บันทึกเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังคดี ‘112’: ต่อให้ขังเราอยู่ในคุก ไม่ได้ทำให้อุดมการณ์หายไป

ระหว่างวันที่ 24-31 พ.ค. 2567 ทนายความเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังและผู้ถูกคุมตัวจากคดี ‘112’ รวม 5 ราย ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มี “นารา” ผู้ต้องขัง LGBTQIAN+ ที่กล่าวยินดีที่มีทนายไปเข้าเยี่ยม ทำให้รู้สึกดีที่ยังมีคนไม่ลืมเธอ และ “เก็ท” ที่ระบายถึงกรณีจดหมายที่เขียนถึงบุ้งถูกปิดกั้นไม่ให้ส่งออกมา และกำลังจะยื่นอุทธรณ์กรณีที่เกิดขึ้น โดยรวมเก็ทยังคงหนักแน่นกับการต่อสู้แม้ไร้อิสรภาพชั่วคราว, “น้ำ” วารุณี ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ฝากยินดีกับคนที่ได้รับการประกันตัว และเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยังถูกคุมขัง รวมถึงอยากให้คนข้างนอกส่งจดหมายมาพูดคุยด้วยมาก ๆ   

“แม็กกี้” อีกผู้ต้องขัง LGBTQIAN+ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ที่การอยู่ข้างในนั้นทำให้เธออยากได้รับการเยี่ยมแบบใกล้ชิดบ้าง และเฝ้าฝันถึงชีวิตข้างนอกอยู่เสมอ ส่วน “ภูมิ” เยาวชนที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตา กำลังเตรียมเข้ารับการผ่าตัดใหญ่บริเวณหัวไหล่ และเตรียมเรื่องการฝึกวิชาชีพตามเงื่อนไขที่ศาลสั่งต่อไป  

.

น้ำ วารุณี: ต่อให้แย่แค่ไหนให้คิดว่าเป็นบททดสอบจากชีวิต

วันที่ 24 พ.ค. 2567 ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ น้ำนั่งรอทนายอยู่อีกฝั่งของห้องเยี่ยม เท่าที่สังเกตโดยรวมน้ำ ดูแข็งแรงขึ้น ไม่ซูบผอมเหมือนช่วง 2 สัปดาห์ก่อน กับอาการป่วย น้ำเล่าว่า ช่วงนี้มีการปรับยา คือยาจากโรงพยาบาลข้างนอกก็กินอยู่ ปรับเฉพาะยาเกี่ยวกับอารมณ์ไฮเปอร์และปรับเรื่องการกินอาหาร เพราะน้ำมีอาการขั้วดีด พลังเยอะ แต่ไม่กินข้าว ยาที่ปรับอยู่ในบัญชียาหลักทำให้ไม่ต้องลำบากครอบครัวเรื่องค่ายา ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับจิตเวชจะมีหมอมาประเมินอาการใกล้ชิด น้ำเล่าเพิ่มว่า หลังปรับยาก็กินข้าวได้มากขึ้นกว่าเดิม 

วันที่ 31 พ.ค. 2567 แม้จะแต่งหน้าดูสดใส และยิ้มกว้างให้กับทนาย แต่ทนายสังเกตว่า แววตาน้ำยังคงมีความอิดโรย ทนายอัพเดตเรื่องการถอนอุทธรณ์ตามที่ทนายความในคดีฝากข้อความถึง ซึ่งขณะนี้อัยการไม่ได้ยื่นคำคัดค้าน ขั้นตอนต่อไปคือรอศาลอุทธรณ์สั่ง เมื่อรับฟังแล้วน้ำยังคงมีความกังวล และอยากให้ทนายไปติดตามใบเด็ดขาด อีกเรื่องที่น้ำกังวลคือ การที่จะถือว่าคดี ‘เด็ดขาด’ หรือถึงที่สุดนั้น นับตั้งแต่สิ้นสุดระยะเวลาคัดค้านของอัยการ หรือเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง น้ำย้ำว่า ให้ทนายช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ที กลัวจะไม่ทันอภัยโทษในช่วงเดือนกรกฎาคม

เมื่อถามถึงสุขภาพ น้ำแจ้งว่า ปกติดีทั้งกายและใจ จะมีก็แต่ความกังวลเรื่องใบเด็ดขาด กลัวว่าจะไม่ทันอภัยโทษ ส่วนทางกายหมอให้ยาช่วยเจริญอาหาร เพื่อเพิ่มน้ำหนัก แต่ตอนนี้ยาหมด เมื่อวานไม่ทันพบหมอทำให้ยังไม่ได้ยามาเพิ่ม แต่ได้คุยกับพยาบาลให้ช่วยจัดการให้แล้ว 

“ที่นี่ไม่มีอะไรทำ อ่านหนังสือบ้าง บางทีก็นอน นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ชีวิตมันค่อนข้างวนลูป ทำให้เบื่อ”

น้ำถามทนายถึงสถานการณ์ข้างนอก หลังบุ้งเสียชีวิตเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทนายแจ้งข่าวที่เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนเข้ายื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรม เรียกร้องเรื่องนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง รวมถึงคดี 112 เรื่องการคืนสิทธิประกันตัวให้กับผู้ต้องขังคดีทางการเมือง และเรื่องดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำ 

จากนั้นอัพเดตสถานการณ์ที่เป็นประเด็นใกล้ตัว การได้ประกันตัวของตะวันและแฟรงค์ การได้ประกันตัวของลูกเกด, แอมมี่, ปูน และกลุ่มทะลุฟ้าในคดีเผาซุ้มฯ ซึ่งเป็นคดีมาตรา 112 และศาลตัดสินจำคุก โดยไม่รอลงอาญา แต่ให้ประกันตัว น้ำถามขึ้นว่า แสดงว่าสถานการณ์ดีขึ้นหรือเปล่า ทนายบอกว่า อาจจะยังพูดไม่ได้ว่าดีขึ้น 

น้ำฝากข้อความว่า ยินดีกับคนที่ได้ประกันตัว และคิดว่าสิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิที่ทุกคนควรได้รับ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ประกันตัวที่ยังต้องอยู่ในคุก ขอให้อดทน สร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองเข้าไว้ ต่อให้แย่แค่ไหนให้คิดว่าเป็นบททดสอบจากชีวิต “ตอนนี้ที่เราติดคุกอยู่ก็เป็นบททดสอบชีวิตอีกหนึ่งบท เมื่อถึงเวลาที่เราได้ออกไปข้างนอก เมื่อเราเจอเรื่องที่แย่ เราจะผ่านมันไปได้ เพราะการติดคุกมันเป็นเรื่องแย่ที่สุดในชีวิตแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และที่สำคัญอยากให้ส่งจดหมายมาพูดคุยด้วยมาก ๆ”

ปัจจุบัน (5 มิ.ย. 2567) น้ำถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 344 วัน

.

นารา: รู้สึกดีที่คนข้างนอกยังไม่ลืมเธอ

วันที่ 24 พ.ค. 2567 นาราอยู่ในยูนิฟอร์มสีฟ้าอ่อน เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น ผมยาวกว่าผู้ต้องขังคนอื่นเล็กน้อย แต่งหน้าอ่อน ๆ สีหน้าดูปกติ เนื่องจากนาราอยู่ระหว่างต้องโทษทางวินัยโดยการงดเยี่ยมเป็นเวลา 2 เดือน ทำให้การพูดคุยต้องผ่านวีดีโอคอล เมื่อพบหน้าทนาย นารายิ้มในทันที พร้อมทั้งบอกขอบคุณทนายที่เข้าเยี่ยม ก่อนถามถึงคดี 112 ของเธอว่า มีแนวโน้มได้ประกันตัวแค่ไหน ทนายตอบว่า เรื่องประกันตัวคาดการณ์ได้ยาก เพราะเป็นดุลพินิจของศาล

นาราบอกว่า ถ้าตัดเรื่องถูกงดเยี่ยม ชีวิตเธอก็ปกติดี อากาศข้างในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยร้อนแล้วเพราะฝนตก นาราฝากข้อความอาลัยถึงบุ้งว่า การจากไปของบุ้งไม่มีใครลืม มีแต่คนคิดถึงแน่นอน การจากไปทำให้หลายคนเข้าใจว่า คนที่เข้ามาอยู่ในนี้ด้วยมาตรานี้ไม่ได้ทำผิดอย่างคดีทั่วไป ฝากบอกคนข้างนอกว่า อย่าให้เรื่องของบุ้งเงียบ นารากล่าวทิ้งท้ายว่า เธอเห็นข่าวของบุ้ง และเห็นข่าวที่มีการโพสต์รูปผู้ต้องขังคดีทางการเมือง 40 กว่าคน ซึ่งมีรูปของเธอด้วย ทำให้เธอรู้สึกดีที่คนข้างนอกยังไม่ลืมเธอ

ปัจจุบัน (5 มิ.ย. 2567) นาราถูกคุมขังระหว่างพิจารณาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในคดี 112 คดีที่ 2 มาแล้ว 83 วัน  

.

เก็ท: ต่อให้ขังเราอยู่ในคุก ไม่ได้ทำให้อุดมการณ์หายไป

วันที่ 27 พ.ค. 2567 เก็ทนั่งรอเยี่ยมด้วยใบหน้าจริงจัง ก่อนเล่าในทันทีที่ได้พบทนายว่า เพิ่งได้ทราบว่าจดหมาย Domimail ที่เขาส่งหาบุ้งในวันที่ 16 พ.ค. 2567 ไม่ผ่าน โดยเนื้อหาข้างในจดหมายเป็นข้อความไว้อาลัยพี่บุ้ง มีใจความบางส่วนว่า “เสียงของประชาชนไม่เคยไปถึงเขาเลยเหรอ จะตอบรับเสียงของประชาชนไม่ได้เลยหรือ” 

เก็ทมีคำถามว่า บุ้งผิดมากเลยหรือ “หรือพวกเราที่อยู่ตรงนี้ที่เรือนจำผิดมากเลยหรอ จดหมายนี้ผมตั้งใจว่าจะให้ออกไปให้ทันงานเผาพี่บุ้ง แต่กลายเป็นว่าไม่ผ่าน แล้วเขาไม่แจ้งอะไร เหมือนจงใจมาบอกเราช้า เขาให้เหตุผลว่า เป็นจดหมายที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล ความสงบสุขของเรือนจำ และศีลธรรมอันดีของสังคม”  

เก็ทเล่าต่อว่า “ผมต้องการที่จะอุทธรณ์คำสั่งนี้ ผมคิดว่าถ้าทำแบบนี้ ในอนาคตจดหมายของพวกเราก็จะไม่ผ่านออกไป จดหมายของพวกเราก็จะถูกเซ็นเซอร์และถูกกักเอาไว้โดยที่เราก็ไม่ทราบ กว่าจะทราบก็ล่วงเลยเวลามาเป็น 10 วันแล้ว หากมีกรณีฉุกเฉินคงไม่ทันการณ์” 

วันที่ 29 พ.ค. 2567 เก็ทยิ้มทักทายทนาย และบอกว่า ดีใจที่แฟรงค์กับตะวันได้ประกันแล้ว เป็นห่วงสุขภาพและจิตใจทั้งสองคนมาก ๆ “ตอนนี้ผมกำลังคิดเรื่องอุทธรณ์คำสั่งกรณีที่จดหมายไม่ผ่าน ผมรู้สึกว่าเราต้องสู้กลับในทุกหนทาง และมันคงจะดีมากหากเราเผยแพร่ชื่อผู้พิพากษาที่สั่งถอนประกันพี่บุ้งหรือคนอื่น ๆ รวมถึงผู้พิพากษาที่ตัดสินลงโทษจำคุกธนพร แม่ลูกอ่อน พรากลูกพรากแม่เขาอย่างนี้ ก็เปิดหน้าออกมาเลย ให้สังคมได้รับรู้ว่า คนพวกนี้ปกป้องอะไรอยู่” 

เก็ทกล่าวอีกว่า เขารู้สึกแย่มาก ที่ ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และหมอที่เกี่ยวข้องไม่ไปงานศพบุ้งเลย “ไม่รู้สึกว่าต้องไปแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเขาเลยเหรอ มันเป็นสปิริตเพื่อนมนุษย์” 

เก็ทกล่าวว่า พรุ่งนี้ (30 พ.ค. 2567) เป็นวันครบรอบเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ครูครอง จันดาวงศ์ ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2504 ด้วยข้อหากบฏต่อความมั่นคงและเป็นคอมมิวนิสต์ ก่อนตายครูครองได้เปล่งคำพูด “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ“ เก็ทอยากให้ทุกคนระลึกถึงสิ่งที่เกิดเมื่อ 63 ปีก่อน และบอกว่า ตอนนี้มันยังเกิดขึ้นอีก   

“เรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ส่งจดหมายออกมา ผมกำลังร่างหนังสืออยู่ และจะทำให้เสร็จไม่เกินวันศุกร์นี้ อยากสู้กลับ ไม่อย่างนั้นในอนาคตพวกเราจะถูกปิดกั้นจดหมายกันแน่นอน ส่วนเรื่องขยายอุทธรณ์ ถ้าหากไม่ผ่าน ผมก็คิดหนทางไว้แล้ว ผมจะเรียนต่อในคุกและทำงานในคุก ทำให้รู้ว่า ต่อให้คุณขังเราอยู่ในคุก มันไม่ได้ทำให้สมองเราถูกแช่แข็ง ไม่ได้ทำให้อุดมการณ์หายไป เรายังคงสู้อยู่ และจะสู้จนกว่าจะชนะ”

ปัจจุบัน (5 มิ.ย. 2567) เก็ทถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 287 วัน

.

แม็กกี้: คิดถึงข้างนอกและอยากได้เยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดบ้าง

วันที่ 28 พ.ค. 2567 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม แม็กกี้อยู่ในเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม เริ่มบทสนทนากับทนายโดยเล่าถึงสภาพจิตใจว่า โดยรวมเป็นปกติ ถือว่าพออยู่ได้ตามอัตภาพ ช่วงนี้อากาศอบอ้าว ร้อนสลับกับมีฝนตก “หน้าฝนคนในคุกไม่ชอบหรอกแม่ มันเปียกไปหมด ไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่เก็บของ เวลาฝนตก ต้องย้ายที่เก็บของ เรื่องทีวีตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้” 

แม็กกี้บอกอีกว่า เร็ว ๆ นี้ทางเรือนจำเปิดให้เยี่ยมใกล้ชิด “คนในแดนหนูได้ออกเยี่ยมใกล้ชิดไม่กี่คน หนูก็ได้แต่มองดู แอบคิดไปว่าอยากมีโมเมนต์แบบนี้ อยากออกไปเยี่ยมญาติบ้าง” ขณะพูดถึงตรงนี้แม็กกี้มีสีหน้าเจื่อน และเงียบไปซักอึดใจ “หนูชอบออกไปศาลนะแม่ เวลาออกไปศาล รถเขาจะขับขึ้นทางด่วนเลย ได้เห็นวิวเห็นโน่นเห็นนี่ เห็นไอคอนสยามด้วย มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้ออกไปศาล คิดถึงข้างนอกมากเลย” 

แม็กกี้เล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนกะเทยออกศาลไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แล้วไปเจอกับทนายอานนท์ ทนายอานนท์ก็ถามถึงแม็กกี้ และฝากบอกแม็กกี้ว่า ขอให้ดูแลตัวเอง “พอหนูได้ยินก็รู้สึกมีกำลังใจมากค่ะ ไม่คิดว่าพี่อานนท์จะจำได้ เพราะตอนอยู่พิเศษกรุงเทพฯ หนูน่าจะได้เจอกับพี่อานนท์แค่ 3 ครั้งเอง”

ก่อนจากกันแม็กกี้ฝากว่า “ขอบคุณทุกคนที่ช่วยซัพพอร์ต อยากให้ทนายได้นอนเต็มอิ่มมาหาหนูด้วยสีหน้าสดใส ” 

ปัจจุบัน (5 มิ.ย. 2567)  แม็กกี้ถูกคุมขังทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 228 วัน  

.

ภูมิ: อยู่ระหว่างเตรียมผ่าตัดหัวไหล่ หวังว่า ก.ค.นี้จะมีข่าวดี 

วันที่ 29 พ.ค. 2567 เนื่องจากที่บ้านเมตตามีหน่วยงานราชการอื่นเข้าเยี่ยมชมงาน ทำให้ที่ปรึกษากฎหมายต้องรอเพื่อเข้าเยี่ยมภูมิเกือบ 1 ชั่วโมง ภูมิออกมาด้วยเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม กางเกงขาสั้นสีดำ ผมดูยาวขึ้นกว่าอาทิตย์ก่อน 

ภูมิเล่าว่าเพิ่งลงจากกักตัว จริง ๆ ต้องลงจากกักตัวตั้งแต่วันจันทร์ (27 พ.ค.) แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมได้ลงวันนี้ ช่วงนี้ทางบ้านเมตตาก็ไม่ได้มีกิจกรรมให้ภูมิทำ ภูมิให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “เขาน่าจะกลัวไหล่ผมมีปัญหาอีก เลยให้อยู่ข้างบนยาว ๆ เลย เพราะใกล้วันผ่าตัดแล้ว” 

ภูมิให้ข้อมูลว่า วันที่ 23 พ.ค. 2567 ภูมิออกไปพบหมอที่โรงพยาบาลสิรินธร หมอแจ้งว่าได้วันผ่าตัดแล้ว คือ วันที่ 5 มิ.ย. 2567 โดยวันที่ 4 มิ.ย. 2567 ต้องไปแอดมิทที่ ร.พ.สิรินธร ภูมิบอกว่า การผ่าตัดครั้งนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ เพื่อเย็บเอ็นหัวไหล่ ซึ่งภูมิยังมีความกังวลพอสมควรว่า ไหล่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมหรือไม่

ภูมิเล่าอีกว่า ตอนนี้เหล็กที่ยึดให้หัวไหล่เข้าเบ้าถูกถอดออกไปแล้ว ที่เอาออกเพราะการใส่เหล็กนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ เสี่ยงที่จะเกิดพังผืด พอเอาออกก็เสียง ‘กึ๊ดๆ’ ช่วงนี้ไม่ต้องล้างแผลแล้ว รอผ่าตัดอย่างเดียว แต่ยังคงกินยาเหมือนเดิม ทั้งยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ และได้ยาตรงเวลาแล้ว

ที่ปรึกษาฯ ถามถึงอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ภูมิบอกว่า ตอนนี้ที่เจ็บยังเป็นเรื่องไหล่ที่หลุด โดยมีอาการปวดที่หัวไหล่และที่ต้นคอ เพราะสายคล้องแขนที่พยุงไหล่มันพาดผ่านคอ ส่วนอื่น ๆ ปกติดี กินข้าวได้ตามปกติ 

ภูมิเล่าเพิ่มว่า ผอ.บ้านเมตตา ขึ้นไปเยี่ยมตอนกักตัว พูดเรื่องการอบรมวิชาชีพว่า ให้ภูมิอบรมให้ครบตามหลักสูตรที่ศาลสั่ง ถ้าจบแล้ว รายงานรอบเดือนกรกฎาคมนี้จะเสนอให้ปล่อย ที่ปรึกษาฯ บอกกับภูมิว่า ก็พอ ๆ กับนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่นัดในช่วงเดือนกรกฎาคมด้วยเช่นกัน “ผมหวังว่ากรกฎานี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นกับผมบ้าง” 

ที่ปรึกษาถามภูมิเกี่ยวกับการฝึกวิชาชีพศิลปะว่ามีความคืบหน้ามั้ย ภูมิบอกว่า ตอนนี้บ้านเมตตาชะลอการเปิดเรียนศิลปะออกไป “เดี๋ยวผ่าเสร็จคงมีความชัดเจนขึ้นว่าจะเอายังไงดีกับรูปแบบการเรียน แต่ดีที่ครูที่สอนศิลปะเป็นครูข้างในนี้ ไม่ใช่ครูข้างนอก ก็คงจัดการง่ายกว่าที่เอาครูข้างนอกมาสอน”

ปัจจุบัน (5 มิ.ย. 2567) ภูมิถูกควบคุมตัวตามคำสั่งของศาลเยาวชนฯ ที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตามาแล้ว 232 วัน  

.

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม 6 ผู้ต้องขังคดี ‘112’: ขอเเสดงความเสียใจไปยังครอบครัวบุ้ง ไม่ควรมีใครเสียชีวิตด้วย ม.112 วิงวอนศาลคืนสิทธิประกันตัวโดยเร็ว

X