พิพากษา 2 นักกิจกรรม กลุ่มอาชีวะฯ – WeVo คดีชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมา ปี 64 ลงโทษจำคุก 2 ปีเศษ เห็นว่าชุมนุมโดยสงบในเบื้องต้น จึงให้รอลงอาญา

28 พ.ค. 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาในคดีของ ดนตรี มีเท่า สมาชิกกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ปรณัท น้อยนงค์เยาว์ สมาชิกกลุ่ม WeVolunteer (WeVo) จากกรณีชุมนุม #StandWithMyanmar หน้าสถานเอกอัครทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาธรเหนือ เพื่อต่อต้านการรัฐประหารของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 

คดีนี้ทั้งสองคนถูกกล่าวหาในฐานความผิด ได้แก่ ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายเจ้าพนักงาน, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และ ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215

ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนได้เข้าสลายการชุมนุมและยึดพื้นที่ถนนในช่วงท้ายของการชุมนุม โดยมีการปะทะกับผู้ชุมนุม และเกิดการจับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 4 ราย ส่วนในคดีนี้ทั้งสองคนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกที่ สน.ยานนาวา ในภายหลังเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2564

ต่อมาหลังคดีอยู่ในชั้นสอบสวนกว่า 3 ปีครึ่ง พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดี และตำรวจได้มีการจับกุมทั้งสองคนตามหมายจับของศาลมาสั่งฟ้องคดี กรณีของ ดนตรี มีเท่า ฟ้องเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2567  ส่วน ปรณัท น้อยนงค์เยาว์ ฟ้องในวันที่ 19 ก.ค. 2567 และศาลได้ให้พิจารณาคดีของทั้งสองไปพร้อมกัน 

ในนัดสืบพยานนัดแรกเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 จำเลยทั้งสองได้ตัดสินใจกลับคำให้การเป็นรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงให้สืบเสาะพฤติการณ์จำเลยเพิ่มเติมและนัดฟังคำพิพากษาต่อมา

ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 703 ศาลออกพิจารณาคดีในเวลา 10.00 น. โดยเริ่มอ่านคำพิพากษามีสาระสำคัญโดยสรุปว่า เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดจริงตามฟ้อง ในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามร่วมกันชุมนุม ทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในที่ใด ๆ ในสถานที่แออัด ลงโทษจำคุกคนละ 1 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท 

ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 มาตรา 297 มาตรา 298 จำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 60,000 บาท และความผิดฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 20,000 บาท  รวมโทษจำคุก 4 ปี 7 เดือน ปรับคนละ 90,000 บาท

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสอง 2 ปี 3 เดือน 15 วัน และปรับคนละ 45,000 บาท

ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง ในเบื้องต้นเป็นไปโดยสงบ ไม่ปรากฏว่าจำเลยสมคบกันเพื่อกระทำความผิดตั้งแต่ต้น มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และจำเลยน่าจะรู้สึกเข็ดหลาบ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี ทำงานบริการสังคม 30 ชั่วโมง และต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งภายใน 1 ปี

.

ทั้งนี้ กรณีชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 เพื่อต่อต้านการรัฐประหารนั้น มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมจำนวน 14 คน ในจำนวน 5 คดี นอกจากคดีข้างต้น ยังแยกเป็น

1. คดีของผู้ชุมนุม 7 คน ที่ถูกฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในลักษณะเดียวกับคดีของดนตรีและปรณัท โดยศาลพิพากษาจำคุกและให้รอลงอาญาในลักษณะเดียวกัน ยกเว้นกรณีของ “ปัณณพัทธ์ จันทนางกูล” นักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 4 เดือน 20 วัน โดยไม่รอลงอาญา โดยคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา

2. คดีวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ จากกลุ่ม We Volunteer ที่ถูกฟ้องเฉพาะข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ที่ศาลแขวงพระนครใต้ โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ลงโทษปรับข้อหา พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ 10,000 บาท คดีสิ้นสุดไปแล้ว

3. คดีของแกนนำราษฎร 3 คน นำโดย “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ ที่ถูกฟ้องในข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และใช้เครื่องขยายเสียง ที่ศาลแขวงพระนครใต้ เดิมศาลชั้นต้นยกฟ้องคดี แต่หลังอัยการอุทธรณ์ต่อ ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษา เห็นว่ามีความผิด ลงโทษปรับคนละ 2,100 บาท

4. คดีของเยาวชนอีก 1 ราย ถูกฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และจำเลยได้เข้ามาตรการพิเศษแทนการมีคำพิพากษาของศาล คดีสิ้นสุดไปแล้ว

.

X