บันทึกเยี่ยม มาย-ธี-มาร์ค-บุ๊ค: หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในช่วงสงกรานต์และไม่ลืมเรา

10 เม.ย. 2567 ก่อนช่วงวันหยุดสงกรานต์ ทนายความได้เข้าเยี่ยม “มาย” ชัยพร, “ธี” ถิรนัย, “มาร์ค” และ “บุ๊ค” ธนายุทธ 4 ผู้ต้องขังคดีครอบครองวัตถุระเบิด ในห้องเยี่ยมทนายห้องที่ 3 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทุกคนสวมชุดผู้ต้องขังสีฟ้า มีสีหน้ายิ้มแย้ม พูดคุยกันอย่างคึกคัก 

อากาศร้อนยังคงส่งผลต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำ บุ๊คถึงกับเลือดกำเดาไหลในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่มายยังคงต้องกินยาเพื่อให้ผื่นแพ้ลดลง แต่ยามีไม่เพียงพอเช่นเดิม ทุกคนทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากพยายามทำให้ตัวเย็นมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อน้ำเย็น ทาแป้งเย็น อาบน้ำบ่อยขึ้น  

ช่วงสงกรานต์นี้ในบางแดนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีการแข่งขันกีฬา มาร์คได้เป็นตัวแทนลงแข่งฟุตบอลแม้เขาไม่สนใจนัก แต่เพราะไม่มีใครเล่นฟุตบอลเป็น ธีเองก็ได้ลงแข่งเช่นกัน แต่เขารู้สึกสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากจนทำประตูไปได้หลายลูก 

ท้ายที่สุดทุกคนยังระลึกถึงครอบครัวของพวกเขา รวมถึงหวังว่าคนข้างนอกจะมีความสุขในช่วงสงกรานต์และไม่ลืมผู้ต้องขังทางการเมือง

มาร์คซึ่งอยู่ในแดน 4 เริ่มต้นด้วยการเล่าว่า อากาศร้อนมาก (ลากเสียง) “ฝนตกไปนิดเดียวเอง มันพาชื้นด้วย ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย เหมือนจะอบอ้าวกว่าเดิมอีก” ขณะที่บุ๊คบอกว่าอากาศร้อนจนเลือดกำเดาไหล “เมื่อวันจันทร์ (8 เม.ย.) เลือดกำเดาไหลเยอะมาก ต้องเอาทิชชู่มาอุดไว้ แล้วก็เอาน้ำเย็นมาลูบ ๆ ตัว ที่แดน 6 นี่น้ำเย็นก็ต้องซื้อนะ เพราะไม่มีตู้กด” นอกจากนี้อากาศที่ร้อนทำให้ผู้ต้องขังนอนแทบไม่ได้ ต้องใช้วิธีลุกไปเอาน้ำราดตัว แล้วก็โปะแป้งเย็นพอกตัวไว้เยอะ ๆ

ทางด้านมายที่เป็นผื่นร้อนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา อาทิตย์นี้ก็ยังมีผื่นขึ้นและต้องกินยาอยู่ 

“วันศุกร์ที่แล้ว (5 เม.ย.) ได้ออกไปสถานพยาบาลมา แล้วก็ได้เบิกยาแก้แพ้มา 7 เม็ด แต่ตอนนี้เหลืออยู่ 4 เม็ดแล้ว ก็ได้เจอหมอ แต่รู้สึกแย่มาก เหมือนเขามาตรวจเป็นพิธี คนก่อนหน้าผมมีปัญหาเกี่ยวกับปากหรือคอนี่แหละ หมอนั่งห่างจากเขา 2 เมตร ห่างกว่าที่ผมคุยกับทนายแบบมีกระจกกั้นนี่อีก ส่องไฟฉายกระพริบทีนึงแล้วก็บอกให้คนไข้ออกไป ไล่เลยนะ ไป ไป ไป

“พอมาถึงคิวผม ผมก็เปิดเสื้อให้ดูผื่นที่ตัว ให้ดูรอยแดง แต่เปิดแค่ช่วงท้องก่อนเพราะมันเปิดง่าย พอหมอเห็น หมอก็บอก โอเค ไป ไป เสร็จแล้ว ไป อีกวันนึงเขาก็จ่ายยามา 7 เม็ดนี่แหละ ผมรู้สึกแย่มาก จะออกไปทีนึงก็ไม่ได้ง่าย ต้องลงชื่อ และมีกฎว่า 15 วัน เจอหมอได้ทีนึง ตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่ผมเคยได้เจอหมอแค่ 3-4 ครั้งเอง ไม่เกินนี้”

.

มายพูดเรื่องการเข้าถึงหมอและยามาหลายครั้ง ครั้งนี้ก็ยังคงพูดถึงเช่นเคย 

“มีครั้งนึงผมไม่สบาย ไข้สูงมาก ก็ลงชื่อขอพบหมอ หลังจากนั้น 3 วัน ถึงได้เจอหมอ ซึ่งถือว่าเร็วมากแล้วนะ ก็ได้แค่ยากลับมากิน เป็นยาพารายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งไม่เคยได้ยินชื่อ ไม่รู้ว่าคุณภาพเป็นยังไง ที่เขาไม่ให้ออกไปเอายาง่าย ๆ เพราะกลัวว่าผู้ต้องขังจะเอายามาเก็บไว้แล้วเอามาขายกัน แต่ผมมองว่าที่เขาขายกันได้ ก็เพราะว่ายามันขอยากนี่แหละ ถ้าคนออกไปสถานพยาบาลง่าย ๆ ยาสามัญหาได้ง่าย ๆ คนมันจะมาซื้อกันทำไม ผมคิดว่าเขาแก้ปัญหาผิดจุด”  

มายแสดงความเห็นว่า ระบบของเรือนจำที่ทำให้การเข้าพบหมอยากและล่าช้า ทำให้เกิดการเก็บยาไว้ขายกันในเรือนจำ 

“ถ้าไม่มีคนเก็บยาไว้ขาย เวลาคนป่วยนี่แทบตายได้เลยนะ เพราะกว่าจะได้เจอหมอ กว่าจะได้ยา อย่างยาแก้แพ้นี่ได้มายากมาก หน้าแดนเขาไม่ค่อยจ่ายยานี้ เพราะเขาว่ามันมีน้อย 

“ผมก็พยายามจะไม่ซื้อจากผู้ต้องขังที่เอามาขายนะ ไม่อยากสนับสนุนกลไกนี้ ผมคิดว่าเรามีสิทธิได้ยารักษาโรค แต่บางทีมันไม่ไหวจริง ๆ การไปซื้อก็ช่วยให้เรารอดได้หลายครั้ง แถมพอจะไปสถานพยาบาลก็ต้องลงชื่อ รอคิว ออกไปถึงก็เจอหมอแย่ ๆ แบบนี้ คนเขาก็ไม่อยากไปกัน”

.

มาร์คเล่าให้ทนายฟังว่า ช่วงสงกรานต์ในแดน 4 จะมีการใส่บาตรพระ 9 รูป ในตอนเช้า และจะแข่งวอลเล่ย์บอล ตะกร้อ และฟุตบอล แต่ทีมของเขาซึ่งต้องลงแข่งฟุตบอลตกรอบไปแล้ว 

“ไม่มีใครเตะเป็นเลย เพราะเขาจัดทีมกันตามห้องนอน พวกธีอยู่ห้อง 16 ส่วนผมนอนห้อง 10 ห้องนี้เตะไม่เป็นกัน ผมก็โดนบังคับลงเพราะไม่มีคนนี่แหละ ก็ลงให้มันจบ ๆ ไป (หัวเราะ) เรื่องบอลสำหรับผมเฉย ๆ ไม่ค่อยรู้สึกคึกคักอะไรไปด้วยเท่าไหร่ ผมดูบอลได้นะ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น เวลาเขาแข่งกัน ผมก็นั่งดูนะ ก็เพลินดี ดีกว่าไม่มีอะไรทำ แต่ไม่ได้อยากเล่น” 

ขณะที่ธีซึ่งอยู่ในแดนเดียวกันเล่าเรื่องการเล่นฟุตบอลอย่างออกรสชาติ เขาดูจะชอบการเล่นฟุตบอลมากกว่ามาร์ค ธีถกแขนเสื้อขึ้นให้ทนายดูรอยไหม้ที่แขน โดยบอกว่าเขาเพิ่งไปแข่งฟุตบอลมา 

“พี่ดูซิ ตัวผมไหม้แดดหมดละ เพิ่งไปแข่งฟุตบอลมา เป็นกีฬาภายในแดน 4 ผมเป็นตัวหลักเล่นกองหน้า ยิงไปหลายลูกเลย นัดแรกเราชนะทีมคดีเว็บพนัน 3-1 ผมยิงคนเดียว 3 ลูก นัดที่สองเราชนะไป 11-1 ผมยิงไป 6 ลูก ทุกคนในแดนพากันตกใจว่า เราก็เล่นบอลกันไม่ธรรมดา ในทีมผมมีผู้ต้องขังการเมืองหลายคน มีพี่สมบัติด้วย สนุกมาก เดือดมาก มันเดือดเพราะว่าแบ่งทีมตามห้องนอน ซึ่งมันก็เป็นกลุ่มกันอยู่แล้ว

“แต่นัดที่สามเราเจอของแรง ทีมนั้นเล่นแรงมาก ปะทะกันแรง เหมือนเขาจะเอาให้ได้อะ ครึ่งแรกทีมเขาฟาวล์ไป 3 ครั้ง ครึ่งหลังจัดไป 4 ครั้ง ทีมเราครองบอลเยอะกว่ามาก รับส่งกันดีแต่ปิดจบไม่ได้ จนสุดท้ายเขายิงระยะไกลเข้าไป 2 ลูก จบด้วยเราแพ้ 0-2 ทุกคนก็มาให้กำลังใจ บอกทีมผมโดนหนักสุด ๆ โดนชนจนล้ม แต่ก็ยังลุกขึ้นมาเล่นต่อได้

“แต่สุดท้ายทีมนั้นเขาก็ไม่ได้เข้ารอบนะ เพราะคะแนนรวมไม่ถึง ส่วนเราได้เข้ารอบเพราะคะแนนรวมเราสูงอยู่แล้ว รอบต่อไปก็ต้องรอจับสลากแบ่งสายก่อน แต่คงแข่งกันช่วงเสาร์อาทิตย์ (13-14 เม.ย.) เดี๋ยวจะมาบอกผลอีกที” (หัวเราะ)

นอกจากเรื่องฟุตบอล ธียังเล่าเรื่องหมอดูในเรือนจำด้วย โดยบอกว่าเขาไปลองดูดวงมาพร้อม “เก็ท” โสภณ

“ข้างในนี้มีหมอดูด้วย เขารับดูดวง ได้เงินทีละหมื่นสองหมื่นเลยนะ พวกคนรวย ๆ พวก VIP ข้างในเขาชอบไปดูกัน ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นพวกเว็บพนัน นักธุรกิจ เสี่ยที่ทำงานเทา ๆ อะไรทำนองนั้น

“วันนั้นไปกับเก็ท แต่เราไม่มีเงินเยอะหรอก ก็ให้ไปหลักร้อยเป็นสินน้ำใจเขา หมอดูบอกว่าช่วงที่เข้ามาเป็นช่วงที่เราดวงตก ซึ่งก็แน่ละ เข้าคุกมันก็ดวงตกอยู่แล้ว แล้วหมอดูก็บอกอีกว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของผมแล้ว หลังจากนี้จะพ้นเคราะห์ ดีขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมกับเก็ทก็คุยกันว่าคดีผมมันติดถึงปี 2569 ไม่น่าจะหมดทุกข์ปีนี้ แต่ก็จะรอดูผลอุทธรณ์เดือนมิถุนายนนี้ด้วยแหละ ถ้าผลอุทธรณ์แย่แล้วปีหน้าผมยังอยู่ในนี้อยู่นะ หมอดูเจอผมแน่” (หัวเราะ)

ทางด้านมายที่อยู่แดน 6 เล่าว่า ในแดนของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะมีกิจกรรมอะไร 

“ยังไม่มีแข่งกีฬา แดน 4 เขาจะมีกิจกรรมบ่อยกว่าหน่อย เพราะทางนั้นเจ้ามือเยอะ คนมีเงินเยอะกว่า”

บุ๊คเล่าสถานการณ์ในแดน 6 ให้ทนายฟังเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ข้างในตึงเครียดกัน หดหู่ ทั้งผู้ต้องขังทั่วไปและผู้ต้องขังทางการเมือง 

“เพราะมันเป็นช่วงเทศกาล หยุดยาว ญาติมาเยี่ยมไม่ได้ ช่วงเขารวมญาติกันคนก็ติดต่อไปไม่ได้ ทำให้ช่วงเทศกาลจะเหงากันกว่าปกติ

“ผู้ต้องขังการเมืองในแดน 6 ก็จิตตกกันนิดหน่อย ระดับนึงแหละ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองและการนิรโทษกรรม มันดูไม่มีความหวังด้วย เราก็พยายามให้กำลังใจกัน ชื่นชมกัน Empower กันในกลุ่ม พูดคุยกันตลอด เพราะไม่มีใครเข้าใจพวกเราได้เท่าพวกเราเองที่อยู่ด้วยกันแล้ว”

นอกจากนี้ สาเหตุที่ทำให้เพื่อน ๆ รวมถึงบุ๊คเองจิตตกมาก ๆ คือเรื่องของภาระทางครอบครัวที่แต่ละคนแบกไว้ 

“บางคนญาติมาเยี่ยมไม่ได้เลยเพราะติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วก็มีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ที่บ้านเราลำบาก เพราะเราติดคุก เพราะคดีที่เราไปแสดงออก”

.

ก่อนจากกันทนายความถามว่า มีอะไรที่อยากสื่อสารกับคนข้างนอกในช่วงวันสงกรานต์หรือไม่ มายบอกว่า เขารู้สึกมาทุกความรู้สึกแล้ว หลังจากถูกขังมานานและไม่มีวี่แววจะได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว

“มันวนลูป อยากออกไปมาก ๆ เลย มันน่าเบื่อ แต่มันก็หนีไม่พ้น” 

ขณะที่บุ๊คบอกว่า เขารู้ว่าคนข้างนอกลำบากมามากเหลือเกิน ข้างในเองก็พยายามรักษากำลังใจไว้ให้มากที่สุด 

“หวังว่าทุกเทศกาล ทุกคนจะมีความสุข พวกเราก็หวังแค่ว่า มันจะถึงเทศกาลที่พวกเราได้ออกไปมีความสุขร่วมกับทุกคนเร็ว ๆ หวังว่าทุกคนจะไม่ลืมเรา”

บุ๊คย้ำให้ทนายฟังเกี่ยวกับเรื่องภาระความรับผิดชอบของเขาก่อนเข้ามาอยู่ในเรือนจำ 

“ผมเป็นเสาหลักครอบครัว ต้องดูแลย่าที่ป่วยติดเตียงเคลื่อนไหวไม่ได้ พอผมติดคุกก็กลายเป็นแฟนผมที่ต้องรับภาระดูแลทุกอย่าง ผมเป็นห่วงแฟนมาก กลัวเขาจะแบกทุกอย่างไว้เยอะเกินไป กลัวมันจะส่งผลต่อความรู้สึกของเขา 

“ผมไม่อยากยอมแพ้ เลยคิดโปรเจ็คขึ้นมา อยากหารายได้ ผมคิดว่าผมมีความสามารถอยู่ 2 อย่าง คือ วาดรูปและแต่งเพลง ผมอยากจะเปิดรับวาดรูปและรับแต่งเพลงจากข้างใน โดยผมจะส่งผลงานที่วาดที่เขียนจากข้างในออกไปข้างนอก เดี๋ยวน่าจะเห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้นเร็ว ๆ นี้” 

บุ๊คบอกอีกว่า ไม่อยากอยู่เฉย ๆ เขารู้สึกว่าต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อรักษาความรู้สึกของตัวเองและแฟน 

“เขาอยู่ข้างผมตลอด อยากให้เขาอยู่กับเราไปนาน ๆ รักษาความสัมพันธ์ไปจนถึงวันที่เราได้รับอิสรภาพ”

ทางด้านธีได้ฝากให้ทนายโทรไปหาแม่เพื่อฝากคำอวยพรน้องสาวที่กำลังจะแต่งงานและฝากข้อความถึงทุก ๆ คนว่า

“เมาไม่ขับ ขอให้ทุกคนเล่นน้ำกันอย่างมีความสุขครับ”

.

จนถึงปัจจุบัน (15 เม.ย. 2567) ธีและมายถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 426 วัน หรือราว 1 ปี 2 เดือน, มาร์คถูกคุมขังมาแล้ว 398 วัน หรือราว 1 ปี 1 เดือน จากโทษจำคุก 2 ปี 1 เดือน โดยคดีถึงที่สุดแล้ว และบุ๊คถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์และฎีกามาแล้ว 207 วัน

X