รู้จัก “ลีฟ วีรวัฒน์” ผู้ถูกคุมขังคดีระเบิดช่วงชุมนุม #ม็อบ19กันยา64 หลังถูกย้ายไปเรือนจำคลองเปรม

“ลีฟ” วีรวัฒน์ เป็นอดีตไรเดอร์ส่งอาหารในจังหวัดนนทบุรี เขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ. 2567 ในคดีเกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด ในช่วงการชุมนุม #ม็อบ19กันยา64  

เราเพิ่งทราบถึงการถูกคุมขังของลีฟ หลังเวลาผ่านไป 1 ปี เมื่อ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ได้พบกับลีฟภายในเรือนจำ จึงได้แจ้งข่าวสารว่ามีผู้ถูกคุมขังรายนี้อยู่ ออกมาสู่โลกภายนอก

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 ลีฟถูกย้ายตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม จากนโยบายการเปลี่ยนแปลงผู้ถูกคุมขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ  คดีของลีฟถึงที่สุดแล้ว หลังจากเขาถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 2 ปี 12 เดือน 

ชวนทำความรู้จักกับผู้ต้องขังในคดีเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองรายนี้เพิ่มเติม โดยเขายังเหลือโทษอีกเกือบ 2 ปี และยังกังวลเรื่องลูกชายที่อายุเพียงขวบเศษที่มีภรรยาดูแลเพียงลำพัง

————————

.

ลีฟ วีรวัฒน์ อายุ 22 ปี แต่ขณะเกิดเหตุเมื่อปี 2564 นั้น เขามีอายุ 19 ปี ก่อนถูกจองจำ เขาประกอบอาชีพเป็นไรเดอร์ส่งอาหารในย่านนนทบุรี ตั้งแต่หลังจากจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมต้น และเขาไม่ได้เรียนต่ออีก

ลีฟเล่าว่าเขาเติบโตในชุมชนมุสลิมในจังหวัดนนทบุรี โดยชุมชนของเขามีบทบาทด้านการเรียกร้องประเด็นทางสังคมต่าง ๆ เช่น สิทธิในการรักษาพยาบาล การเยียวยาผู้สูงอายุ ทำให้ตัวเขาค่อนข้างมีความคลุกคลีกับการแสดงออกในประเด็นทางสังคม แต่เขาไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองมาก่อน 

ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ในช่วงรัฐบาลเผด็จการ คสช. เขารู้สึกถึงปัญหารายได้ขั้นต่ำของประชาชน หากเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกปี รู้สึกถึงความไม่สมดุลกันอย่างมากระหว่างรายรับกับรายจ่าย

พอถึงปี 2563 เมื่อเริ่มมีการระบาดของโรคโควิด-19 ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งเห็นว่ารัฐบาลประยุทธ์ในขณะนั้น บริหารจัดการได้ไม่มีประสิทธิภาพ ลีฟบอกว่าจากเดิมที่เขาเคยขับส่งอาหาร โดยได้รับงานต่อวันราว 20-30 รอบ แต่ช่วงปีสองปีนั้น เขาได้งานไม่เกินวันละ 3 รอบ ทำให้รายได้แทบไม่พอกิน

ประกอบกับสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนั้น ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมมาตั้งแต่ปี 2563 ในฐานะประชาชนทั่วไป ไม่มีกลุ่ม ไม่มีสังกัด แต่มีเพื่อนที่รู้จักกันไปร่วมชุมนุมด้วยบางครั้ง หรือนัดหมายเจอกันในที่ชุมนุม โดยความต้องการหลัก คือเขาอยากเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งสนับสนุนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และขับไล่รัฐบาลประยุทธ์

ในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งการชุมนุมเข้มข้น เกิดขึ้นแทบจะรายวัน ลีฟบอกว่าเขาเข้าร่วมชุมนุมสัปดาห์หนึ่งแทบจะไปสัก 3-4 ครั้ง แต่ก็เป็นเพียงผู้เข้าร่วม ต่อมาเขาถูกกล่าวหาดำเนินคดีจากการชุมนุมในทั้งหมด 2 คดี

คดีแรก ได้แก่ คดีชุมนุม #ม็อบ11สิงหา64 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขาเป็นหนึ่งในผู้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจับกุมไปพร้อมกับกลุ่มของ “ป้าเป้า” ด้วย ต่อมาคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยคนอื่น ๆ แต่เห็นว่าเฉพาะ “ป้าเป้า” ที่มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ลงโทษปรับ 1,000 บาท

คดีที่สอง ลีฟถูกกล่าวหาว่าครอบครองวัตถุระเบิด ในช่วงการชุมนุม #ม็อบ19กันยา64 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการชุมนุมของ “ทะลุแก๊ซ” บริเวณย่านดินแดงอย่างต่อเนื่อง

————————-

.

ในคดีหลังนี้ เขาได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน ก่อนอัยการมีคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งเขาได้รับการประกันตัว จนในช่วงปี 2565 ทางครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว เนื่องจากปัญหาส่วนตัว ทำให้ลีฟไม่ได้ไปตามนัดของศาล และเขาไม่ได้ติดต่อแจ้งเหตุจำเป็นใด ๆ จึงไม่ได้ทราบเรื่องการถูกออกหมายจับ  กระทั่งปี 2566 เขาจึงย้ายกลับมาอยู่จังหวัดนนทบุรี กับแฟนของเขา พร้อมกับมีลูกชายที่ปัจจุบันอายุ 1 ขวบเศษ

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เขาเริ่มสังเกตเห็นกลุ่มผู้ชายหลายคนไม่คุ้นหน้ามานั่งอยู่ในร้านค้า ใกล้บ้านเขา หลายวันต่อเนื่องกัน และดูเหมือนจะคอยดูความเคลื่อนไหวของเขาด้วย ต่อมาจึงทราบว่าน่าจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ จนกระทั่งวันที่ 1 มี.ค. 2567 ช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม ลีฟขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของแฟน จากนั้นได้มีชายนอกเครื่องแบบประมาณ 5 คน ขับรถยนต์เข้ามาจอด และลงรถพุ่งเข้ามาหาเขา ที่จอดรถอยู่หน้าร้านค้า

เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับของศาล พร้อมสอบถามว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ ก่อนจะควบคุมตัวเขา โดยมีเพียงแต่แฟนที่ทราบเรื่อง วันถัดมาเขาถูกนำตัวไปส่งที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

ก่อนในวันที่ 4 มี.ค. 2567 ศาลได้เบิกตัวเขาไปสอบถามคำให้การในคดี  เขาได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง โดยไม่ได้มีทนายความ ทำให้ศาลมีคำพิพากษาในทันที โดยลงโทษฐานมีวัตถุระเบิดในครอบครอง จำคุก 3 ปี พกอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ปรับ 1,000 บาท ฐานทำให้เกิดระเบิดจนเป็นอันตรายฯ จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 12 เดือน และปรับ 500 บาท

ในวันเดียวกัน เขายังถูกลงโทษในข้อหาละเมิดอำนาจศาล จำคุกอีก 1 เดือน 15 วันด้วย ทำให้เขามีโทษจำคุกรวม 2 ปี 13 เดือน กับอีก 15 วัน

—————————

.

จนถึงวันนี้ เขาถูกคุมขังมา 1 ปี เศษแล้ว ลีฟบอกว่าในช่วงอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เขาได้ทำหน้าที่เป็นเสมียนในร้านค้าสงเคราะห์ของเรือนจำ โดยปกติมีภรรยา ที่พาลูกชายมาเยี่ยม 

ลีฟยังเล่าถึงสถานการณ์การย้ายผู้ต้องขังในเรือนจำ ว่าในกรณีของเขาไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ว่าจะถูกย้ายไปเรือนจำกลางคลองเปรม ช่วงเช้าของวันที่ 10 มี.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ได้ประกาศรายชื่อผู้ที่จะถูกย้ายเรือนจำ โดยเป็นกลุ่มนักโทษที่คดีสิ้นสุดแล้ว รวมประมาณ 32 คน ให้เวลาเก็บข้าวของประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เขาเก็บมาได้เพียงเสื้อสีฟ้า 1 ตัว เสื้อยืดสีขาว 2 ตัว และกางเกง 1 ตัว ส่วนของที่ใช้สำหรับอาบน้ำและอุปกรณ์อื่น ๆ เขาเก็บมาไม่ทัน พอมาถึงเรือนจำใหม่ ต้องมาหายืมคนอื่นก่อน

เจ้าหน้าที่ในเรือนจำใหม่ ก็พยายามปลอบใจ เพราะผู้ต้องขังใหม่อาจจะยังไม่ชินสถานที่ แต่อยู่ไป ก็จะชินไปเอง โดยหลังย้ายเรือนจำ ลีฟยังมีอาการเป็นหวัด ทำให้ต้องไปขอยาพาราฯ และยาลดน้ำมูกมาทาน ซึ่งเขาคิดว่าที่นี่ได้ยามาค่อนข้างเร็วกว่าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

“อาหารการกินของที่นี้ ก็ดีกว่าที่พิเศษกรุงเทพฯ ครับ พะโล้ของที่นี้ถึงจะเรียกว่าพะโล้ อย่างเนื้อสัตว์ก็มีความเป็นชิ้น ๆ ไม่เป็นวิญญาณเนื้อสัตว์แห้ง ๆ” เขาบอกเล่าความแตกต่างของเรือนจำ พลางหัวเราะ

ลีฟบอกว่าเขาใช้ชีวิตในเรือนจำได้ แต่มีความกังวลใหญ่เรื่องเดียว คือเรื่องครอบครัว เนื่องจากแฟนของเขาต้องแบกรับการหาค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเป็นหลัก และยังต้องเลี้ยงลูกเล็ก อายุเพียงขวบเศษด้วย โดยเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้

สุดท้าย เขายังเหลือโทษอีกเกือบ 2 ปี แต่ก็เฝ้ารอวันที่จะได้รับการปล่อยตัว โดยคาดหวังว่าจะได้ลดหย่อนโทษลงบ้าง และหวังว่าเมื่อออกไปแล้ว จะไปช่วยกิจการที่บ้านของแฟน คือธุรกิจเกี่ยวกับการซ่อมรถ และได้ออกไปทำหน้าที่ของพ่อ คือเลี้ยงดูลูกชายที่กำลังเติบโตขึ้น

.

X