วันที่ 7 พ.ค. 2567 ทนายความเดินทางไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยม 2 ผู้ต้องขังคดีครอบครองวัตถุระเบิด คือ “บุ๊ค” ธนายุทธ และ “มาร์ค” โดยบุ๊คเล่าว่าเขาและเพื่อน ๆ ในแดน 6 ทำกิจกรรมสำรวจสภาพความเป็นอยู่และปัญหาของผู้ต้องขัง ก่อนพบทั้งปัญหาความไม่เท่าเทียม ปัญหาสุขอนามัย และที่สำคัญเรื่องความปลอดภัย ขณะที่มาร์คซึ่งถูกคุมขังมาแล้วกว่า 400 วัน บอกเล่าถึงสิ่งที่รอคอยว่า หากพ้นโทษได้ออกไปจากเรือนจำก็จะไปหางานทำทันที ถ้าหาไม่ได้ก็จะไปช่วยเพื่อนทำนาไปก่อน และยังเล่าว่าช่วงนี้ยังมีเพื่อนเข้าเยี่ยมเขาทางไลน์อยู่เป็นระยะ ๆ
บุ๊ค: กังวลเรื่องความปลอดภัยในเรือนจำ หลังทำกิจกรรมชู 3 นิ้ว
บุ๊คเดินเข้ามาทักทายทนายด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เสื้อสีฟ้าเพนท์คำว่า ‘ตัวเก่ง’ ที่บุ๊คใส่ถูกถกแขนขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นรอยสักบนแขน ข้างหนึ่งเป็นคำว่า ‘เด็กสลัม’ อีกข้างเป็นคำว่า ‘Klong Toei’
บุ๊คเล่าว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ถ้าฝนไม่ตกก็จะร้อนมาก อยู่แทบไม่ได้ ดีที่วันนี้ฝนตกแล้ว เลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “ช่วงนี้ทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ผู้ต้องขังการเมือง เราจะเดินถือกระดาษแผ่นใหญ่ ๆ เดินไปถามปัญหาของผู้ต้องขังในแดน 6 ที่ไปด้วยกันก็จะมี ผม ก้อง แล้วก็ขนุน ส่วนมายด์กับภูมิไม่ได้ไปด้วยเพราะต้องทำงาน แต่ก็มีการประชุมด้วยกันตลอด เราเพิ่งเริ่มกันเมื่อวันอาทิตย์นี้เอง ทุกคนในแดน 6 ก็ให้ความร่วมมือมาก ๆ เล่าหลายเรื่องให้ฟัง”
ก่อนบุ๊คกับเพื่อนพบว่ามีปัญหาหลัก ๆ 2-3 เรื่อง อย่างแรกเรื่องความไม่เท่าเทียมกันภายในแดน เช่น ห้องนอนด้านล่างเอาของกินเข้าไปได้ แต่ห้องข้างบนเอาขึ้นไปไม่ได้ อย่างที่สองปัญหาสุขอนามัย ผิดหลักสาธารณสุขชัดเจน น้ำไม่สะอาด มีตะกอนปน ไม่มีอ่างล้างจาน ไม่มีอ่างล้างมือ ถ้าจะล้างจานต้องไปเอาน้ำในห้องน้ำ ตักออกมาล้างจาน และสุดท้ายปัญหาเรื่องความปลอดภัย
“เพราะล่าสุดสัปดาห์ที่แล้ว ตอนเข้าแถวตอนเช้าหน้าเสาธง ผม ขนุน ก้อง ชู 3 นิ้วกันตอนเพลงชาติขึ้น ก็มีพวกกลุ่มอิทธิพลพุ่งเข้ามาจะทำร้ายขนุน แต่ก็มีเพื่อน LGBT ที่อยู่ห้อง 2 เขามากันเอาไว้ก่อน แล้วเพื่อนก็พูดว่า เขาจะแสดงออกอะไรมันก็เป็นสิทธิเสรีภาพของเขา แต่คนกลุ่มนั้นก็ยังด่าว่า ไอ้พวกไม่รักชาติ พวกกบฏแผ่นดิน พอเข้าแถวเสร็จผมกับก้องก็เข้าไปถามขนุนว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ตะโกนด่าต่ออีก ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้พวกผมก็โดนถากถาง โดนพวกเขาตะโกนด่าตลอด”
บุ๊คกล่าวอีกว่า “ผมรู้สึกว่า ทางเรือนจำและแดน 6 มีความหละหลวมด้านความปลอดภัยมาก พวกผมมีโอกาสโดนทำร้ายร่างกายตลอดเวลา เคยเข้าไปคุยกับ ผอ.แดน แล้ว เขาบอกว่า ‘จะเคลื่อนไหวก็ให้ไปทำข้างนอก รู้อยู่ว่าข้างในนี้คนไม่ชอบก็มี’ ทั้งที่พวกผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่กลับถูกโทษว่าเป็นความผิดของพวกผมเอง และไม่มีมาตรการอะไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยเลย”
จนถึงปัจจุบัน (14 พ.ค. 2567) บุ๊คถูกคุมขังมาแล้ว 236 วัน โดยคดีของเขาเพิ่งสิ้นสุดไป และบุ๊คต้องรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์
.
มาร์ค: วางแผนถ้าพ้นโทษก็คงจะไปหางานทำ
มาร์คนั่งรอคุยกับทนายในห้องเยี่ยมด้วยท่าทางนิ่ง ๆ เนื่องจากเพื่อนออกมาน้อย ทำให้ไม่มีเพื่อนคุยระหว่างรอ เมื่อถึงคิวเยี่ยม ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม มาร์คก็ชิงบอกทนายก่อนว่า “สบายดีพี่ ไม่ป่วย ไม่อะไรเลย ปกติดี ฝนตกด้วย เย็นดี”
มาร์คหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะบอกว่า “ผมก็ไม่มีอะไรมาก ก็เหมือนปกตินั่นแหละ” และเล่าต่อไปว่า ยังไม่ได้ใบเด็ดขาดเลย ผ่านมาเกิน 45 วันแล้ว ส่วนประกาศนียบัตรจากการเข้าอบรมพุทธศาสนาได้มาแล้ว
จากนั้นมาร์คระบายว่า “ผมติดมาเกินครึ่งแล้ว มันก็เบื่อแหละ มันจำเจ แล้วก็คิดถึงที่บ้าน วันนี้ก็เหม่อ ๆ ปกติช่วงเย็นผมก็จะไปนั่งเหม่อมองท้องฟ้าค่อย ๆ มืด มันก็มองอะไรไม่ค่อยเห็นนักหรอก แต่เพราะตอนอยู่บ้านผมชอบไปนั่งมองพระอาทิตย์ตก”
ก่อนจากกันมาร์คพูดถึงช่วงเวลาที่รอคอยว่า ถ้าพ้นโทษก็คงจะไปหางานทำ ถ้าหาไม่ได้ก็จะไปทำนากับเพื่อนที่อยุธยา ก็คงช่วย ๆ กันไปก่อน อันนี้คุยกับเพื่อนไว้แล้ว “เพื่อนก็มาเยี่ยมเรื่อย ๆ เยี่ยมทางไลน์ ผมไม่ชอบให้เพื่อนกับที่บ้านมาเยี่ยมทางตรงเท่าไหร่ มันไกล มันเปลือง แต่ถ้าอยากมาจริง ๆ ก็ไม่ได้ห้ามอะไร”
จนถึงปัจจุบัน (14 พ.ค. 2567) มาร์คถูกคุมขังมาแล้ว 427 วัน หรือราว 1 ปี 2 เดือน จากโทษจำคุก 2 ปี 1 เดือน โดยคดีถึงที่สุดแล้ว
.
ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม
บันทึกเยี่ยม มาย-บุ๊ค-มาร์ค-ธี : อยากให้คนข้างนอกรู้ว่า คนข้างในกำลังต่อสู้อยู่ทุกวัน