บันทึกเยี่ยมบุ๊ค-มาร์ค: ใต้แสงริบหรี่จากห้องขัง ที่เริ่มมองเห็นปลายทางอิสรภาพ

ช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน 2567 ทนายเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีทางการเมือง 2 ราย ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือ ‘บุ๊ค’ ธนายุทธ ศิลปินฮิปฮอป เขาระบายถึงกฏเกณฑ์ที่ไม่สมเหตุสมผลในเรือนจำ อย่างการจำกัดการสื่อสาร DomiMail และที่เรือนจำไม่มีปากกาจำหน่ายในช่วงนี้ ในส่วนของบุ๊คหลังมี พ.ร.ฏ.อภัยโทษ ยังมีข่าวดีให้เห็นบ้าง โดยเขาได้ลดโทษลงไป 6 เดือน  ส่วน ‘มาร์ค’ ที่กำลังรอเอกสารยืนยันว่าเขาจะได้รับปล่อยตัวหรือไม่ แต่ก็คาดหมายว่าอีกไม่นานก็คงได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกเรือนจำ

.

บุ๊ค ธนายุทธ: พบปัญหาการถูกจำกัดสื่อสาร ทั้ง DomiMail และปากกา

วันที่ 29 ส.ค. 2567 บุ๊คเล่าว่า สุขภาพของเขาตอนนี้ยังแข็งแรงดี ก่อนรีบเข้าเรื่อง พ.ร.ฏ.อภัยโทษ ที่บุ๊คบอกว่าเขาเข้าเกณฑ์เป็นนักโทษชั้นกลาง ทำให้ได้ลดโทษลง 1 ใน 5 ของโทษเต็ม คือลด 6 เดือน จาก 2 ปี 6 เดือน เหลือ 2 ปี ถ้าเป็นตามนี้คาดว่าจะได้ออกประมาณเดือนกันยายนปีหน้า 

ก่อนจะเล่าถึงชีวิตในเรือนจำที่ค่อนข้างวนเวียน กิจวัตรเหมือนวนลูป ขาดแรงบันดาลใจ แต่ในภาพรวมยังรักษาความหวังและกำลังใจไว้ได้อยู่ ใช้แรงกดดันเป็นแรงผลักดัน คิดว่าการติดคุกเป็นโอกาสในการพบเจอผู้คน เก็บข้อมูล บันทึกเรื่องราว เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการทำเพลง โดยเขาแต่งเพลงได้จากเรื่องราวของคนในเรือนจำจำนวนหนึ่งแล้ว

บุ๊ค ยังเล่าถึงกฎใหม่เกี่ยวกับการส่งจดหมายจากเรือนจำ ผ่าน DomiMail ให้สามารถส่งออกได้แค่วันละ 1 ฉบับ และรับเข้าได้แค่วันละ 1 ฉบับ และยังเพิ่มกรอบให้คนที่ส่งเข้าออกได้มีแค่เฉพาะคนที่อยู่ในรายชื่อญาติ 10 รายชื่อเท่านั้น จากเดิมที่ส่งกี่ฉบับต่อวันและส่งให้ใครก็ได้ ทำให้ผู้ต้องขังติดต่อโลกภายนอกยากขึ้นมาก ยิ่งกับคนที่มีเรื่องต้องติดต่อทางคดี คนที่มีญาติหรือครอบครัวอยู่ไกล ก็สื่อสารกันได้ยากขึ้น

เมื่อพูดถึงเรื่องกฎแปลก ๆ บุ๊คเห็นว่าในนี้ยังมีกฎอีกเรื่องหนึ่งที่ไร้เหตุผล คือ ห้ามรับประทานอาหารเย็น และห้ามนำอาหาร ห้ามนำอะไรทั้งนั้นขึ้นไปบนเรือนนอน เพราะกินข้าวครั้งสุดท้ายในแต่ละวันเวลา 13.00 น.  ทำให้ทั้งบ่าย และเย็นหลังขึ้นเรือนนอนในตอนบ่ายๆ แก่ ไปจนถึงทั้งคืน ผู้ต้องขังต้องอดข้าวกัน 

วันที่ 5 ก.ย. 2567 ในการเยี่ยมคราวนี้ บุ๊คบอกว่าเขาเริ่มเป็นหวัด แล้วดูเหมือนมีไข้ด้วย แต่ยังไม่ได้ออกไปหาหมอ เพราะมีผู้ต้องขังลงชื่อเข้าพบแพทย์เยอะ ต้องใช้เวลานานในการต่อคิว ขณะที่บุ๊คยังพอมียาอยู่บ้าง จึงรักษาตามอาการไปได้ 

กลับมาในเรื่องการเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกัยการส่งจดหมาย DomiMail ทางบุ๊คและเพื่อน ๆ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของเรือนจำไปแล้ว แต่ยังไม่มีการตอบกลับ และยังมีเรื่องที่เรือนจำไม่เอาปากกาเข้ามาขาย ร้านค้าบอกว่าระงับการขายชั่วคราว ไม่สามารถสั่งจากข้างนอกเข้ามาได้  เจ้าหน้าที่อ้างเหตุผลว่าผู้ต้องขังเอาปากกามาจุดไฟได้ สร้างความสงสัยให้กับบุ๊ค เพราะถ้าเป็นแบบนั้นอย่างอื่นก็จุดไฟได้หมด ตอนนี้ปากกาเลยเป็นของหายาก ทำให้การเขียนจดหมายออกไปกลายเป็นเรื่องยากไปอีก

จนถึงปัจจุบัน (10 ก.ย. 2567) บุ๊คถูกคุมขังมาแล้ว 354 วัน ในคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบประทัดลูกบอล, ไข่ก็อง, พลุควัน และระเบิดควัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ที่บ้านพัก และบุ๊คต้องรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ 

.

มาร์ค: เหลือโทษไม่เยอะ คิดอยู่ทุกวันว่าจะออกไปทำอะไร

วันที่ 5 ก.ย. 2567 มาร์คหน้าตายิ้มแย้มเพราะออกมาแล้วเจอเพื่อน ได้พูดคุยกับวีรภาพที่ออกมาห้องเยี่ยมเหมือนกัน ก่อนเล่าว่าสุขภาพทั่วไปปกติดี  

มาร์คเล่าเรื่องอภัยโทษ โดยรายชื่อคนที่ได้ปล่อยตัวชุด 2 ออกมาแล้ว ยังไม่มีชื่อของเขา โดยปลายเดือนนี้จะมีป้ายกำหนดโทษใหม่ออกมา สำหรับคนที่ได้ลดโทษลง ป้ายจะระบุว่าลดโทษแล้วเหลือติดอีกเท่าไหร่ 

ส่วนของมาร์ค ถ้าได้เป็นนักโทษชั้นดีก็จะติดอีกราว 2 เดือน โดยมาร์คก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายเขาจะได้ออกตอนไหน  แต่ยังไงโทษก็เหลือไม่เยอะแล้ว ก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไร มาร์คเล่าว่าคิดอยู่ทุกวันว่าถ้าได้ออกมาจะทำอะไร คาดว่าจะหาสมัครงานแถวบ้านก่อน ถ้ารับก็ดีไป พวกงานซ่อมรถไถ รถเกี่ยวข้าว ถ้าไม่รับก็ค่อยคิด ว่าไปทำอะไรได้บ้าง

จนถึงปัจจุบัน (10 ก.ย. 2567) มาร์คถูกคุมขังมาแล้ว 546 วัน หรือราว 1 ปี 6 เดือน จากโทษจำคุก 2 ปี 1 เดือน จากคดีถูกฟ้องว่า ‘ครอบครองระเบิดปิงปอง-พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ’ เหตุชุมนุมดินแดง 20 ส.ค. 2564 โดยคดีถึงที่สุดแล้ว และคาดว่ามาร์คจะได้รับอิสรภาพในไม่ช้านี้ 

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม บุ๊ค-ยงยุทธ-สุดใจ: ก่อนจะไปถึงนิรโทษกรรม คงคาดหวังให้รัฐบาลเห็นใจผู้ต้องขังการเมือง

X