“พรชัย” สะท้อนปัญหาอาหารไม่มีคุณภาพในเรือนจำ–ไม่เห็นด้วยกับการใช้ ม.112 มาข่มขู่เรื่องส่วนตัว

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม พรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ เขาถูกคุมขังตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้จำคุก 12 ปี จากการถูกฟ้องว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ มาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567 รวมเป็นระยะเวลาเกือบ 10 เดือนแล้ว โดยคดีของพรชัยสิ้นสุดลงแล้ว

.

คุณภาพ-ปริมาณอาหารและน้ำไม่ดี ถูกบีบให้ต้องซื้อ

ในการเยี่ยมครั้งนี้ พรชัยดูร่างกายผอมลงจากช่วงก่อนสิ้นปี 2567 อย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มเล่าถึงสภาพปัญหาของอาหารในเรือนจำว่าไม่เพียงพอต่อนักโทษ อาหารปริมาณน้อยและไม่มีคุณภาพ สภาพอาหารที่วางแสดงให้ญาติเห็นหน้าเรือนจำแตกต่างกับที่เขาได้ทานจริง ๆ โดยข้าวก็ได้ปริมาณน้อยมาก กับข้าวก็แทบจะไม่มีเนื้อสัตว์ให้ทาน มีแต่กระดูก โครงไก่ และน้ำแกงก็คล้ายจะเป็นน้ำเปล่า สารอาหารไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต รสชาติก็แย่มาก แม้ว่าจะเป็นสิทธิพื้นฐานของนักโทษก็ตาม

พรชัยไม่สามารถทานอาหารที่เรือนจำจัดมาให้และจะต้องไปต่อแถวซื้ออาหารที่ร้านสวัสดิการที่มีราคาแพงและต่อแถวนานมากกว่าจะได้ บางครั้งก็ต่อแถวซื้อไม่ทันจนหมดเวลา จนเขาตั้งข้อสังเกตว่าการที่เรือนจำจัดอาหารให้แก่ผู้ต้องขังแบบนี้ เสมือนบีบบังคับให้ซื้ออาหารที่ร้านของเรือนจำมากกว่า แทนที่เขาจะสามารถทานอาหารของเรือนจำได้อิ่มท้อง

เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องคือน้ำในเรือนจำไม่สะอาด โดยน้ำสำหรับกินกับน้ำสำหรับใช้ เป็นน้ำจากแหล่งเดียวกัน แต่ไม่มีการกรองน้ำให้สะอาดก่อนนำมาให้ผู้ต้องขังบริโภค พรชัยเคยลองกรอกน้ำกินลงในขวดใส พบว่าขุ่นและมีตะกอนเยอะมาก ไม่สามารถกินได้ ทำให้จะต้องซื้อน้ำบรรจุขวดจากร้านค้าสวัสดิการวันละ 1-2 ขวด จึงมีค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องซื้ออาหารและน้ำขวดในเดือนหนึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว

 .

อยากให้เห็นปัญหาการใช้ ม.112 และนำไปแก้ไขกฎหมายให้สำเร็จ

พรชัยรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับกรณี “แสตมป์ อภิวัชร์” ศิลปินที่มีข่าวว่าถูกนำ ม.112 มาข่มขู่ เขาเห็นว่าเป็นกระแสสังคมหนึ่งที่จะทำให้ผู้มีอำนาจในพรรครัฐบาลเห็นปัญหาของการใช้ ม.112 ในการเอื้อผลประโยชน์ในการเอาชนะอีกฝ่าย ด้วยการใช้กฎหมายแบบนี้

“ม.112 มีปัญหามาก โดยเฉพาะการนำมาใช้เพื่อกลั่นแกล้งคนที่เห็นต่างทางการเมือง และเมื่อมีกระแสทางสังคมแข็งแรงเพียงพอ ก็จะทำให้เกิดการแก้ไขประมวลกฎหมายนี้”  พรชัยกล่าว

ในฐานะที่พรชัยถูกคนทั่วไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหานี้ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่และยะลา เขาเห็นว่า ม.112 เป็นช่องว่างที่ทำให้บุคคลที่มีความเห็นแตกต่างกันนำเรื่องส่วนตัว ความแค้นส่วนตัวมาใช้เอาชนะกัน โดยการนำ ม.112 มาใช้ข่มขู่กัน ซึ่งเป็นการดึงสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวกับข้อพิพาทส่วนตัว เพื่อหวังผลประโยชน์ของตนเอง เป็นการลดทอนคุณค่าของสถาบันฯ มาใช้ในการข่มเหงผู้อื่น

พรชัยไม่เห็นด้วยกับการใช้ ม.112 ในลักษณะนี้ และคิดว่าควรแก้ไขช่องว่างเหล่านี้ ก่อนที่ ม.112 จะถูกเอามาใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวไปมากกว่านี้ และจะทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบในทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ประชาชนรับรู้ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ ม.112 มาพอสมควรแล้ว ชาวบ้านก็ให้ความสนใจต่อปัญหาการใช้ ม.112 เพราะมีการดำเนินคดีจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง

.

ทบทวนตัวเองในช่วงที่ผ่านมา พร้อมให้อภัยทุกคน

พรชัยเล่าต่อไปว่าหลังถูกขังมานาน 9 เดือนกว่า ถ้ารวมขังระหว่างพิจารณาคดีก่อนหน้านี้ก็รวม 11 เดือนแล้ว เขาได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและคิดได้ว่าตอนนี้เขาไม่รู้สึกกลัวแล้ว ที่ผ่านมาเขาเฝ้าถามตัวเองมาว่าการที่เขาต้องถูกจำคุกอยู่นี้มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด โดยตัวพรชัยเองไม่ได้มีบทบาทอะไรที่จะถึงขนาดเป็นภัยต่อความมั่นคงตามที่ถูกกล่าวหา หรือถึงขั้นที่ว่าจะกระด้างกระเดื่อง หรือมีอำนาจที่จะล้มล้างการปกครอง ทุกวันนี้เขาหาข้อสรุปไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงถูกขังอยู่ที่นี่

พรชัยมักจะบอกตัวเองว่า สิ่งที่เขาพูดหรือทำมาจากประสบการณ์จากการดำเนินชีวิต การรับรู้ข่าวสารมาเท่านั้น และเขาก็เข้าใจแล้วว่าประชาธิปไตยในไทยนี้ไม่ใช่ของจริง แต่มีเพียงแค่ครึ่งใบเท่านั้น เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่อาชญากร แต่กลับถูกจองจำอยู่ที่นี่ เป็นความเจ็บปวดอย่างมากที่จะต้องยกโทษให้ตัวเอง ทั้ง ๆ  ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และยังต้องยกโทษให้คนที่ดำเนินคดีกับเราอีก 

“ผมยกโทษให้คนที่แจ้งความดำเนินคดีกับผม ผมปรารถนาให้อภัยกับทุกคน ไม่มีความโกรธเคือง แต่มีความหวังว่าอย่าให้ต้องมีใครถูกดำเนินคดี ม.112 แบบผมอีก” 

“การถูกดำเนินคดีครั้งนี้ไม่ได้สร้างความกลัวให้ผมแล้ว ยิ่งถูกขังนานผมยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยังหวังจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างอิสระ และหวังว่าจะไม่มีใครจะต้องมาถูกดำเนินคดี ม.112 แบบผมอีก” พรชัยกล่าว

.

ยังมีความหวังเห็นประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ – ชวนไปเลือกตั้ง อบจ.

พรชัยกล่าวว่าเขารักษาความเข้มแข็งแม้จะถูกจองจำไว้ได้เพราะเข้าใจว่า เจตนาของการใช้กระบวนการยุติธรรมก็เพื่อให้เขาลืมอุดมการณ์ แต่สิ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจคือความอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อยากเห็นประเทศไทยมีความเท่าเทียม อยากเห็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง

แม้ร่างกายพรชัยจะถูกจองจำ แต่ก็ไม่สามารถจองจำอิสระทางความคิดของเขา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยยอมรับว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน เพราะมาจากการยึดอำนาจ เขายังอยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง 

หากเขาอยู่ด้านนอกเรือนจำ คงจะออกมาต่อสู้เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพราะตราบใดที่รัฐธรรมนูญยังถูกเขียนแบบฉบับปี 2560 ปัญหาทุกอย่างก็ยังคงอยู่เช่นเดิม พรชัยบอกตัวเองเสมอว่าสักวันจะได้ออกไปข้างนอกโดยใช้แรงใจในความอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ และแรงปรารถนานั้นยังผลักดันอยู่ในใจเสมอ

“ผมใฝ่ฝันถึงพื้นที่ที่จะแสดงออกได้อย่างเปิดกว้างและเป็นพื้นที่ของทุกคน” พรชัยกล่าว

พรชัยมองว่าการเลือกตั้ง อบจ. ที่ใกล้จะถึงในวันที่ 1 ก.พ. 2568 นี้ เป็นก้าวสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในสังคม ในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม สิ่งแวดล้อม การเลือกตั้งจึงจะต้องเลือกคนให้ดี เลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ และคนที่ตั้งใจจะเข้ามาทำงานเพื่อชุมชนจริง ๆ  อยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสำคัญครั้งนี้

 .

ย้อนอ่านเรื่องราวชีวิตของพรชัย การต่อสู้ของ “พรชัย”: จากคนบนดอย คนจร พ่อค้า ผู้ชุมนุม และผู้ถูกดำเนินคดี ม.112

.

X