Human in Court
คุณอยากจะติดตามสถานการณ์ของผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองอยู่หรือเปล่า ?
หรือคุณกำลังเป็นคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในห้องพิจารณาคดี แต่กังวลว่าจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย
ทักษะการสังเกตการณ์คดีจะช่วยคุณได้!
.
การสังเกตการณ์คดีเกิดขึ้นเมื่อไหร่
หลักการสังเกตการณ์คดี (Trial Observation) เกิดขึ้นในช่วงสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากผลพวงของการไต่สวนคดีของศาลนูเร็มเบิร์ก (Nuremberg Tribunal) ที่เป็นการพิจารณาคดีทางทหาร จัดขึ้นโดยฝ่ายสัมพันธมิตร หรือผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1945 – 1949 โดยมีจำเลยเป็นฝ่ายอักษะ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของพรรคนาซี และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว โดยทั้งหมดเป็นชาวเยอรมนี ที่ถูกฟ้องในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อสันติภาพ และมวลมนุษยชาติ และการพิจารณาคดีดังกล่าวยังเป็นการพิจารณาที่ถือว่ามีความเฉพาะ ซึ่ง เจฟฟรีย์ ลอว์เรนซ์ ประธานศาลนูเร็มเบิร์กในขณะนั้น ได้เคยเรียกว่าเป็นการพิจารณาคดีที่จะบันทึกประวัติศาสตร์ของหลักนิติศาสตร์โลก และมีความสำคัญอย่างสูงสุดต่อผู้คนอีกนับล้านคนทั่วโลก
ก่อนที่จะมาเป็นหลักการสังเกตการณ์คดี ผลพวงจากการไต่สวนคดีดังกล่าว ได้ทำให้คณะกรรมการกฎหมายสากลแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Law Commission) ได้กำหนดหลักการให้บุคคลที่ถูกดำเนินคดีในความผิดอาญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ซึ่งสิทธิดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยคุ้มครองสิทธิของจำเลยและผู้เสียหายเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักประกันให้เกิดการบริหารกระบวนการยุติธรรมอย่างเหมาะสมของศาลได้อีกด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ.1952 คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (International Commission of Jurists) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเข้าสังเกตการณ์คดีทั่วทุกภูมิภาคของโลก โดยมีการส่งตัวแทนขององค์กรไปสังเกตการณ์ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในคดีหลากหลายประเภท อาทิเช่น คดีละเมิดสิทธิมนุษยชน, คดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและการสังหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตลอดจนการพิจารณาคดีของนักการเมือง
และเพื่อการจัดการอย่างเป็นระบบ คณะกรรมการดังกล่าว ได้รวบรวมประสบการณ์และจัดทำเป็น “คู่มือสังเกตการณ์คดีในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา” ขึ้นมา เพื่อเป็นแนวทางให้พลเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบความเที่ยงธรรมของกระบวนการยุติธรรมได้
การสังเกตการณ์คดี จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม (Right to a Fair Trial) ในการทำงานข้อมูลเชิงสิทธิมนุษยชน เพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวภายในห้องพิจารณาคดี สร้างหลักประกันว่าภายในกระบวนการยุติธรรมต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในห้องพิจารณาคดีนั้น ๆ ทุกฝ่ายจะได้รับสิทธิการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม หรือสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีในความผิดทางอาญาโดยศาลเป็นอิสระ เป็นกลาง และปฏิบัติหน้าที่อยู่บนพื้นฐานอย่างเท่าเทียม
กฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการสังเกตการณ์คดี
การสังเกตการณ์คดีมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชน สนธิสัญญา หลักการ และแนวปฏิบัติ หลายฉบับ แต่พันธกรณีที่สำคัญและน่าสนใจที่สุดคือ กติกาสากลระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ในข้อ 19 ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้ เมื่อปี 2539 ซึ่งรับรองเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทำให้ความเป็นมนุษย์สมบูรณ์
ตลอดจน คณะกรรมการมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Committee) ได้ระบุไว้ว่าสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยศาลซึ่งเป็นอิสระ เป็นกลาง และมีอำนาจ เป็นสิทธิเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น และไม่สามารถงดเว้นการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าวได้
ดังนั้น การส่งตัวแทนขององค์กรหลาย ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องกับสิทธิมนุษยชนไปเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี หรือการที่ประชาชนทั่วไปสนใจติดตามเข้าฟังการพิจารณา จึงมีความสอดคล้องตามหลักการข้างต้นด้วยกัน 3 ประการ
- เข้าร่วมเพื่อประเมินมาตรฐานความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา กล่าวคือ สิทธิของจำเลยในคดีอาญา ที่ต้องได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สิทธิที่จะได้รับคำตัดสินที่เปิดเผย โปร่งใส และเป็นธรรม
- เข้าร่วมเพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ได้แก่ ผู้พิพากษา, พนักงานอัยการ, ทนายความ และเจ้าหน้าที่ทางกฎหมาย ทำหน้าที่บนบรรทัดฐานของการเคารพสิทธิและรักษามาตรฐานการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
- เข้าร่วมเพื่อบันทึกและรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการพิจารณาคดี ตลอดจนทำข้อเสนอ แก้ไข และรวมถึงกระตุ้นให้เกิดการชดเชย เยียวยาอย่างเป็นธรรม กรณีที่กระบวนการยุติธรรมอาจเกิดขึ้นโดยมิชอบ
.
คดีอะไรบ้างที่ควรไปสังเกตการณ์
การเลือกคดีก็มีความสำคัญในการตั้งต้นจุดมุ่งหมายของผู้ที่จะเดินทางเข้าไปสังเกตการณ์คดี โดยทั่วไปแล้ว หากเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนการตัดสินใจของหลาย ๆ องค์กร หรือหน่วยงาน มักจะเลือกคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจหลักของหน่วยงานที่กำลังปฏิบัติงานอยู่
หรือแม้แต่ในกลุ่มของประชาชนทั่วไป ซึ่งหลายคนก็เลือกเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์พิจารณาคดีที่ตัวเองสนใจ แต่หลักเกณฑ์ทั่ว ๆ ไป ที่จะทำให้เราตัดสินใจง่ายขึ้นในการไปเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีสักคดีหนึ่ง อาจใช้ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวช่วยได้
- คดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง หรือสิทธิมนุษยชน คือ คดีที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยกตัวอย่างเช่น คดีค้ามนุษย์, คดีที่สืบเนื่องมาจากการใช้สิทธิและเสรีภาพการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ
- คดีที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชน คือ คดีที่อยู่ในความสนใจของสังคมทั่วไป หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีชื่อเสียงหรือมีบทบาททางสังคม เช่น คดีการทุจริตของนักการเมือง, คดียาเสพติดของศิลปิน
- คดีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ การดำเนินคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือเป็นครั้งแรกที่มีการฟ้องคดีในพฤติการณ์แบบนี้ ยกตัวอย่างเช่น การฟ้องคดีประทุษร้ายต่อเสรีภาพของราชินี ตามมาตรา 110 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่มีการฟ้องร้องประชาชนด้วยข้อหานี้ รวมถึงคดีที่อาจสร้างบรรทัดฐานต่อการเปลี่ยนแปลงประเด็นต่าง ๆ ในสังคม
- ลักษณะข้อกล่าวหา คือ ลักษณะของข้อกล่าวหาที่ผู้สังเกตการณ์ให้ความสนใจในการติดตามสถานการณ์
.
การสังเกตการณ์คดีในต่างประเทศ
ในสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการยุติธรรมทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่ในทาง “กฎหมาย” หลายครั้งมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการกับผู้มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ หรือกลุ่มนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ออกมายืนหยัดเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล แต่อาจกระทบต่อผู้มีอำนาจในแต่ละประเทศ
TrialWatch คือหนึ่งในโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อปฏิบัติการในการเข้าสังเกตการณ์คดีระหว่างประเทศ โดยทำงานภายใต้มูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรม (Clooney for justice Foundation) โครงการดังกล่าวเป็นโครงการระดับโลก และเป็นโครงการทางประชาสังคมแรก ๆ ที่มีการฝึกอบรมพลเมืองให้เข้าไปติดตามการพิจารณาคดีอาญาในชั้นศาล
และภารกิจของ TrialWatch ยังให้การสนับสนุนในการให้คำปรึกษาทางกฎหมายฟรีกับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีเนื่องด้วยการออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพ โดยกลุ่มดังกล่าว ได้ติดตามเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีอาญากว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นไปที่คดีของกลุ่มนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว นักเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตย นักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN2S+) ผู้หญิงและเด็ก ซึ่งถูกฟ้องจากรัฐอย่างไม่เป็นธรรม โดยยึดถือหลักการปฏิบัติงาน 3 ประการ ได้แก่ การติดตาม ประเมินผล และการสนับสนุน
การติดตามกระบวนการพิจารณาคดีความทางอาญาของ TrialWatch ได้รับความร่วมมือหลัก ๆ จากศูนย์สิทธิมนุษยชนของ American Bar Association และสถาบันสิทธิมนุษยชนของ Columbia University Law School และองค์กรภาคประชาสังคมที่ติดตามสถานการณ์คดีสิทธิมนุษยชนในประเทศต่าง ๆ
ผู้สังเกตการณ์คดีของ TrialWatch จะดำเนินการติดต่อกับองค์กรเหล่านั้น เพื่อขอนัดหมายคดีที่น่าสนใจ เพื่อทำการลงพื้นที่สังเกตการณ์คดีในฐานะบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่ใช่คู่ความทางคดี
การประเมิน เมื่อกระบวนการดำเนินคดีของจำเลยเริ่มขึ้น ผู้สังเกตการณ์คดีที่ลงพื้นที่สังเกตการณ์จะประเมินสถานการณ์ที่หน้างานว่าการควบคุมตัวของจำเลยเกิดขึ้นโดยเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น จำเลยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบทนายความหรือไม่ ศาลปิดกั้นสาธารณชนไม่ให้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีหรือไม่ และเมื่อการพิจารณาคดีเริ่มขึ้นในชั้นศาล การจดบันทึกสังเกตการณ์จะเริ่มเข้มข้นขึ้น เพื่อประเมินถึงกระบวนการพิจารณาคดีว่าดำเนินไปตามหลักการหรือไม่
การสนับสนุน TrialWatch ให้ความสำคัญกับการเผยแพร่บันทึกสังเกตการณ์คดี และการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั่วโลก ซึ่งนอกจากรายงาน หรือคำชี้แจงทางคดีที่ผู้สังเกตการณ์รายงานออกมาแล้ว หน่วยงานดังกล่าวยังได้ให้ความร่วมมือกับศาลระหว่างประเทศในระดับภูมิภาค หรือสหประชาชาติ ในการส่งคำร้องและข้อมูลที่ได้จากการติดตามกระบวนการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม หรือคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย
ปัจจุบัน TrialWatch มีสมาชิกและเครือข่ายทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ มีหลายคดีที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานดังกล่าวได้เข้าไปติดตามสังเกตการณ์คดีจนเกิดเป็นกระแสและทำให้สังคมเริ่มจับตาในสถานการณ์ทางสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คดีของ โอโมเยล โซวอเร (Omoyele Sowore) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวไนจีเรีย และอดีตนักกิจกรรมกลุ่มพันธมิตรเพื่อการปฏิวัติ (CORE) ที่ออกมาเรียกร้องและปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศและต่อต้านการทุจริตในระบบราชการของประเทศไนจีเรีย โดยประกาศชวนประชาชนติดแฮชแท็ก #RevolitionNow ผ่านโซเชียลมีเดียของเขา ทำให้เกิดเป็นเทรนด์และกระแสไปทั่วประเทศจนประชาชนลุกขึ้นมาประท้วงรัฐบาล และทำให้เขาถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา เมื่อช่วงปี 2562
โซวอเรถูกจับกุมในเวลาต่อมา และถูกฟ้องใน 4 ข้อหา ได้แก่ก่อกบฎ, ความผิดทางไซเบอร์, ยุยงปลุกปั่นจากการจัดประท้วง และความผิดฐานฟอกเงิน โดยเขาถูกควบคุมตัวอยู่เป็นระยะเวลากว่า 45 วันก่อนได้รับการประกันตัวในเดือนกันยายน ปี 2562
คดีของโซวอเร ได้รับการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจาก TrialWatch และ American Bar Association จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2567 ศาลฎีกาก็ได้ตัดสินยกฟ้องคดีของโซวอเรที่ถูกฟ้องร่วม 4 ข้อหา ชี้ว่าโจทก์ไม่เคยมีหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องอย่างไร
อ่านบันทึกสังเกตการณ์คดีของโซวอเร >> Nigeria: A Preliminary Report on Criminal Proceedings Against Journalist Omoyele Sowore
ทั้งนี้ ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ติดตามสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของหน่วยงานดังกล่าว โดยเฉพาะการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสังเกตการณ์คดี ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่มีการสั่งฟ้องแกนนำม็อบราษฎร – ประชาชนกว่า 23 ราย ในข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 – 116 รวมทั้งติดตามสถานการณ์คดี “ยุยงปลุกปั่น” ตามมาตรา 116 และคดีที่มองว่าเป็น “ฟ้องปิดปาก” (SLAPP)
ย้อนอ่านบันทึกสังเกตการณ์คดี 19 ก.ย. ของ TrialWatch >> Thailand Should Dismiss Charges Against 22 Protest Leaders
.
การสังเกตการณ์คดีในประเทศไทย
การสังเกตการณ์คดีอาจยังไม่เป็นที่รู้จักในไทยมากนัก แต่ในแวดวงขององค์กรที่ขับเคลื่อนด้านสิทธิมนุษยชน ยกตัวอย่างเช่น สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA), iLaw และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ก็ได้มีการริเริ่มใช้วิธีการสังเกตการณ์คดีเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อเกาะติดสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศ
นับตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการเริ่มต้นการชุมนุมของกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” มีประชาชนจำนวนมากถูกดำเนินคดีเนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุม และแสดงความคิดเห็นทางการเมือง นับตั้งแต่ปีดังกล่าวมีการนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กลับมาใช้ดำเนินคดีกับประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์จำนวนมากเป็นประวัติการณ์
การดำเนินคดีทางการเมืองยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีท่าทีจะยุติโดยเร็ว ปัจจุบันจากข้อมูลที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนติดตามได้ พบว่าตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 2563 จนถึง 31 ส.ค. 2567 มีประชาชนถูกดำเนินคดีไปแล้วอย่างน้อย 1,956 คน ในจำนวน 1,302 คดี โดยในข้อหาตามมาตรา 112 มีผู้ถูกกล่าวหาแล้วอย่างน้อย 273 คน ใน 306 คดี
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม ทนายความหลายหน่วยงานต้องรวมตัวกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาด้านกฎหมายกับประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและชุมนุมทางการเมือง
แต่การพิจารณาคดีที่กินระยะเวลายาวนาน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ที่การเคลื่อนไหวบนท้องถนนเบาบางลง ทั้งความสนใจในข้อเรียกร้องของการชุมนุมได้รับความสนใจน้อยลงเรื่อย ๆ แต่การดำเนินคดีที่เกิดขึ้นยังไม่มีท่าทีจะยุติในเร็ววัน งานสื่อสารทางข้อมูลที่เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพในระหว่างพิจารณาคดีจึงมีความสำคัญ ประชาชนจำนวนมากเผชิญหน้ากับความไม่ยุติธรรมทางคดี บางคนถูกคุมขังในระหว่างการต่อสู้คดี และไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว
งานสื่อสารและการรณรงค์ผลักดันประเด็นทางสิทธิมนุษยชนหลายอย่าง จึงเกิดขึ้นจากข้อมูลที่ผ่านการเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น และถูกพัฒนาเป็นงานรณรงค์และสื่อสารกับเครือข่ายที่ผลักดันในประเด็นทางสิทธิและเสรีภาพ
ยกตัวอย่างเช่น iLaw หรือโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานสื่อสารรณรงค์เรื่องหลักการประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงออก มาตั้งแต่ปี 2552 หน่วยงานดังกล่าวดำเนินภารกิจในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม และการบริการความรู้และการใช้สื่อสารออนไลน์ เพื่อนำเสนอฐานข้อมูลด้านกฎหมาย และเชิญชวนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในวงกว้าง
ไม่ว่าจะเป็นการร่วมพัฒนาเว็บไซต์ม็อบดาต้าไทยแลนด์ (Mobdatathailand.org) ขึ้นเพื่อเป็นฐานข้อมูลเก็บรวบรวมเหตุการณ์การชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้น และการใช้อำนาจกำกับดูแล คุกคาม หรือขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่ส่งผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลจริงในพื้นที่ชุมนุม
นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการรณรงค์ในกิจกรรม “ร่วมรื้อ ร่วมสร้าง ร่วมร่างรัฐธรรมนูญ”โดยรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ให้กลับสู่เส้นทางประชาธิปไตย และได้รับผลตอบรับเกินความคาดหมาย สามารถรวบรวมรายชื่อประชาชนได้ 100,732 รายชื่อ ภายในเวลาเพียง 43 วัน
iLaw ยังมีส่วนสำคัญในการต่อสู้คดีและติดตามสังเกตการณ์การละเมิดสิทธิอื่น ๆ เช่น การใช้สปายแวร์เพกาซัส ซึ่งปัจจุบันมีการสืบพยานเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 3 – 5 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา และศาลแพ่งได้กำหนดวันฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 พ.ย. 2567
การสังเกตการณ์คดี เป็นหนึ่งในวิธีที่ประชาชนจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับสถานการณ์ทางการเมืองและติดตามกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้นได้ และเป็นสิ่งที่เราสามารถเริ่มต้นทำด้วยกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะเชี่ยวชาญ หรือเรียนจบด้านนิติศาสตร์โดยเฉพาะ
ปัจจุบัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ออกแบบ ‘คู่มือสังเกตการณ์คดีอาญา’ และหลักสูตรสังเกตการณ์คดี เพื่อให้ประชาชนยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมด้วยตัวเองต่อไปได้ ในวันที่การเคลื่อนไหวบนท้องถนนหดแคบลง
หลักสูตรสังเกตการณ์คดี ของ Day Breaker network เป็นหลักสูตรการเรียนออนไลน์กับผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรม โดยจะมีแบบฝึกหัดให้ทำตลอด 4 สัปดาห์ ซึ่งถูกส่งแบบออนไลน์ พร้อมกับทดลองลงพื้นที่สังเกตการณ์คดีจริงที่ศาลใกล้บ้านในสัปดาห์สุดท้าย คุณสมบัติผู้สมัครคัดเลือก เป็นนักศึกษาหรือประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดอาชีพและอายุสุดท้าย
หลักสูตรนี้ เปิดรับสมัครแล้ว จนถึงวันที่ 25 ก.ย. 2567 และประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกภายในวันที่ 28 ก.ย. 2567 ผ่านทางอีเมลหรือช่องทางการติดต่อที่ให้ไว้
กรอกใบสมัครที่นี่ : สมัครเข้าร่วมอบรมหลักสูตรสังเกตการณ์คดี Trial observation
.
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
International Law comission, “Draft Code of Crimes against the Peace and Security of Mankind” in Yearbook of the International Law Commission, 2539, Vol. 2, p.34 (www.un.org/law/ilc/)
คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล. คู่มือสังเกตการณ์กระบวนการยุติธรรมทางอาญา แนวทางเพื่อการปฏิบัติ ลำดับที่ 5.กรุงเทพฯ. หจก. สามลดา. หน้า 2 – 1
International Commission of jurists, “คู่มือการสังเกตการณ์ กระบวนการยุติธรรมทางอาญา”, 2534, p.5