เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 ทนายความเดินทางไปเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อเข้าเยี่ยม “แม็กกี้” ผู้ต้องขังคดี 112 จากกรณีถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ แม็กกี้ถูกจับกุมตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. 2566 โดยไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างพิจารณาคดี
กระทั่งวันที่ 14 มี.ค. 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 50 ปี แต่ด้วยเพราะรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 25 ปี ไม่รอลงอาญา เป็นผลให้แม็กกี้ยังคงถูกคุมขังต่อไป ก่อนจะถูกย้ายตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากได้รับโทษจำคุกเกิน 15 ปี
พบกันครั้งนี้แม็กกี้ ผู้ต้องขัง LGBTQ+ พูดถึงชีวิตในเรือนจำที่กิจวัตรค่อนข้างซ้ำเดิม การถูกริบอุปกรณ์ทำอาหารที่ทำให้ตั้งข้อสงสัยถึงระเบียบอันไม่แน่นอนของเรือนจำ รวมไปถึงการได้เห็นผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวตาม พ.ร.ฏ.อภัยโทษ ก็ทำให้แม็กกี้คิดถึงการได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกเหมือนกัน
ในสภาวะทางอารมณ์ที่ซับซ้อน บางขณะที่คล้ายจะสิ้นหวัง แม็กกี้ยังได้รับสิ่งปลอบประโลมใจ ที่เธออาจได้พบกับแม่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยแม่กำลังจะเดินทางมาเยี่ยมจาก จ.ยโสธร นอกจากนี้กำลังใจจากจดหมายที่ส่งเข้ามาในเรือนจำ ก็ทำให้แม็กกี้มีความหวังกับการต่อสู้กับสภาวะความเบื่อหน่ายและท้อแท้ได้บ้าง
______________________
ต่างออกไปจากที่เจอกันในทุกครั้ง แม็กกี้ปรากฏตัวด้วยใบหน้าซีดเซียว ไร้เครื่องสำอาง แต่ยังคงประคับประคองรอยยิ้มเอาไว้ หลังกล่าวทักทายเล็กน้อย
ทนายย้อนถามถึงเนื้อความใน domimail ที่แม็กกี้ส่งหาช่วงวันลอยกระทง (15 พ.ย. 2567) วันนั้นเธอเกิดความรู้สึกเคว้ง ก่อนอธิบายทันทีว่ารู้สึกเบื่อ ท้อ และเหนื่อยแล้ว เป็นปีที่ 2 แล้วที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมลอยกระทง เพราะอยากลอยสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตบ้าง นอกจากนี้ในแดน 1 ที่คลองเปรมยังเงียบงัน ไม่มีกิจกรรมอะไร ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
ทนายแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานะผู้ต้องขัง หลังสอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ความว่า ด้วยโทษของแม็กกี้ที่ค่อนข้างสูง ทั้งปัจจุบันอยู่ในลำดับชั้นนักโทษชั้นกลาง จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้วันลดโทษ พักโทษ หรือ อภัยโทษใด ๆ เมื่อได้ฟังข้อมูลดังกล่าวแววตาเธอดูเหม่อลอยลง
การสนทนาจึงหันไปที่ความเป็นไปของประเด็นนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ที่ปัจจุบันยังมีการถกเถียงว่าการนิรโทษกรรมจะรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ ทั้งมีเพียงพรรคประชาชนที่พยายามผลักดันให้นิรโทษกรรมรวมคดี 112 ซึ่งเป็นคดีทางการเมืองที่รวมปมความขัดแย้งหลาย ๆ อย่างอยู่ด้วย โดยคาดว่าร่างกฎหมายจะเข้าสภาฯ เพื่อโหวตอีกทีในช่วงต้นปีหน้า หลังจากแม็กกี้ฟังก็สะท้อนกลับว่า “ความหวังมันดูริบหรี่จังแม่ มันจะเป็นไปได้ไหม หนูยังมีหวังหรือเปล่า”
ท่ามกลางความหดหู่ ก็มีประกายหวังเล็ก ๆ ทนายแจ้งว่าในช่วงปีใหม่หลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ แม่ที่อยู่ จ.ยโสธร จะติดรถญาติ ๆ เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมแม็กกี้ หากได้เจอกันจะเป็นการแม่ครั้งแรกในรอบหลายปี
เธอฝากแจ้งกับแม่ ให้นำสำเนาทะเบียนบ้านหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับความเป็นญาติหรือพ่อแม่ผู้ต้องขังติดมือมาด้วย เพราะแต่เดิมแม็กกี้ไม่ได้ใส่ชื่อคนในครอบครัวไว้ในรายชื่อญาติเยี่ยม ซึ่งกว่าจะครบรอบที่เอกสารจะให้เพิ่มชื่อเข้ามา อาจจะนานเกินกว่าวันเวลาที่แม่จะเดินทางมาในช่วงปีใหม่นี้
จากนั้นเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในเรือนจำ นับตั้งแต่เปลี่ยนผู้บริหาร ระเบียบต่าง ๆ ดูเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอุปกรณ์ทำครัว แต่เดิมจะมีการดัดแปลงนำช้อนมาฝน แล้วทำเป็นมีดเล็ก ๆ ไว้สำหรับทำอาหาร ตอนนี้มีหน่วยจู่โจมเข้ามาและยึดอุปกรณ์ทำครัวไปทั้งหมด
เหตุดังกล่าวแม็กกี้ตั้งคำถามว่าหากไม่สามารถมีอุปกรณ์ทำครัวได้ ทำไมจึงยังมีวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารเช่น ไข่ดิบ แตงโม มะละกอ แตงกวา หรือวัตถุดิบอาหารที่ต้องใช้ประกอบอาหาร แต่พอเรือนจำเอาเครื่องครัวออกไป แล้วไม่เอาเมนูเหล่านี้ออก เวลาญาติสั่งซื้อให้ผู้ต้องขัง ผู้ต้องขังก็ทำกินเองไม่ได้ อย่างวันนี้แม็กกี้ได้รับแตงโม เมื่อไม่มีอุปกรณ์ครัว เธอบอกว่าไม่รู้ว่าจะกินยังไง
“หนูอาจจะต้องเอาแตงโม ทุบใส่ขอบโต๊ะ เพื่อที่จะได้กินเนื้อข้างในได้” เธอบอกไว้อีกตอน
แม็กกี้เล่าว่าช่วงที่ผ่านมาได้รับจดหมายที่ส่งมาจากข้างนอกเรือนจำนับได้ 10 กว่าฉบับ เนื้อความข้างในเป็นการให้กำลังใจ บอกให้สู้ ๆ ให้คนข้างในกินให้ได้ นอนให้หลับ คนข้างนอกเป็นกำลังใจให้ พอได้อ่านเนื้อความก็ทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้น จากที่ท้อก็ทำให้มีความหวัง มีแรงที่จะสู้ต่อ
ในระหว่างที่เข้าเยี่ยมครั้งนี้ บรรยากาศที่เรือนจำคลองเปรม ยังมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับอภัยโทษชุดสุดท้าย แม็กกี้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “พอเห็นคนอื่นได้ปล่อยตัว หนูก็อยากได้รับการปล่อยตัวด้วย”
ก่อนจากกันบทสนทนาจึงพูดคุยเรื่องชีวิตประจำวัน ช่วงนี้แม็กกี้ไม่ได้อ่านนิยายแล้ว ย้ำถึงความเบื่อสภาพแวดล้อม ส่วนเหตุผลวันนี้ที่ไม่ได้แต่งหน้าเพราะรู้สึกว่า เหนื่อย อีกทั้งข้างในนี้อากาศร้อนมาก พอแต่งออกมามันก็เยิ้ม รู้สึกไม่สวย
ก่อนจบการพูดคุยว่าตอนนี้เวลาขึ้นห้องนอนก็จะดูละคร “แม่หยัว” นอกจากละครก็มีเรื่องอาหารที่ทำให้มีความสุขบ้าง ในช่วงที่ไม่สามารถทำกับข้าวกินได้เอง ยังพอมีเมนูใหม่ ๆ เข้ามาให้เลือกสั่งได้
ปัจจุบัน (26 พ.ย. 2567) แม็กกี้ถูกคุมขังทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 402 วัน หรือ 1 ปี 1 เดือน กับ 7 วัน
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
บันทึกเยี่ยม 6 ผู้ต้องขังคดี ‘112’: ต่างมีคนที่รออยู่ หวังว่าคงได้ออกไปพบกันอีก