“แม็กกี้”: ความงาม เครื่องสำอาง และความไม่แน่นอนในเรือนจำ

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “แม็กกี้” ผู้ต้องขังคดี 112 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ช่วงที่ผ่านมาเธอยังคงพยายามรักษาตัวตนและความหวังเอาไว้ผ่านสิ่งเล็กๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอางที่แต้มแต่งบนใบหน้าไม่เพียงสะท้อนความงามภายนอก แต่ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เข้มแข็ง 

การได้ทานยาฮอร์โมนอย่างต่อเนื่องช่วยประคับประคองทั้งร่างกายและจิตใจให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แม้จะต้องเผชิญกับผลข้างเคียงที่ทำให้อารมณ์แปรปรวน

นอกจากนี้ การทุ่มเทเข้าร่วมทุกกิจกรรมที่เรือนจำจัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ่อมรถ ทำกาแฟ หรือประดิษฐ์ไม้กวาดจากขวดพลาสติก ไม่เพียงช่วยให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้น แต่ยังเป็นการเพิ่มพูนทักษะและสร้างความหวังสำหรับชีวิตในอนาคต 

ทุกกิจกรรมกลายเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่พาเธอก้าวผ่านความไม่แน่นอนและรอคอยวันที่จะได้กลับสู่อิสรภาพ แม้จะยังมองไม่เห็นจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน

__________________________________

เสียงเรียกญาติเยี่ยมดังขึ้นในยามเที่ยง แม็กกี้ก้าวออกมาพบกันด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนส้ม ขนตายาวงอนราวกับเพิ่งผ่านการต่อมาใหม่

“หน้าหนาวนี่มีกำลังใจแต่งหน้านะ ไม่เหมือนหน้าร้อน” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มจริตจะกร้าน “เครื่องสำอางติดทนไม่เยิ้มเลย” 

แต่ภายใต้ความสดใสนั้น แม็กกี้กำลังต่อสู้กับความไม่แน่นอนของชีวิตในกำแพง ขณะที่เพื่อนผู้ต้องขังทยอยได้รับอิสรภาพ เธอยังมองไม่เห็นจุดหมายปลายทางของตัวเอง “เวลาเพื่อนได้กลับบ้าน เราดีใจด้วยนะ แต่พอมองกลับมาที่ตัวเอง…” น้ำเสียงแผ่วลง

ปัจจุบันชีวิตในเรือนจำของแม็กกี้ ผู้ต้องขัง LGBTQ+ ดำเนินไปท่ามกลางการทานฮอร์โมนที่ทำให้อารมณ์แกว่ง และความกังวลเรื่องสุขภาพ ทนายพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องยาฮอร์โมนและยา โดยเธอจะกินต่อเนื่องต่อไป

แม็กกี้เล่าถึงผลกระทบการใช้ฮอร์โมนว่า ตอนอยู่ข้างนอกขณะที่กินยาไปได้สักพักจะเริ่มมีก้อนแข็ง ๆ ที่หน้าอก แต่ถ้าหยุดไป ก้อนแข็ง ๆ นั้น ก็จะเริ่มหายไป ปัจจุบันที่กินยาฮอร์โมนนี้ ก็เริ่มรู้สึกเจ็บ ๆ ตรงหน้าอก น่าจะเกิดจากการที่ฮอร์โมนจะไปสร้างหน้าอก ทั้งนี้แพทย์บอกว่าเป็นไปได้ที่จะมีอาการเจ็บหน้าอกเพราะว่าตัวยาที่กินไปเป็นการเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง

ทุกวันนี้แม็กกี้ยังพยายามฝ่าฟันชีวิตข้างในด้วยการเข้าร่วมทุกกิจกรรมที่เรือนจำจัด ทั้งอบรมซ่อมรถ ทำกาแฟ และทำไม้กวาดจากขวดพลาสติก “ทำอะไรได้ หนูทำหมด” เธอว่า “จะได้รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วขึ้น”

แม็กกี้เล่าถึงคืนที่ลมพิษปะทุขึ้นทั่วร่าง ผิวขาวของเธอกลายเป็นดวงแดงระเรื่อ แสบร้อนราวถูกไฟลวก เพื่อนในแดนช่วยทาคาราไมน์จนตัวขาวโพลน แต่อาการไม่ดีขึ้น เธอขอเจ้าหน้าที่ออกไปพบแพทย์ด้วยความกังวลว่าอาจแพ้ยารุนแรง แต่ได้รับคำตอบว่า “ให้รอ” เพราะช่วงนี้ผู้ต้องขังหลายคนมีอาการคล้ายกัน

“ถ้าอยู่ข้างนอก เราคงรีบไปหาหมอได้” เธอนึกเปรียบเทียบ “แต่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่อาการปางตาย ก็ต้องรอ… แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ถ้าถึงขั้นปางตาย จะทันรักษาชีวิตเราไหม”

เช้าวันรุ่งขึ้น เธอได้พบคนที่อาจเป็นหมอหรือผู้ช่วยพยาบาล โชคดีที่ไม่มีอาการอื่นร่วม แต่ประสบการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นถึงข้อจำกัดของชีวิตหลังกำแพง ที่แม้แต่ความเจ็บป่วยก็ต้องรอเวลา

ขณะที่ช่วงนี้อากาศข้างในเริ่มหนาวอีกรอบ ก็ได้เสื้อแขนยาวที่ถูกส่งเข้ามาเลยพอกันหนาวบ้าง แล้วที่นี่ก็ให้ใส่เสื้อกันหนาวอยู่  แม็กกี้ทิ้งท้ายบทสนทนาครั้งนี้ว่า ชอบหน้าหนาวนะ เพราะมันมีกำลังใจในการแต่งหน้า ไม่เหมือนหน้าร้อน  “หน้าร้อนหนูไม่อยากแต่งหน้า ไม่อยากทำอะไร แล้วอารมณ์มันจะนอย ๆ หน่อย แต่หน้าหนาวพอแต่งหน้าแล้วหน้าไม่เยิ้ม ไม่มัน เครื่องสำอางติดอยู่ได้นานเลย”

จนถึงปัจจุบัน (10 ก.พ. 2568) แม็กกี้ถูกคุมขังมาแล้วรวม 478 วัน หรือราว 1 ปี 3 เดือนเศษ โดยเธอถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 25 ปี จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ คดีของแม็กกี้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ยังคงถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม

________________

.

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง 

“แม็กกี้”: สิบปีแห่งคิดถึง หนึ่งวันแห่งอ้อมกอด เมื่อแม่-ลูกได้พบกันในวันเยี่ยมใกล้ชิด

ปี 2567 ของ “แม็กกี้”: เป็นปีที่ไม่มีความสุข คิดถึงข้างนอกตลอดเวลา การปรับตัวเพื่อมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

จำคุก “แม็กกี้” 50 ปี คดี ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ กรณีทวีต 18 ข้อความเมื่อปี 65-66 รับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 25 ปี

ดู  รายชื่อผู้ต้องขังทางการเมือง 2568

X