รอบสองเดือน: สถานการณ์เจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคามประชาชน-แทรกแซงกิจกรรม พบอย่างน้อย 22 กรณี

ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 สถานการณ์การติดตามคุกคามประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง ยังมีรายงานอยู่เป็นระยะ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทราบข้อมูลไม่น้อยกว่า 20 กรณี และ พบกรณีที่มีลักษณะเป็นการแทรกแซงรบกวนการทำกิจกรรม-การแสดงออกสาธารณะต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 2 กรณี

สถานการณ์ที่น่ากังวลมีทั้งกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังใช้วิธีคิดแบบยุค คสช. มาจัดทำรายชื่อของประชาชนให้เป็น “ภัยคุกคาม” ต่อนายกรัฐมนตรีซึ่งลงพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ พร้อมมีการติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชนถึงบ้าน ขณะเดียวกันนักศึกษาที่เคยออกมาชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2563-64 ก็ยังตกเป็น “เป้าหมาย” ที่ตำรวจเข้าไปติดตามคุกคามถึงบ้าน ทั้งพยายามให้เซ็นเอกสารว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว

การติดตามถึงบ้านดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับประชาชนที่เคยแชร์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ โดยรอบสองเดือนมีรายงานไม่น้อยกว่า 4 ราย แจ้งกรณีมีตำรวจเข้าติดตามให้ลบโพสต์ หรือบางรายถูกพยายามให้เซ็นเอกสารข้อตกลงยอมรับว่าได้แชร์ข้อมูลที่ “ไม่เหมาะสม” และจะไม่กระทำอีก รวมทั้งยังมีผู้ลงสมัคร สว. 1 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไปข่มขู่ถึงบ้านว่าจะดำเนินคดีมาตรา 112 โดยไม่ทราบเหตุแน่ชัดและไม่มีหมายใด ๆ 

นอกจากน้้นยังมีสถานการณ์ที่กระทรวงดีอีร้องขอให้เฟซบุ๊กปิดกั้นการเข้าถึงโพสต์หลายโพสต์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของผู้ใช้งานอย่างน้อย 3 รายในประเทศไทยอีกด้วย

.

ประชาชนที่ราชบุรี ถูกจัดเป็น “บุคคลที่เป็นภัยคุกคาม” ระหว่างนายกฯ ลงพื้นที่ แม้เพียงเคลื่อนไหวเรียกร้องปัญหาชุมชน

สถานการณ์การติดตามคุกคามประชาชนเนื่องจากบุคคลสำคัญลงพื้นที่ยังเป็นประเด็นที่พบอยู่เรื่อยมา โดยในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. 2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี แต่ปรากฏว่ากลุ่มประชาชนในราชบุรีได้เปิดเผยเอกสาร “ประเมินภัยคุกคาม” ในภารกิจรักษาความปลอดภัยนายกฯ ลงพื้นที่ราชบุรี ของหน่วยงานรัฐไม่ทราบหน่วย

เอกสารได้ระบุรายชื่อแกนนำชาวบ้านในพื้นที่ราชบุรีอย่างน้อย 5 คน ที่มีประวัติการเคลื่อนไหวเรียกร้องในประเด็นด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม พร้อมระบุว่าปัญหาได้รับความช่วยเหลือ แต่ยังไม่เป็นที่พอใจ 

.

ภาพเอกสารที่ชาวบ้านราชบุรีที่อยู่ในรายชื่อ “ภัยคุกคาม” นำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน

.

ประชาชนในรายชื่อดังกล่าว ยังระบุว่าในช่วงก่อนนายกฯ ลงพื้นที่ มีบุคคลที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ยอมแสดงบัตรประจำตัว ได้เข้าสอบถามข้อมูลส่วนตัวถึงบ้าน พร้อมทั้งมีการห้ามไม่ให้ทำการใด ๆ ในวันที่นายกฯ เข้าพื้นที่ โดยที่ชาวบ้านแต่ละกลุ่มเองก็ไม่ได้มีแผนจะเดินทางไปยื่นหนังสือในประเด็นความเดือดร้อนกับนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด

ประชาชนยังระบุว่าสถานการณ์ดังกล่าว เริ่มเกิดมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากคนมีตำแหน่งสำคัญลงพื้นที่ ก็จะมีตำรวจไปเฝ้าประชาชนถึงบ้าน

ตัวแทนชาวบ้านยังได้พยายามร้องเรียนเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งต่อพรรคการเมือง และกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ของสภา ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางการแก้ไขเพื่อไม่ให้เป็นบรรทัดฐานการใช้อำนาจของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน

สถานการณ์ดังกล่าว สะท้อนความสืบเนื่องของแนวทางของ “หน่วยความมั่นคง” จากยุคของ คสช. มาจนถึงรัฐบาลเศรษฐาในปัจจุบัน ที่มองประชาชนในฐานะเป็น “ภัยคุกคาม” หรือ “บุคคลที่ต้องเฝ้าระวัง” ทั้งต่อการแสดงออกทางการเมือง หรือการร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ แม้จะเป็นไปโดยสงบสันติก็ตาม ส่งผลให้เกิดปฏิบัติการลักษณะต่าง ๆ ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนจนเกิดกว่าเหตุตามมา ทั้งการไปติดตามถึงบ้าน การรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การสอดแนมสะกดรอย การไปพบบุคคลในครอบครัว การข่มขู่ห้ามปรามไม่ให้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนหรือไปแสดงออกต่าง ๆ สถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นในระดับกว้างขวาง ไม่ใช่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งโดยเฉพาะอีกด้วย

ขณะเดียวกันในช่วงรัฐบาลเศรษฐานี้ ปฏิบัติการดังกล่าวยังเกิดขึ้นในกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกลับมามีบทบาททางการเมืองในประเทศไทย แม้ไม่ได้มีตำแหน่งที่เป็นทางการในรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็มีการติดตามสอบถามประชาชนที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงที่ทักษิณลงพื้นที่ต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมาด้วย อาทิเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. 2567 สุวรรณา ตาลเหล็ก และผู้ชุมนุมในจังหวัดปทุมธานี ระบุว่าถูกตำรวจในพื้นที่ปทุมธานีพยายามโทรศัพท์สอบถามข้อมูลความเคลื่อนไหว ในช่วงที่ทักษิณไปลงพื้นที่พบนักการเมืองท้องถิ่นในปทุมธานี

.

ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าติดตามถึงบ้าน “เบิร์ด” บัณฑิตจาก ม.วลัยลักษณ์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567

.

ตำรวจยังคงไปบ้าน-เรียกนักกิจกรรมหรือผู้เคยชุมนุมการเมืองไปพูดคุย

นอกจากการเข้าติดตามนักกิจกรรมหรือประชาชนในช่วงที่มีบุคคลสำคัญลงพื้นที่แล้ว ช่วงสองเดือนที่ผ่านมายังพบกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามนักศึกษาที่เคยออกมาชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2563-64 อยู่อีกด้วย

กรณีของ “เบิร์ด” บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และเคยร่วมกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่นครศรีธรรมราชอยู่จำนวน 3 ครั้ง ระบุว่าเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2567 ยังคงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามตัวถึงบ้านพัก พร้อมเจรจาขอให้เซ็นเอกสารทำสัญญาว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่ในปัจจุบันเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว

เบิร์ดยังเปิดเผยว่าในช่วงราว 3 ปีที่ผ่านมา ตัวเขาถูกตำรวจคุกคามมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการโทรติดตามและไปหาถึงบ้านเป็นระยะ โดยถูกอ้างว่าอยู่ใน “รายชื่อต้องเฝ้าระวัง” และ “นายสั่งมา”

ขณะเดียวกัน ยังมีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนเรศวรอีกรายหนึ่ง ที่เคยถูกตำรวจติดตามไปหาถึงบ้านในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อช่วงต้นปี 2567 ได้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติถึงการละเมิดสิทธิของเจ้าหน้าที่  กลับปรากฏว่าเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทาง กสม. ได้มีหนังสือแจ้งมายังตำรวจในพื้นที่ซึ่งบัณฑิตรายดังกล่าวอาศัยอยู่ ขอให้งดเว้นการกระทำการละเมิดดังกล่าว แต่ตำรวจกลับใช้วิธีการเรียกผู้ร้องเรียนรายดังกล่าว พร้อมผู้ปกครอง ไปพูดคุยที่สถานีตำรวจ ในลักษณะสอบถามข้อมูล และสอบปากคำรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมแจ้งว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม และจะนำรายชื่อบัณฑิตรายดังกล่าวออกจากการติดตาม 

แต่วิธีการดำเนินการดูเหมือนกลับเป็นการละเมิดสิทธิซ้ำอีกครั้งของเจ้าหน้าที่ โดยการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ละเมิด เข้ามาเรียกตัวผู้ถูกละเมิดไปพูดคุยซ้ำอีกครั้ง และแม้จะมีการแก้ไขการปฏิบัติต่อผู้ถูกละเมิดในกรณีนี้ แต่ก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ในระดับนโยบายเกิดขึ้น

นอกจากนั้นยังมีกรณีของ “บ้านแก๊ป จิรภาส” นักกิจกรรมกลุ่มทะลุแก๊ส ที่ตกเป็นเป้าติดตามของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แก๊ปยังระบุว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 2 นาย เดินเข้ามาในบริเวณบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมถามหาแก๊ปจากผู้ที่อยู่ในบ้าน อ้างว่าเพิ่งมาครั้งแรกและโทรหาไม่ติด

.

ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าติตดามหา “แก๊ป จิรภาส” จากกลุ่มทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567

.

ขณะเดียวกันยังพบว่ามีจำเลยในคดีมาตรา 112 อย่างน้อย 3 คน ถูกตำรวจติดตามไปหาถึงบ้านหรือที่ทำงาน ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันราวปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

กรณีธนพร แม่ลูกอ่อนจากอุทัยธานีที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ก่อนหน้าฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 27 พ.ค. นั้น ก็ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงาน ทั้งหน่วยงานในพื้นที่ ตำรวจสันติบาล ตำรวจภูธรภาค 6 เดินทางไปหาที่บ้านประมาณ 3 วัน ต่อเนื่องกัน ในลักษณะพยายามเข้าสอบถามความเป็นอยู่และรายละเอียดคดี หลังจากนั้นเธอถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี และไม่ได้เดินทางกลับบ้านอีก

กรณีของฉัตรมงคล ผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ไกลถึงเชียงราย เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากภูธรภาค 1 ในชุดนอกเครื่องแบบ 2 นาย เข้าไปหาถึงที่ทำงานในจังหวัดปทุมธานี แต่ไม่เจอตัว จึงเข้าไปติดตามหาเขาถึงห้องพัก โดยอ้างว่ามาทำความรู้เฉย ๆ สอบถามเรื่องคดีความและความเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนจะถ่ายรูปเขาไว้ 

รวมทั้งยังมีกรณีผู้ถูกดำเนินคดีอีกรายหนึ่งที่อยู่จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2567 ได้พบว่ามีรถกระบะของบุคคลหัวเกรียน 2 คน มาขับวนในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ และยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปบริเวณบ้านพักถึงสองครั้ง

นอกจากนั้น ยังพบกรณีที่ผู้มีบทบาทในสังคมที่ถูกติดตามสอดแนมโดยบุคคลไม่ทราบฝ่าย ได้แก่ กรณีของสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการและศิลปินอาวุโสผู้ถูกปลดจากรางวัลศิลปินแห่งชาติ และมักแสดงความเห็นทางการเมืองในเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง ก็โพสต์ข้อความระบุว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มิ.ย. 2567 มีรถยนต์แปลกหน้าที่ไม่ได้นัดหมายเข้ามาในซอยบ้านของเขา ซึ่งเป็นซอยตัน และหยุดรถลงมาถ่ายรูปที่หน้าประตูรั้วบ้าน และถ่ายที่ป้ายหน้าปากซอยอีกด้วย โดยไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด

.

การเข้าคุกคามถึงบ้าน-ขู่ให้เซ็นข้อตกลง เหตุแชร์โพสต์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ยังพบข้อร้องเรียนของประชาชนทั่วไปอย่างน้อย 4 กรณี ว่าได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามถึงบ้าน โดยอ้างเหตุเกี่ยวกับการเคยแชร์โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ 

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายจังหวัด คนละภูมิภาคกัน ทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง แต่มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน คือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปติดตามถึงบ้านของประชาชน พร้อมอ้างว่าประชาชนที่ถูกติดตามได้แชร์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ขอให้ลบโพสต์ดังกล่าวออก และเตือนว่าอย่ากระทำเช่นนี้อีก  บางรายยังถูกเจ้าหน้าที่พยายามพาตัวไปพูดคุยที่สถานีตำรวจโดยไม่มีหมายใด ๆ รวมถึงถูกนำโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบด้วย 

ประชาชนรายหนึ่งยังได้ถูกเจ้าหน้าที่ติดต่อให้ไปเซ็นเอกสารบันทึกข้อตกลง โดยเอกสารมีข้อความในลักษณะยอมรับว่าเผยแพร่ข้อมูลที่พาดพิงสถาบันหลักของชาติจริง ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและมิบังควร และได้เข้าใจแล้วว่าไม่ถูกต้อง จึงขอให้สัญญาว่าจะไม่กระทำการในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป แต่ประชาชนปฏิเสธการเซ็นเอกสารดังกล่าว

การดำเนินการในลักษณะนี้เป็นกระบวนการนอกกฎหมายอีกลักษณะหนึ่ง ที่ดำเนินสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงยุค คสช. โดยไม่มีฐานทางกฎหมายรองรับ และเอกสารข้อตกลงลักษณะนี้ ก็ไม่ได้มีสถานะทางกฎหมายใด

.

เอกสารที่เจ้าหน้าที่รัฐนำไปให้ประชาชนลงชื่อ เมื่อช่วงปี 2564 และปัจจุบันพบว่ายังมีการใช้เอกสารในลักษณะเดียวกันนี้อยู่

.

ขณะเดียวกัน ยังมีกรณีของ อธิปัตย์ มณีนุตร ผู้เคยร่วมชุมนุมทางการเมืองในจังหวัดชัยนาท และในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้ลงสมัครเป็นวุฒิสภาในพื้นที่ด้วยนั้น ก็เปิดเผยว่าในช่วงก่อนการเลือก สว. ระดับจังหวัดที่เขาก็ผ่านเข้าไปนั้น ก็ได้ถูกคนของผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ไปพูดคุยข่มขู่ ในลักษณะจะแจ้งเอาผิดต่อเขาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ทำให้เขามีความวิตกกังวลว่าจะถูกดำเนินคดี ไปกระทั่งใส่ร้ายป้ายสี จนกระทบต่อการเลือก สว. อีกด้วย แต่เมื่อเขาสอบถามไปทางตำรวจในพื้นที่ ก็ไม่พบว่ามีการดำเนินคดีดังกล่าวแต่อย่างใด 

จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการกล่าวอ้างดังกล่าว เกี่ยวกับการดำเนินการใด หรือเป็นเพียงเครื่องมือในการข่มขู่ผู้สมัคร สว. ที่เคยทำกิจกรรมทางการเมือง

.

เจ้าหน้าที่รัฐเข้าติดตาม-รบกวนกิจกรรมไว้อาลัย ‘บุ้ง’

นอกจากสถานการณ์การติดตามคุกคาม ในช่วงเดือนพฤษภาคมยังมีเหตุการณ์เสียชีวิตของ “บุ้ง ทะลุวัง” ระหว่างการถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ทำให้เกิดกิจกรรมไว้อาลัยในจังหวัดต่าง ๆ และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าติดตาม รบกวนการทำกิจกรรม แม้ไม่มีกรณีใดที่ไปถึงลักษณะการห้ามปรามหรือปิดกั้นกิจกรรม

อาทิ เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่ ร่วมกันจัดกิจกรรมไว้อาลัยบุ้ง บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดแพร่ ก่อนกิจกรรมและตลอดทั้งกิจกรรมก็ได้มีตำรวจ เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และนอกเครื่องแบบ กว่า 10 นาย เข้ามาสังเกตการณ์ชุมนุม และขอให้เคลื่อนย้ายสถานที่ในการจุดเทียนไว้อาลัยด้วย แม้มีผู้เข้าร่วมไม่ได้มากนัก

.

ภาพกิจกรรมไว้อาลัยบุ้ง ที่หน้าศาลากลางจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 (ภาพจาก เครือข่ายผู้รักประชาธิปไตยแพร่)

.

ประชาชนในอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา 2 ราย ได้จัดกิจกรรมโกนหัวประท้วงกรณีการเสียชีวิตของบุ้ง ก็มีรายงายว่าได้ถูกตำรวจในพื้นที่ติดตามถามรายละเอียดกิจกรรม และระหว่างทำกิจกรรมได้มีตำรวจนอกเครื่องแบบรวมกว่า 8 นายมาติดตามถ่ายภาพ และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของอำเภอเข้ามาพูดคุยอีกด้วย

ส่วนในกรุงเทพฯ “กลุ่มเพื่อนบุ้ง” ได้จัดกิจกรรมยืนชูรูปของบุ้ง พร้อมป้ายข้อความ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ขณะที่เดินเท้าไปทำกิจกรรม ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ห์ได้ตั้งแนวป้องกันไม่อนุญาตให้เข้าไปชั้นในของทำเนียบ กลุ่มเพื่อนบุ้งจึงยืนชูป้าย ท่ามกลางการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ปิดประตูทางเข้าทำเนียบฯ ด้วย

ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ยังมีกรณีร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่ที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเมียนมา พบว่าในวันเดียวกับที่มีการจัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์ Lost and Hope ได้มีชายที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบรวม 2 นาย เข้ามาพูดคุย ขอข้อมูลเจ้าของร้าน ข้อมูลการจัดกิจกรรม และขอเบอร์ติดต่อ

.

ตัวอย่างการแจ้งเตือนของเฟซบุ๊กในการปิดกั้นการเข้าถึงโพสต์ในประเทศไทยของปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ตามคำร้องขอของกระทรวงดีอี

.

กระทรวงดีอีร้องให้เฟซบุ๊กปิดกั้นโพสต์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์หลายเพจ

ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ยังมีรายงานสถานการณ์ที่เจ้าของแอคเคาท์หรือเพจเฟซบุ๊ก ไม่น้อยกว่า 3 ราย แจ้งว่าได้รับการแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊ก ว่าโพสต์ต่าง ๆ ถูกทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร้องขอให้ปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาในประเทศไทย เนื่องจากอ้างว่าผิดกฎหมาย โดยพบว่าทั้งหมดมีเนื้อหาข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ โดยเป็นโพสต์ในช่วงปี 2565-66

อาทิ กรณีของ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการผู้ลี้ภัยทางการเมือง ก็ได้โพสต์ถึงการแจ้งเตือนของเฟซบุ๊กที่ปิดกั้นโพสต์ของปวิน ไม่น้อยกว่า 4 โพสต์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ โดยเป็นโพสต์เมื่อวันที่ 16 พ.ย., 17 พ.ย., 15 ธ.ค., 19 ธ.ค. ของปี 2565

.

ย้อนอ่านรายงานสถานการณ์รอบเดือนมีนา-เมษา 2567

รอบสองเดือน พบสถานการณ์เจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคามประชาชน-แทรกแซงกิจกรรม อย่างน้อย 31 กรณี

.

X