดียังไม่ถึงที่สุด ยังต้องรอให้ได้ “ใบแดง” ในคดีที่จังหวัดเชียงใหม่เสียก่อน เพราะก่อนหน้านี้อัยการยังขอขยายระยะเวลาฎีกาออกไป แต่ล่าสุดก็ไม่ได้ขยายเวลาแล้ว ทำให้เหลือเพียงกระบวนการรอเอกสารคดีถึงที่สุด

“ผมคิดว่ามีความจำเป็นในการนิรโทษกรรมในคดีทางการเมือง ทุกข้อหา แบบไร้เงื่อนไข เพราเราจะต้องมานั่งตั้งคำถามว่าเราทำผิดอะไร เราเป็นเพียงแต่ประชาชนธรรมดาที่ต้องการให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม ไม่ได้มีอิทธิพลทางการเมือง ไม่ได้วางแผนก่อการร้าย ไม่ได้ล้มล้างอะไร

“การนิรโทษกรรม จะทำให้ประชาชนหลายคนได้ออกไปเริ่มต้นใหม่ สิ่งที่จะต้องแก้ไขก็แก้ไขกันใหม่ ได้กลับไปเจอครอบครัว เป็นการสะท้อนภาพรวมของประชาธิปไตยที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เป็นการให้โอกาสนักโทษทางการเมือง หลายคนถูกปฏิบัติแบบอาชญากร และมันเป็นการยากมากถ้าหากคนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอต้องมาอยูในที่เช่นนี้ อาจทำให้กลายเป็นผู้ป่วยจิตเวชได้เลย และผมเชื่อว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมเพียงแต่มีความเห็นต่างทางการเมืองเท่านั้น”

พรชัยยังย้ำถึงปัญหาของคดีมาตรา 112 ที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้ไปกล่าวหาได้ทั่วราชอาณาจักร และพบว่าคดีจำนวนมากก็มีกลุ่มคนเสื้อเหลือง หรือ กปปส. ไปเป็นผู้กล่าวหา รวมทั้งคดีของเขาด้วย ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่และยะลา ถูกกล่าวหาด้วยอดีตผู้ชุมนุม กปปส. สองคน แบ่งกันไปกล่าวหาในสองจังหวัด ทำให้เขาต้องเดินทางไปต่อสู้คดีทั้งที่ภาคเหนือและภาคใต้

“ผมมองว่า 112 ก็ยังคงมีได้อยู่ แต่ควรจะแก้ไขเรื่องผู้มีอำนาจในการแจ้งความร้องทุกข์ โทษที่สูงเกินไป และมีประเด็นเรื่องมาตรา 6 แห่งรัฐธรรมนูญ ที่ถูกนำมาใช้แบบเข้าใจผิด ไม่ควรมีใครมาแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือ”

พรชัยหันมาคุยเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเขาติดตามเรื่องคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ เขาเห็นว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่ควรเป็นความผิดอะไร หลายพรรคการเมืองก็พูดเรื่องนี้ในช่วงหาเสียง แต่อาจจะไม่ได้กำหนดเป็นนโยบายพรรค  แม้แต่แพทองธาร ก็เคยพูดถึงปัญหาการใช้มาตรา 112 ในช่วงที่ผ่านมา และต้องการให้เปิดพื้นที่ในสภาเพื่อพูดคุยกัน รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย หรือทวี สอดส่อง ก็จำได้ว่าเคยพูดถึงปัญหาของมาตรา 112 ด้วย ขณะที่พรรคการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง ก็มีการหาเสียงโดยเสนอแก้ไขมาตรา 112 ให้หนักหน่วงขึ้นด้วย แบบนี้ศาลจะพิจารณาอย่างไร

“ผมเชื่อว่าถึงแม้พรรคจะถูกยุบไป กรรมการถูกตัดสิทธิทางการเมืองไป 10 ปี แต่พวกเขาก็ยังทำอะไรได้มากมาย เคลื่อนไหวได้อีกหลายประเด็น ปัจจุบันในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า คนรุ่นใหม่ได้รับข้อมูลและเข้าถึงประเด็นทางการเมือง รับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง การเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ไม่ยากอีกต่อไป ตราบใดที่ยังยืนยันหลักการที่ถูกต้อง เชื่อว่าคนก็จะเห็นคุณค่าของหลักการนั้น”

พรชัยเห็นว่าพรรคประชาชนที่จะขึ้นมาใหม่นี้ ก็ยังมีความสำคัญเช่นเดิม เพราะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะมาแรงกว่าเดิม แต่ขอให้พรรคใหม่และผู้ที่จะขึ้นมาทำงานการเมืองยึดมั่นและยืนหยัดอยู่ในอุดมการณ์ สร้างสรรค์นโยบายใหม่เพื่อผลประโยชน์และสิทธิของประชาชน ส่วนนโยบายอันเดิมที่ดี ก็ขอให้ส่งเสริมและสนับสนุนดำเนินการต่อไป 

ทางด้านสถานการณ์ฝั่งรัฐบาล ที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเป็น แพทองธาร ชินวัตร นั้น พรชัยก็เห็นว่าเธอเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ก็กังวลการบริหารที่ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้เป็นพ่อ พรชัยอยากให้นายกฯ คนใหม่นี้ ทำตามสัญญาที่เคยพูดในตอนหาเสียง ทั้งเรื่องการปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112, การแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้การดำเนินคดีมากลั่นแกล้งกัน และปัญหาผู้ต้องขังทางการเมือง

“ผมขอเป็นกำลังใจหนึ่งให้เธอทำหน้าที่เต็มที่ ยึดประชาชนและประชาธิปไตย อย่างน้อยทำให้นโยบายหนึ่งเป็นประโยชน์และเป็นจริงได้ และขอแสดงความยินดีในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงอายุน้อยคนแรก ให้เธอทำงานอย่างสุดความสามารถ

“ผมฝากถึงเพื่อน ๆ ที่ร่วมต่อสู้และอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แม้พวกเราถูกจองจำ แต่พวกเราไม่สิ้นหวัง ผมกับภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์คนหนึ่งที่ได้แสดงให้เห็นว่าชาติพันธุ์มีสิทธิ์เท่าเทียมกับพลเมืองคนอื่น ๆ มีเสรีภาพในการแสดงออกดังคนอื่น ๆ” พรชัยฝากข้อความทิ้งท้าย 

.

ย้อนอ่านเรื่องราวชีวิตของพรชัย การต่อสู้ของ “พรชัย”: จากคนบนดอย คนจร พ่อค้า ผู้ชุมนุม และผู้ถูกดำเนินคดี ม.112

.

X