ท่ามกลางกิจวัตรอันซ้ำเดิมในเรือนจำกลางคลองเปรม ของ “แม็กกี้” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่ถูกคุมขังมา 1 ปี กับ 2 เดือนกว่า ๆ ในวันที่ 10 ม.ค. 2568 ก็มีเรื่องราวอันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับเธอ ในกิจกรรมเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดซึ่งทางเรือนจำจัดขึ้น เป็นวันที่แม็กกี้กับแม่ ที่ไม่ได้พบกันนานนับสิบปี ได้มาเจอกันอีกครั้ง รวมถึงการได้พบญาติและเพื่อนสนิท รวมถึงทนายความ ในแบบที่ไม่ต้องผ่านกระจกห้องเยี่ยม
__________________
ตั้งแต่ก้าวแรกสู่เรือนจำกลางคลองเปรม กิจกรรมเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิด มีคนมารอพบแม็กกี้จำนวน 5 คน ประกอบด้วยทนายความ แม่ของแม็กกี้ที่เดินทางมาจากจังหวัดยโสธร พร้อมญาติอีกสองคน และเพื่อนสนิทแม็กกี้อีกหนึ่งคน
ทุกคนต้องผ่านขั้นตอนการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ‘ถอด’ เป็นกฎข้อแรกที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ต่างหู แหวน พระเครื่อง กำไลหินมงคล รวมไปถึงรองเท้าและถุงเท้า ที่ถูกแทนที่ด้วยรองเท้าแตะฟองน้ำที่ทางเรือนจำจัดเตรียมไว้ให้ ที่แขนซ้ายของผู้เยี่ยมทุกคนถูกประทับด้วยตราปั๊มรูปครุฑของกรมราชทัณฑ์ เสมือนใบผ่านทางสำหรับการเยี่ยมญาติใกล้ชิด
การตรวจร่างกายดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ผู้เยี่ยมถูกแบ่งแยกตามเพศ โดยฝั่งชายมีเจ้าหน้าที่ชายเป็นผู้ตรวจ และฝั่งหญิงมีเจ้าหน้าที่หญิงเป็นผู้ตรวจ เป็นมาตรการความปลอดภัยขั้นสุดท้ายก่อนที่ประตูสู่โลกภายในเรือนจำจะเปิดออก
เบื้องหน้าคือลานโล่งกว้าง ทางเดินถูกกั้นด้วยรั้วตะแกรงเป็นช่องแคบ ทอดยาวไปสู่อาคารสำหรับการเยี่ยมญาติ ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่ยืนประจำการเป็นระยะ และที่ปลายทางมีกลุ่มเจ้าหน้าที่ราวสิบกว่าชีวิต พร้อมผู้ช่วยในชุดเหลืองคอยควบคุมดูแลความเรียบร้อย
เมื่อถึงภายในอาคารเยี่ยมญาติ โต๊ะทรงกลมแบบจีนถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาสอบถามชื่อผู้ต้องขังและลำดับการเยี่ยม ก่อนจะนำแม็กกี้ออกมาพบกับหน้ากัน สองชั่วโมงที่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมใกล้ชิดเริ่มนับถอยหลัง ท่ามกลางการจับตาดูของเจ้าหน้าที่โดยรอบ
เวลาแห่งการรอคอยสิ้นสุดลง เมื่อแม็กกี้เห็นแม่ก้าวเข้ามาในห้องเยี่ยม ทั้งสองโผเข้าหากันด้วยความคิดถึงที่สั่งสมมานาน น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งคู่ สิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่แม็กกี้จากบ้านไป นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ลูกได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“ขอผูกข้อมือให้ลูกหน่อย” แม่ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ถือฝ้ายผูกแขนเข้ามา ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวอีสานในการเรียกขวัญ ขณะที่ผูกฝ้าย แม่พร่ำคำอวยพรให้ลูก แม็กกี้ยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มแรกที่ได้เห็นในวันนี้
กระทั่งได้นั่งใกล้ ๆ กัน จึงสังเกตเห็นว่าวันนี้แม็กกี้แต่งหน้าสวยด้วยโทนสีชมพูอ่อน ๆ ทั้งอายแชโดว์และอายไลน์เนอร์ เธอกระซิบบอกว่าตั้งใจแต่งหน้าสดใสเป็นพิเศษเพื่อต้อนรับการเยี่ยมครั้งนี้ ผิวของแม็กกี้ขาวผ่องกว่าที่เคยเห็นผ่านกระจกห้องเยี่ยมปกติ เมื่อได้รับคำชม เธอยิ้มกว้างด้วยความเขินอาย
บทสนทนาระหว่างแม่ลูกดำเนินไปในภาษาถิ่น เสียงแม่แผ่วเบาเมื่อพูดถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของลูก ทุกคนจึงปล่อยให้ทั้งคู่ได้มีเวลาพูดคุยกันอย่างเต็มที่
กระทั่งถึงจังหวะที่เหมาะสม ทนายจึงสอบถามถึง Domimail ที่แม็กกี้เคยส่งมา เล่าถึงความรู้สึกเหงาและเศร้าใจ
“ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา หนูคิดว่าทุกคนหายไปหมด ไม่มีการติดต่อเข้ามาเลย” แม็กกี้เล่าถึงความรู้สึกช่วงที่ผ่านมา “พอเห็นคนอื่นได้รับการติดต่อว่าจะมีญาติมาเยี่ยมใกล้ชิด แต่หนูไม่มี ก็ยิ่งเศร้า” เธอเล่าต่อว่าเมื่อวานที่มีการประกาศรายชื่อผู้ต้องขังที่จะได้เยี่ยมใกล้ชิด ตอนแรกไม่ได้สนใจฟัง แต่พอได้ยินชื่อตัวเอง ก็ดีใจมาก ไม่คิดว่าจะได้เจอแม่และทุกคนในวันนี้
กับบทสนทนาอื่น ๆ แม็กกี้ยังได้เล่าถึงชีวิตในเรือนจำ ทั้งเรื่องผลตรวจเลือดล่าสุดที่พบว่าค่าฮอร์โมนต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้หมอต้องปรับเพิ่มขนาดยาแอนโดรคัวร์จากครึ่งเม็ดเป็นหนึ่งเม็ดทั้งเช้าและเย็น ก่อนเล่าถึงช่วงนี้ที่สภาพอากาศค่อนข้างหนาวเย็น แต่ในเรือนจำยังเคร่งครัดกฎระเบียบเรื่องการใส่เสื้อผ้าของผู้ต้องขัง “หนูก็งงเพราะว่าเจ้าหน้าที่ก็ใส่เสื้อแขนยาว แต่ผู้ต้องขังใส่ไม่ได้” แม็กกี้ระบายความรู้สึกไว้อีกตอน
แม้จะมีเรื่องให้กังวล แต่โดยรวมของวันนี้ใบหน้าของแม็กกี้ปรากฏรอยยิ้มเสียเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งเมื่อเล่าถึงอาหารพิเศษช่วงปีใหม่ ทั้งไก่ทอด เป็ดย่าง และโรตี ที่แม้จะไม่ได้แตกต่างจากเมนูปกติมากนัก แต่มันก็เป็นเรื่องพิเศษเสมอสำหรับคนใช้ชีวิตในเรือนจำ ที่ไม่สามารถไปเดินเข้าร้านอาหารที่อยากกินได้
ก่อนจากกัน แม็กกี้กล่าวขอบคุณที่ช่วยประสานให้ได้พบแม่ และฝากความระลึกถึง Freedom Bridge ทีมทนายความ รวมถึงกองทุนที่ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายและค่าเดินทางให้แม่ของเธอ สองชั่วโมงแห่งการพบกันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความอบอุ่นและความหวังที่ได้รับในวันนี้ จะยังคงอยู่กับทุกคนต่อไป
จนถึงปัจจุบัน (16 ม.ค. 2568) แม็กกี้ถูกคุมขังทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 453 วัน หรือ 1 ปี 2 เดือน กับ 28 วัน จากโทษจำคุกของศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นเวลา 25 ปี จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ โดยคดีของแม็กกี้สิ้นสุดลงแล้ว
.
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
บันทึกเยี่ยม “แม็กกี้”: ในห้วงเวลาแห่งความเบื่อหน่าย จดหมายจากภายนอกช่วยปลอบประโลมใจให้ความหวัง