“บุ๊ค” ธนายุทธ ถูกย้ายห้องคุมขังหลังไม่ยืนเพลงสรรเสริญ เรือนจำอ้างกังวลเรื่องความปลอดภัย

20 ธ.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม ‘บุ๊ค’ ธนายุทธ ณ อยุธยา แร็ปเปอร์ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน คดีครอบครองวัตถุระเบิด หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบประทัดลูกบอล, ไข่ก็อง, พลุควัน และระเบิดควัน ที่บ้านพัก โดยเขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2566 ถึงปัจจุบัน (22 ธ.ค. 2566) ถูกคุมขังมาแล้ว 92 วัน

ตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 ธ.ค. 2566 บุ๊คเล่าว่าเขาไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญในเรือนจำ ทุกครั้งที่เพลงขึ้น เขาจะนั่งลง เริ่มทำมาได้เกือบ 1 อาทิตย์แล้ว 

“ผมรู้สึกว่าอยากเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กับทุกคน ผมตัดสินใจว่าเราต้องกล้า ตอนนี้ก็โดนเพื่อนร่วมห้องกดดัน คือเพื่อนไปแจ้งกับหัวหน้าห้องว่าผมทำแบบนี้ พอประชุมห้อง หัวหน้าห้องบอกว่าทุกคนต้องยืนเคารพเพลงสรรเสริญเพื่อเห็นแก่ส่วนรวม ผมบอกเค้าไปว่านี้คือการแสดงออกที่ง่ายและเบาที่สุดแล้ว

“ผบ.ก็เรียกผมไปคุย เค้าบอกผมว่าทำอย่างนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติกับเรา อาจจะต้องทำโทษ ผมก็บอกว่าผมยินดีครับ ผมบอกว่ามันไม่ได้มีกฎห้ามนั่งตอนเปิดเพลงสรรเสริญ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ผมเอาไปคิดดู”

นอกจากนี้บุ๊คยังเล่าว่าเขาสกรีนกางเกง ด้วยข้อความว่ายกเลิก 112 ทำให้เจ้าหน้ายึดกางเกงไปและบอกว่าจะซื้อให้ใหม่ โดยคนที่สกรีนข้อความให้ก็จะถูกยึดอุปกรณ์ไปด้วย แต่เขาไปเจรจาเพื่อขอให้อย่ายึดอุปกรณ์ของเพื่อน โดยเขายินดีให้ยึดกางเกง เจ้าหน้าจึงยินยอม 

ภายหลังเมื่อทนายเข้าเยี่ยมบุ๊คอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. 2566 บุ๊คบอกว่าเขาได้ถูกย้ายห้อง หลังมีการล่ารายชื่อเพื่อนในห้องขังที่เขาอยู่ เป็นการล่ารายชื่อโดยไม่แจ้งผู้ต้องขังให้ทราบว่าเอาไปทำอะไร พูดเพียงแต่ “ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน” แล้วก็เอาไปให้เจ้าหน้าที่ เพื่อขับไล่เขาออกจากห้อง โดยอ้างว่า เขาสร้างความเกลียดชัง 

“ทั้ง ๆ ที่ผมยืนยันว่าเพียงแค่นั่งเฉย ๆ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือทำร้ายผู้ต้องขังคนอื่นแต่อย่างใด”

บุ๊คบอกว่าในห้องขังของเขามีผู้ต้องขังประมาณ 40 คน โดยหัวหน้าห้องรวบรวมรายชื่อได้ประมาณ 20 คน 

“ผมรู้สึกไม่โอเคที่หัวหน้าห้องกับรองหัวหน้าห้องทำแบบนี้ ครั้งก่อนเค้ายังเรียกประชุมได้เลยว่าให้ทุกคนยืนเคารพเพลงสรรเสริญ แต่ครั้งนี้กลับไปรวบรวมรายชื่อลับหลังผม เจ้าหน้าที่เรียกผมไปคุยว่ามีสมาชิกในห้องขังประกอบด้วยหัวหน้าห้อง รองหัวหน้าห้อง และคนอื่น ๆ จำนวนหนึ่ง ยื่นรายชื่อพร้อมลายเซ็น เป็นการเขียนลงกระดาษสมุด ไม่ได้มีการเขียนลำดับ

ทั้งนี้เนื้อความในกระดาษล่ารายชื่อ ระบุว่า บุ๊คไม่ยืนเคารพเพลงพรรเสริญ บอกว่าผมมีการพูดวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้เกิดปัญหา สร้างความเกลียดชัง ใช้คำพูดในเชิงปลุกปั่น 

“ผมตอบเจ้าหน้าที่กลับไปว่า ไม่เคยมีพูดปลุกปั่น หรือด่าทอ ทะเลาะวิวาท หรือทำอะไรที่กระทบสิทธิผู้ต้องขังอื่นเลย ใครจะยืนเพลงสรรเสริญก็ยืน ผมไม่เคยไปละเมิด หรือไปห้ามไม่ให้เค้ายืน ส่วนผมก็แค่นั่งตามสิทธิของผม”

“เจ้าหน้าที่แจ้งกับผมว่า มันไม่มีกฎของเรือนจำว่าต้องยืนเคารพเพลงสรรเสริญหรอก แต่มันเป็นวัฒนธรรม เค้าปฏิบัติกันมา ผมคือแกะดำ อยากให้เห็นแก่ส่วนรวม  และเสรีภาพให้เอาไปใช้ข้างนอก ไม่มีใครว่าเลย แต่ก็ไม่มีใครตอบผมได้เลยว่าผิดกฎตรงไหน เจ้าหน้าที่เองยังยอมรับเลยว่าไม่มีกฎ แต่เป็นที่ทำตาม ๆ กันมา ผมก็บอกไปว่าถ้ามีกฎ ผมทำผิด ผมก็ยอมรับโทษ แต่ก็ไม่มี”

บุ๊คเล่าต่อว่าเมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค. 2566) ที่ผ่านมา เขาถูกเจ้าหน้าที่เรียกไปคุยหลายรอบเพื่อหาทางแก้ปัญหา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจึงยอมถอย

“ผมบอกว่าผมจะยืนก็ได้ แต่ขออยู่กับพี่เอ (กฤษณะ) แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป”

ภายหลังจากเขากลับมาจากการพบญาติ บุ๊คก็ไปพบเจ้าหน้าเพื่อพูดคุยแก้ปัญหาอีกครั้ง แต่เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าเขาจำเป็นต้องย้ายห้อง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย และได้ทำเรื่องย้ายห้องให้เขาทันที

“ผมก็ชี้แจงว่าเรื่องความปลอดภัย เหตุผลมันไม่มีน้ำหนักมากพอ ในนี้มีกล้องวงจรปิดและเพื่อนในห้องก็ช่วยกันดูแล อยากให้ชี้แจงมากกว่านี้

บุ๊คบอกว่าเขาค่อนข้างมั่นใจว่าหากมีการทำร้ายร่างกายเขาจริง ๆ ก็จะเป็นคดีความ และมั่นใจว่าทางเรือนจำว่าคงไม่ปล่อยให้เขาถูกทำร้ายได้ง่าย ๆ 

“ส่วนตัวผมไม่ได้อยากย้าย อยากต่อสู้ว่าไม่ควรมีใครมีอิทธิพลเหนือคนอื่น อยากให้ไม่มีอิทธิพลในเรือนจำอีก หากจะมีการโหวตผมออกจากห้องก็ต้องทำอย่างเปิดเผย และชี้แจงถึงเหตุผลให้ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ผมอยู่ห้องเพราะอะไร ถ้ามติเสียงข้างมากโหวตออก ผมก็ยินดีจะออก” 

บุ๊คได้ทิ้งท้ายว่าเขาไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะข้างต้นเกิดขึ้นอีกกล่าว

X