เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 นับเป็นวันที่ 23 ที่ “พรชัย” หนุ่มปกาเกอะญอวัย 37 ปี ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ระหว่างการฝากขังของพนักงานสอบสวน จากการที่เขาถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ,116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ คดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐานของพนักงานสอบสวน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นตอนของการพิจารณาคดีของศาล และนั่นหมายความว่า “พรชัย“ ยังคงเป็น “ผู้บริสุทธิ์” แต่เขาไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว
ทนายความได้เข้าเยี่ยมพรชัยในช่วงเช้า เรือนจำอยู่ที่อำเภอแม่แตง ไกลออกไปจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางไป-กลับ ประมาณ 2 ชั่วโมง
“พี่พรชัย” (สรรพนามที่ทนายเรียกพรชัยเสมอ) ยังคงโบกมือและยิ้มทักทายเช่นเคย และเริ่มพูดคุยด้วยประโยคว่า “สวัสดีครับพี่ทนาย” ตามปกติวิสัยของพี่พรชัย แม้จะยิ้ม แต่ใบหน้าของพี่พรชัยวันนี้แลดูอิดโรยและสีผิวคล้ำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อากาศภายในเรือนจำร้อนอบอ้าว พี่พรชัยมีอาการกำเริบจากโรคประจำตัวและมีความต้องการพบแพทย์เพื่อรักษา ทำให้ค่อนข้างน่ากังวลถึงความเป็นอยู่ของเขาในเรือนจำ
พี่พรชัยยังคงสอบถามเรื่องสถานการณ์การชุมนุม ความเคลื่อนไหวของ “คณะราษฎร” และการเมืองในสภาฯ เพราะภายในนั้น ไม่ได้มีข่าวสารใดให้ผู้ถูกคุมขังเข้าถึง
วันนี้พิเศษหน่อย พี่พรชัยเอ่ยขอยืมอ่านหนังสือ “ทนายอ่านอะไรอยู่ ผมขออ่านหนังสือที่ทนายกำลังอ่านอยู่ได้ไหมครับ?” “เรื่องนี้เครียดไป ทำใจอ่านมา 2 รอบแล้ว เดี๋ยวเอาอีกเล่มที่อ่านสนุกกว่ามาให้นะพี่” ทนายตอบ
ทนายยังแจ้งพี่พรชัยว่า วันนี้เป็นวันที่พนักงานสอบสวนฝากขังพรชัยครบ 12 วัน ของการฝากขังครั้งที่ 2 แล้ว ทางทนายได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง ครั้งที่ 3 ในกรณีที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังต่อ โดยขอให้ศาลออกคำสั่งให้มีการไต่สวนพนักงานสอบสวน และเบิกตัวพี่พรชัยไปศาล กระบวนการนี้เป็นสิทธิของผู้ต้องหา และศาลมีคำลั่งให้มีการไต่สวนดังกล่าวในช่วงบ่ายๆ แต่ให้ใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ระหว่าง ศาล พนักงานสอบสวน และผู้ต้องหา โดยระบุว่าเป็นมาตรการในภาวะโควิด-19
ทนายความจึงได้ให้พี่พรชัยเตรียมความพร้อมในการไต่สวนผ่านสายโทรศัพท์ในเรือนจำ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่พี่พรชัยถูกจับเป็นต้นมา ทางทีมทนายยัง “ไม่เคย” ได้ให้คำปรึกษาเขาแบบ “ตัวต่อตัว” ตามสิทธิของผู้ต้องหาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในแต่ละครั้งที่ให้คำปรึกษาจะใช้วิธีวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือใช้วิธีคุยผ่านเครื่องโทรศัพท์ในเรือนจำเท่านั้น ซึ่งเป็นไปได้ยากในการพูดคุยและสื่อสารให้เข้าใจได้ทั้งหมดในกระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งการพิจารณาเอกสารในคดีต่างๆ
นอกจากนั้น ทางทนายความยังได้ยื่นคำร้องต่อทางผู้บัญชาการเรือนจำ ขอเข้าให้คำปรึกษาลูกความขณะที่ศาลไต่สวนการคัดค้านการฝากขัง ครั้งที่ 3 นี้ด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งเพียงว่า “เดี๋ยวรับเอกสารไว้ให้” แต่รอคำสั่งถึงเวลา 14.20 น. สุดท้ายก็ไม่สามารถเข้าให้คำปรึกษาลูกความตามกระบวนการได้
ในส่วนของการไต่สวนของศาล พนักงานสอบสวนได้อ้างเหตุว่า “การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นและยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ” และทีมทนายได้คัดค้าน โดยยืนยันว่า “ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ต่อสู้ขัดขวางหรือกระทำการอื่นที่เป็นการยุ่งเหยิงเกี่ยวกับพยานหลักฐาน” แต่ศาลเห็นว่า ข้อคัดค้านนี้ และข้อคัดค้านข้ออื่นๆ ของผู้ต้องหาล้วนเป็นข้อต่อสู้ในคดีของผู้ต้องหา ข้อคัดค้านจึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวนได้ ในช่วงเย็น ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตฝากขังพรชัยต่อ ได้อีก 12 วัน ตามคำขอของพนักงานสอบสวน
หลักจากฟังคำสั่งของศาลแล้ว ทางทีมทนายความได้เตรียมการสำหรับการยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง โดยได้ติดต่อประสานงานกับนายประกันที่เป็นชาติพันธุ์เช่นเดียวกับพี่พรชัย เพื่อใช้ตำแหน่งทางการเมืองในการขอประกันอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสามารถยื่นประกันได้ในช่วงวันที่ 5 เมษายน นี้
“ผมยังยึดมั่นในอุดมการณ์นะ คุกขังอุดมการณ์ของผมไม่ได้”
คำพูดของพี่พรชัย ก่อนลากันไปในวันนี้
เสียงพูดพร้อมความหวังของพี่พรชัย ยังคงกังวานอยู่ในใจทนายคนนี้เสมอ
………………………………………………………………..
วันที่ 23 พี่พรชัย ยังคงถูกจองจำที่เรือนจำกลางเชียงใหม่
กฤษติยากรณ์ แก้วกิริยา
ทนายเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
อ่านเรื่องราวของพรชัย
ปอท.แสดงหมายค้น – สภ.บันนังสตา จ.ยะลา แจ้งข้อหา ม.112-116 หนุ่มแม่ฮ่องสอนในเรือนจำเพิ่มอีกคดี
บันทึกทนายความ: การเข้าเยี่ยม “พรชัย” หนุ่มปกาเกอะญอ ผู้ถูกคุมขังในคดี ม.112
“พรชัย” ผู้ต้องขัง ม.112 ปวดท้องหนัก จนตัดสินใจยุติการอดข้าว-อดน้ำ