เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 ที่เรือนจำกลางเชียงราย ทนายความเข้าเยี่ยม “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายวัย 31 ปี ที่ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 หลังถูกศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกในสามคดีรวมกัน 54 ปี 6 เดือน โดยทุกคดียังอยู่ในระหว่างฎีกา
.
เรือนจำแออัดขึ้น – เปลี่ยนระเบียบเยี่ยมญาติ จากเดือนละครั้ง เป็นอาทิตย์ละครั้ง
บทสนทนาแรก เกี่ยวกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัด ทั้งก่อนช่วงสงกรานต์ ภาคเหนือยังมีปัญหาฝุ่นควันอย่างหนัก บัสบาสบอกว่าทางเรือนจำไม่ได้มีมาตรการพิเศษอะไรในการดูแลในเรื่องนี้ แต่สามารถซื้อหน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าได้ ซึ่งตัดเย็บโดยผู้ต้องขังกันเอง นำมาขายชิ้นละ 20 บาท โดยทราบว่าทางเรือนจำก็ไม่มีงบประมาณในการนำมาแจก
บัสบาสเล่าว่า ในช่วงนี้เรือนจำมีผู้ต้องขังเข้ามาเพิ่มมากขึ้น จากเดิมแดน 1 ที่เขาอยู่ มีผู้ต้องขังประมาณ 250 คน ตอนนี้เพิ่มเป็น 270 คน ในห้องที่เขาถูกขังอยู่ มีข้อความเขียนไว้ที่หน้าห้องว่า “สามารถจุคนได้ 25 คน” แต่ตอนนี้มีจำนวนผู้ต้องขังประมาณ 35 คน ทำให้ต้องนอนในลักษณะไหล่ชนไหล่ ตามจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น
แต่ก็มีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อทราบว่าทางเรือนจำได้เปลี่ยนแปลงระเบียบการเยี่ยมญาติ จากเดิมที่ให้เยี่ยมได้เดือนละหนึ่งครั้ง และเยี่ยมทางไลน์ได้อีกเดือนละครั้ง ตอนนี้มีการประกาศให้เยี่ยมได้อาทิตย์ละครั้งแล้ว โดยแต่ละแดนให้เยี่ยมตามวันที่ทางเรือนจำกำหนด ในแดน 1 ของเขา สามารถญาติสามารถเยี่ยมได้ทุกวันพุธช่วงเช้าและวันพฤหัสบดีตอนบ่าย บัสบาสคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะมีผลมาจากการร่วมกันเรียกร้องสิทธิในการเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา
บัสบาส หันมาบอกเล่าถึงสุขภาพตัวเอง โดยบอกว่าช่วงนี้สบายดี เขากินยาซึมเศร้าตามที่หมอสั่ง โดยรวมปกติ ไม่มีอารมณ์สวิงไปมา
.
ตำรวจไปหาครอบครัวบัสบาสถึงบ้าน ไม่ทราบวัตถุประสงค์แน่ชัด
ในเรื่องทางคดี บัสบาสบอกว่าหลังจากเขาถูกตำรวจจาก บก.ปอท. มาแจ้งข้อหามาตรา 112 เป็นคดีที่ 4 เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2568 และเขายืนยันให้การปฏิเสธข้อหา คดีนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ไม่มีใครมาแจ้งอะไร และอาจต้องไปสู้คดีที่กรุงเทพฯ ด้วย ส่วนคดีอื่น ๆ เขาก็ยังรอคอยคำพิพากษาในชั้นฎีกาอยู่
บัสบาสยังอัปเดตเรื่องที่เขาทราบจากครอบครัวของเขา ว่าเมื่อช่วงวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 5 นาย จาก สภ.พาน ไปหาครอบครัวของเขาที่บ้าน อ้างว่ามาเยี่ยมเฉย ๆ พร้อมกับมีการถ่ายภาพบ้านและครอบครัวของเขาไป เขาไม่ทราบว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงต้องทำเช่นนี้ เพราะเขาก็ติดคุกอยู่แล้ว
ตั้งแต่ถูกจองจำมา 1 ปี เศษ บัสบาสทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านเขารวมแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคมของปี 2567 ครั้งนั้นก็มีการไปไล่สอบถามกับเพื่อนบ้าน ถึงความเป็นอยู่ต่าง ๆ ของบ้านบัสบาส จนถึงปัจจุบันก็ไม่รู้วัตถุประสงค์ว่าเจ้าหน้าที่ต้องการอะไร และใช้อำนาจอะไรในการดำเนินการเช่นนี้
.
รายงาน Freedom House 2025 จัดอันดับไทยเป็นประเทศไม่เสรี กล่าวถึงคดีบัสบาสถูกลงโทษหนักสุด
จากนั้น ได้พูดคุยถึงสถานการณ์ในโลกภายนอก ที่บัสบาสไม่ค่อยทราบข่าวสารมากนัก โดยบอกเล่าให้เขาฟังถึงรายงานการจัดอันดับด้านเสรีภาพของประเทศต่าง ๆ โดยองค์กรชื่อ Freedom House ซึ่งเป็นองค์กรสากลที่ติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพทั่วโลก ได้ออกรายงานปี 2025 จัดอันดับประเทศไทยเป็นประเทศ “ไม่มีเสรีภาพ” ได้คะแนน 34 จาก 100 คะแนน จากปีก่อนหน้านี้ยังเป็นประเทศ “มีเสรีภาพบางส่วน”
ในรายงานปีนี้ได้กล่าวถึงสถานการณ์คดีมาตรา 112 ซึ่งมีการระบุถึงคดีของบัสบาสด้วย ว่ามีการลงโทษข้อหานี้สูงที่สุด คือจำคุกถึง 50 ปี รวมทั้งกล่าวถึงสถานการณ์เกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกล การดำเนินคดีกับอานนท์ นำภา
บัสบาสเห็นว่าเรื่องนี้ น่าจะสะท้อนความสนใจของนานาชาติที่เห็นปัญหาในประเทศไทย ในเรื่องเสรีภาพในไทยยังเป็นเรื่องยากอยู่ ไม่มีพื้นที่ให้ถกเถียงกันอย่างสันติ อาจจะต้องช่วยกันจากหลายฝ่ายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เขาคิดเล่น ๆ ว่าถ้าตัวเองให้คะแนนด้านสิทธิเสรีภาพของไทย น่าจะได้ประมาณ 17 เต็ม 100 เพราะในประเด็นเรื่องผู้มีอำนาจ อาจจะเขียนได้พูดได้แบบอ้อม ๆ อยู่บ้าง และก็เข้าใจกันหมด เพียงแต่เขาเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม เห็นอะไรเป็นปัญหาในสังคม ก็อยากพูดออกมา
นอกจากนั้น บัสบาสยังสนใจอัปเดตเกี่ยวกับคดีมาตรา 112 ที่เกิดขึ้นใหม่ อย่างคดีของ ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกัน ที่ถูกกล่าวหา และตอนแรกไม่ได้รับการประกันตัว ทั้งถูกตำรวจพยายามเพิกถอนวีซ่าอีกด้วย
ส่วนในเรื่องนิรโทษกรรมประชาชนนั้น บัสบาสสอบถามความคืบหน้า โดยในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมสภาเมื่อต้นเดือนเมษายน มีความพยายามนำร่างกฎหมายทั้งหมดที่มีอยู่เข้าพิจารณา พ่วงไปกับกฎหมายธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จนต่อมา มีการนำเรื่องเร่งด่วน อย่างการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ เข้ามาอภิปรายแทน ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจึงยังไม่ได้เข้าสภา คาดว่าจะกลับมาเข้าในสมัยประชุมหน้า ซึ่งบัสบาสอยากให้ช่วยติดตามกันต่อไป
.
ยังได้รับจดหมายจากโลกภายนอก ฝากให้ทุกคนมีความหวัง
สุดท้ายในเรื่องการส่งจดหมายนั้น บัสบาสบอกว่าเขาได้รับจดหมาย 1 ฉบับเมื่อเดือนที่ผ่านมา เป็นข้อความส่งมาให้กำลังใจจากคนที่เขาไม่รู้จัก ซึ่งเขาขอบคุณทุก ๆ คนที่ยังติดตามเรื่องของเขา รวมทั้งส่งจดหมายมา
เขาอัปเดตเรื่องการรับส่งจดหมายว่า ตอนนี้แม้คนที่ส่งเข้ามานั้นไม่ได้เกี่ยวพันเป็นญาติหรือระบุชื่อเยี่ยมเป็น 1 ใน 10 คน ก็ตาม แต่เขาเคยได้รับจดหมายจากคนที่ไม่ได้ระบุชื่อ เช่น จากแคมเปญ Free Ratsadon ของแอมเนสตี้ ทางเรือนจำจะแจ้งให้เขาทราบ และจะให้เขาไปอ่านเนื้อความในจดหมายฉบับนั้น ๆ ในกรณีที่ไม่สามารถส่งจดหมายให้บัสบาสได้ ทางเรือนจำจะแจ้งเหตุผลที่ต้องตีกลับไปหาผู้ส่ง แต่อย่างน้อยเขาก็จะได้รับทราบว่ามีจดหมายส่งมาถึงเขา และเขาก็จะได้อ่านจดหมายฉบับนั้น แม้ไม่สามารถเก็บไว้ได้
บัสบาสยังเชิญชวนให้เพื่อน ๆ ภายนอกเขียนจดหมายมาพูดคุยกันได้เหมือนเดิม แม้เขาจะไม่สามารถเขียนตอบกลับได้
“ผมถูกขังอยู่ข้างใน ยังสู้เหมือนเดิม อยากให้ทุกคนมีความหวัง ถ้าหมดหวังก็จะเสร็จเขา มีความหวังเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ ขอจงมีความหวัง ขอให้ทุกคนที่ต่อสู้อยู่มีสุขภาพแข็งแรง” บัสบาสฝากข้อความถึงโลกภายนอก
.
——————-
สามารถเขียนจดหมายถึงบัสบาส “ฝากถึง มงคล ถิระโคตร แดน 1 เรือนจำกลางเชียงราย เลขที่ 222 หมู่ 3 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 57000” หรือเขียนจดหมายออนไลน์ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล |
.
ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยมบ้านบัสบาส “ก็แค่ยักไหล่แล้วไปต่อ ผมยังหายใจอยู่นี่หน่า”: พาเยี่ยมบ้าน ‘บัสบาส’ ผู้ต้องโทษประวัติศาสตร์คดี ม.112
ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์บัสบาส เสียงเพลงพังก์ ในโลกขบถของ “บัสบาส” ผู้ต่อสู้คดี 112
.