วันที่ 4 มี.ค. 2568 ทนายเข้าเยี่ยม “แม็กกี้” ผู้ต้องขังผู้มีความหลากหลายทางเพศวัย 28 ปี ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เธอถูกคุมขังด้วยคดีมาตรา 112 ในดินแดนที่เพิ่งมีการเสียชีวิตของอดีตนายตำรวจ ผู้ต้องขังคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ที่การเสียชีวิตดังกล่าวยังคงเป็นที่แคลงใจจากหลาย ๆ ฝ่าย
ในระหว่างการเข้าเยี่ยม แม็กกี้ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่มีการย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำอื่นมาที่คลองเปรม ซึ่งทำให้บรรยากาศภายในคึกคักขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงห้องขังเพื่อรองรับจำนวนผู้ต้องขังที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศร้อนจัดกลายเป็นสิ่งที่ผู้ต้องขังทุกคนต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ละวันแม็กกี้พบความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการแต่งหน้าและการสั่งอาหารที่แตกต่างจากอาหารในโรงเลี้ยง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ช่วยให้เธอก้าวข้ามชีวิตอันจำเจได้
การพบกันครั้งนี้แม็กกี้ยังพูดถึงการลงชื่อพบจิตแพทย์ เพื่อจัดการกับภาวะอารมณ์ และพูดถึงปัญหาการเข้าถึงฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการดำรงอัตลักษณ์ทางเพศของเธอ ซึ่งหากไม่ได้รับในช่วงเวลาเหมาะสม อาจส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงและอารมณ์แปรปรวน
_______________________________________________
รอยยิ้มกว้างปรากฏแต่ไกล ร่างของแม็กกี้เดินตรงมาพร้อมประกายตาที่สดใส ทั้งที่คำทักทายยังไม่ทันจบ เสียงบ่นเกี่ยวกับอากาศร้อนก็หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แต้มด้วยลิปสติกสีอ่อน
“ข้างในร้อนจนกินข้าวไม่ลงเลยค่ะ” เธอเอ่ยพลางพัดมือไปมา “กินไปแค่ห้าคำ ก็ร้อนจนไม่หิวแล้ว พอได้ยินเขาขานชื่อ ก็รีบไปเติมแป้งเติมปาก เพื่อเตรียมตัวออกมาเจอ”
วันนี้แม็กกี้ดูมีชีวิตชีวาผิดกับภาพที่คนภายนอกอาจจินตนาการถึงชีวิตในเรือนจำครั้งก่อน ๆ เสียงหัวเราะของเธอผสมปนเปไปกับเสียงสนทนาของผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ที่นั่งเยี่ยมญาติอยู่ข้าง ๆ
“นมเปรี้ยวมิกุ เพิ่งเข้ามาขายที่นี่ค่ะ” แม็กกี้รีบอัพเดทเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น “รสชาติก็โอเคนะคะ น่าจะขายข้างนอกมานานแล้ว แต่ในนี้เพิ่งเอาเข้ามา”
ระหว่างสนทนา แม็กกี้ไม่ลืมที่จะถามข่าวเกี่ยวกับผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกย้ายเรือนจำ เธอฟังด้วยความสนใจเมื่อได้รับข้อมูลว่า “ขจรศักดิ์” ถูกย้ายมาที่เรือนจำคลองเปรมแล้ว แต่ตัวเธอยังไม่ได้พบ อาจเพราะระเบียบการกักตัว 5 วันหลังย้ายเรือนจำ “ที่นี่มีการย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาประมาณสองสัปดาห์แล้วค่ะ” เธอให้ข้อมูลต่อ “เขาย้ายทุกวันจันทร์ ครั้งละ 50 คน ตอนนี้คลองเปรมคึกคักมาก”
ดวงตาของแม็กกี้เป็นประกายขณะพูดถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปในเรือนจำ “ช่วงนี้บรรยากาศคึกคักค่ะแม่ แล้วผู้ชายที่ย้ายมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็งานดี พวกกะเทยกรี๊ดมอง จนบางทีผู้ชายเขาก็ทำหน้าเหมือนกลัวพวกเรา” เธอเล่าพร้อมเสียงหัวเราะในห้องเยี่ยม
ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อการจัดที่พักของผู้ต้องขัง แดน 1 ที่เป็นแดนของกลุ่ม LGBTQ+ ต้องมีการจัดแบ่งห้องใหม่ โชคดีที่แม็กกี้ได้ย้ายไปอยู่ห้องเล็กที่มีผู้ต้องขังเพียง 11 คน จากความจุ 12 คน
“หนูชอบห้องเล็กค่ะ นอนสบาย ไม่ต้องแย่งกันอาบน้ำเหมือนห้องใหญ่” ความพึงพอใจฉายชัดบนใบหน้าของเธอ “ห้องใหญ่เวลาอาบน้ำต้องจำกัดเวลาคนละ 10 นาที ต้องแย่งน้ำกัน แต่ห้องเล็กอาบกี่นาทีก็ได้ น้ำไหลตลอด”
เหมือนโลกภายนอกที่มีเทรนด์อาหารมาใหม่ในแอปพลิเคชั่น X (Twitter เดิม) ในเรือนจำก็เช่นกัน แม็กกี้เล่าถึงมาม่า OK ที่กำลังฮิต ในคลองเปรมด้วยความตื่นเต้น “ก่อนหน้าหนูกดมาแพ็คนึง ได้มาสี่ห่อรสเห็ดทรัฟเฟิล เอามาแกะใส่ภาชนะ แล้วเอาไปกดน้ำร้อนนั่งกิน อร่อยมาก เส้นเขาดีมากค่ะ”
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะวิจารณ์รสชาติ “ตอนมาม่ามีให้สั่งครั้งแรก ขาดตลาดมาก แต่หนูว่ารสชีสไม่ค่อยโอเค มันเลี่ยน แต่ถ้าเป็นรสทรัฟเฟิล รสไข่เค็ม อันนี้ชอบค่ะ”
เช่นเดียวกับทุกครั้งที่พบ แม้อยู่ในเรือนจำ แต่การแต่งหน้าและดูแลตัวเองยังเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแม็กกี้ แน่นอนว่าอากาศร้อนเป็นอุปสรรคสำคัญในการแต่งหน้า “เวลาทาเครื่องสำอางอะไรลงไป จะต้องเอาพัดมาพัดให้เครื่องสำอางแห้ง ๆ ก่อน” เธอยกมือขึ้นทำท่าพัด “แล้วถึงจะทำสเต็ปต่อไปได้ แป้งบูเต้ที่ใช้ก็ชอบเยิ้ม พอเยิ้มก็ต้องซับ แล้วต้องมาเติมอีก มีความวุ่นวายบ้าง บางทีก็เหนื่อย”
เธอหยุดไปนิดก่อนจะยิ้มกว้าง “แต่ก็อดทนเพราะเราอยากสวย” ขณะที่ข้อจำกัดของการอาบน้ำในเรือนจำที่ทำได้เพียงวันละสองครั้ง คือตอนเช้าและก่อนขึ้นห้องนอนในช่วงบ่าย ยิ่งผสานกับสภาพอากาศร้อนสร้างความลำบากให้กับชีวิตประจำวัน “ที่นี่อาบน้ำได้แค่สองครั้ง ระหว่างวันไม่สามารถอาบได้ แม้จะร้อนแค่ไหน”
ในบทสนทนาหลากเรื่องใบหน้าของแม็กกี้เปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อพูดถึงสภาพจิตใจ เธอบอกว่ากินยาตามปกติ แต่ก็มีช่วงที่อารมณ์แกว่งไปมา “บางทีนั่งคุยกับเพื่อนปกติ อยู่ ๆ ก็เกิดกรี๊ดออกมา” เธอเล่า “พอกรี๊ดแล้วรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น เหมือนได้ระบาย มันโล่ง” จากประโยคดังกล่าวแววตาของเธอหม่นลง
“บางทีหนูชอบนั่งเหม่อ เมื่อเดือนที่แล้วตอนฝนตก หนูเอามือไปรองน้ำฝน แล้วเอามาขยี้หัว จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา จนเพื่อนตกใจว่าเป็นอะไร” เธอหยุดไปครู่หนึ่ง “หนูรู้ว่ามันมีอารมณ์เศร้า แต่หยุดไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
แม็กกี้เล่าต่อด้วยเสียงที่เบาลง “บางทีหนูเกิดนั่งเหม่อมองออกไปไกล ๆ ใจมันก็คิดไปว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน มันเหมือนสะสมอะไรหลาย ๆ อย่าง อธิบายไม่ถูก มีช่วงที่ดิ่งไป”
คลื่นอารมณ์ที่ขึ้นลงของแม็กกี้ยังส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง “บางทีมีคนมาถาม เราก็รู้สึกว่าไม่อยากตอบ” น้ำเสียงของเธอเริ่มห่างเหิน “บางทีเราก็ปล่อยผ่านไป ปล่อยใจเหม่อไป แล้วมันจะมีสถานการณ์หนึ่งที่รู้สึกว่าเราจะหงุดหงิด คือ อย่างเรานั่งเหม่ออยู่ แล้วมีคนมาขัดจังหวะถามแบบ ‘ทำอะไร กินข้าวหรือยัง’ คือมันหงุดหงิด ปี๊ดมาก” แต่เธอก็พยายามจัดการกับอารมณ์ “หนูก็พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง ตอบไปแบบส่ง ๆ เพื่อให้มันจบบทสนทนา”
ประเด็นสุขภาพเป็นเรื่องที่แม็กกี้ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องฮอร์โมนและสุขภาพจิต “หนูคิดว่าจะลงชื่อเข้าพบจิตแพทย์อยู่เหมือนกัน” เธอเล่าด้วยความกังวล “ไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้น มันเพราะฮอร์โมนหรือเพราะจิตใจ ถึงหนูจะกินยาฮอร์โมนมาเกือบ 6 เดือนแล้ว แต่ก่อนหน้านี้โดสมันไม่สูงเท่านี้ ตอนนี้ดูเหมือนปรับสูงขึ้น หนูก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหม”
ความกังวลสำคัญอีกประการคือการได้รับยาไม่ต่อเนื่อง ครั้งก่อนยาเข้าไปช้า ทำให้แม็กกี้ไม่ได้กินยาประมาณหนึ่งเดือน ส่งผลกระทบต่อร่างกาย “ที่นี่ไม่สามารถสั่งยาล่วงหน้าได้” เธออธิบาย “หมอจะเช็คว่าผู้ต้องขังคนไหนจะครบรอบสามเดือนเมื่อไหร่ แล้วถึงจะมีใบสั่งยามา อีกอย่างหมอที่จะจ่ายยามีแค่คนเดียว แล้วกะเทยในคลองเปรมก็เยอะมาก หมอคงใช้เวลาพอสมควร”
เมื่อถูกถามว่าถ้าได้ยาไม่ทันจะทำอย่างไร แม็กกี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแปลกพร่า “ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันค่ะ”
จนถึงปัจจุบัน (10 มี.ค. 2568) แม็กกี้ถูกคุมขังมาแล้วรวม 506 วัน หรือราว 1 ปี 4 เดือนเศษ โดยเธอถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 25 ปี จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ คดีของแม็กกี้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ยังคงถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม
.
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
“แม็กกี้”: ความงาม เครื่องสำอาง และความไม่แน่นอนในเรือนจำ
“แม็กกี้”: สิบปีแห่งคิดถึง หนึ่งวันแห่งอ้อมกอด เมื่อแม่-ลูกได้พบกันในวันเยี่ยมใกล้ชิด