บันทึกเยี่ยมพรชัย: 100 วันในเรือนจำ ฝากถึง รมต.ยุติธรรม เข้าดูปัญหานักโทษล้นเรือนจำ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทนายความเข้าเยี่ยมพรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 12 ปี จากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 4 ข้อความ และศาลฎีกามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวในระหว่างฎีกา ทำให้พรชัยถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567

หลังจากพรชัยถูกนำตัวเข้าเรือนจำและไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในชั้นฎีกา ทำให้เขาตัดสินใจจะไม่ยื่นฎีกาคำพิพากษาต่อไป ส่วนอีกคดีหนึ่งที่ศาลจังหวัดยะลา พรชัยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาแล้ว แต่ไม่มีผู้พิพากษารับรองให้ฎีกาต่อ ทำให้คดีสิ้นสุดลงทั้งสองคดี เขาจึงถูกนับเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว พรชัยเห็นว่าหากคดีสิ้นสุดเร็วขึ้น อาจทำให้เข้าเกณฑ์ลดหย่อนโทษเร็วขึ้นด้วย

.

การตระหนักถึงคุณค่าในชีวิต กับ 100 วันอันเชื่องช้าของพรชัย

วันนี้พรชัยเดินออกมาจากแดน 5 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขายิ้มให้ทนายความผ่านตู้กระจกก่อนจะยกหูโทรศัพท์ แม้จะดูผอมลงจากครั้งที่แล้วเล็กน้อย พรชัยแจ้งเมื่อช่วงต้นเดือนว่าพี่ชายของเขาเพิ่งมาเยี่ยม โดยเดินทางมาจาก อ.กัลยาณิวัฒนา ซึ่งค่อนข้างไกลจากเรือนจำมาก 

พี่ชายของเขาแสดงความเป็นห่วงและพูดคุยเรื่องครอบครัว พรชัยกังวลเรื่องพ่อกับแม่ที่อายุมากแล้ว และเริ่มเจ็บป่วยจนไม่สามารถมาเยี่ยมเขาได้ เขาอยากที่จะอยู่กับท่านในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ถ้าหากเขาจะต้องอยู่ในเรือนจำจนครบ 12 ปี เขาจะไม่มีทางได้ไปเจอหน้าพ่อกับแม่แน่นอน

ก่อนหน้านี้พรชัยยังได้รับจดหมายจากบุคคลภายนอก ส่งจะหมายมาให้กำลังใจด้วย “ผมได้รับจดหมายจากใครไม่ทราบชื่อ ไม่ได้ลงนามไว้ บอกว่าให้ผมอดทนรอ ผมจะได้รับอิสรภาพ ผมก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน หวังว่าผมจะได้ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”

พรชัยบอกกับทนายต่อไปว่า วันนี้ครบ 100 วันที่เขาถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำแห่งนี้พอดี แม้ว่าท่าทีเขาผ่อนคลายลงจากช่วงแรกที่เข้าเรือนจำอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็นับวันรอวันที่จะได้ออกไปนอกกรงขังแห่งนี้เสียที 

พรชัยยังฝากข้อความแบบยาว ๆ ต่อไปว่า “เนื่องในโอกาสที่ผมอยู่ที่นี่มา 100 วันแล้วที่เรือนจำกลางเชียงใหม่นี้ มีเรื่องราวหลายเรื่องเกิดขึ้นมาในความรู้สึกผม ก่อนหน้าที่ผมต่อสู้มาคนเดียวและตอนนี้ก็ยังมีอะไรหลายอย่างที่ผมอยากทำ และที่นี่ไม่ได้เป็นที่ ๆ สภาพแวดล้อมนั้นเหมาะสมและดีสำหรับผม แม้อยู่ในนี้ผมจะได้สิทธิบางอย่างแต่มันก็ไม่ใช่ที่ที่ผมต้องมาอยู่ เพียงเพราะผมแสดงความเห็นและมีความเห็นที่แตกต่างอยู่ดี เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดที่ผมต้องมาอยู่ตรงนี้ 

“ผมไม่ได้มีศักยภาพ ไม่มีอิทธิพลพอที่จะแบ่งแยก ล้มล้างสถาบันหรือประเทศนี้ได้ แต่ผมมีศักยภาพเพียงพอที่ช่วยเป็นกำลังที่จะผลักดันประเทศนี้ให้เป็นประชาธิปไตยได้ แต่บังเอิญว่าผมเป็นคนชาติพันธ์ุ และถูกมองว่ารับเงินจากที่นู่นที่นี่บ้าง เลยเกิดปัญหานี้ขึ้น

“ผมอยากฝากถึงคนที่เห็นต่าง หรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับผมว่าการที่ผมถูกจองจำอยู่ที่นี่นั้นเป็นการกีดกันพียงเนื้อตัวร่างกายผมเพียงเท่านั้น ผมยังดื่มด่ำอยู่กับการรอมองดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นของประชาธิปไตยเจริญก้าวหน้าอยู่ 

“ทุกคนต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถหยุดความเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ ๆ ได้ พวกเขาสามารถคิดและพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ไม่สามารถหยุดเวลาไม่ให้เดินไปข้างหน้า และไม่สามารถทำให้เข็มนาฬิกาเดินถอยหลังได้ 

“แม้กระทั่งผมเองที่ถูกจองจำอยู่ที่นี่ในเรือนจำนี้เอง ก็ยังเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน เราต้องยอมรับเรื่องนี้ และให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ ให้เขามีพื้นที่ในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของเขาและแสดงออกถึงความกระตือรือล้นของพวกเขา”

พรชัยยังมีความหวังอย่างหนักแน่นว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยไปในทางประชาธิปไตยเต็มใบ และเขาจะรอดูจากข้างในเรือนจำ

.

“ผมไม่ใช่อาชญากรที่จะต้องมาอยู่ในที่นี่ ” พรชัยอยากย้ายไปอยู่เรือนจำที่เหมาะกับนักโทษการเมืองมากกว่านี้

หลังจากที่พรชัยได้ย้ายมาอยู่แดน 5 เขาก็ได้ช่วยงานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งงานก็ไม่ได้ใช้ทักษะมากนัก เพียงแต่ป้อนข้าว ดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถจัดการตัวเองได้ ตอนแรกเขาอยากจะย้ายไปฝ่ายการศึกษา อย่างน้อยเขาก็จะได้อ่านหนังสือ แต่มาคิดอีกที ทำงานดูแลผู้สูงอายุก็ไม่ได้แย่อะไร เขาเริ่มได้ใช้ความรู้ในการเข้าฝึกอบรมอยู่บ้าง และสามารถเลื่อนชั้นนักโทษได้ด้วย

พรชัยสอบถามถึงสถานการณ์เรื่องการคัดสรรสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป ท่ามกลางปัญหาต่าง ๆ เขาแสดงความเห็นอีกว่ายังเสียดาย หากเขาอยู่ข้างนอกช่วงนี้ ก็น่าจะลองลงสมัครดูเหมือนกัน หลังจากรอคอย สว. ชุดเก่าที่มาจากแต่งตั้งของคณะรัฐประหารหมดวาระลง เขาหวังว่า สว. ชุดใหม่นี้ จะทำหน้าที่เพื่อประชาชน และคำนึงถึงสิทธิและประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

พรชัยยังฝากข้อความถึงภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่กรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของสภา ซึ่งพรชัยทราบว่าสนใจเรี่องสิทธิของผู้ต้องขัง เขาเสนอว่าอยากให้ช่วยผลักดันเรื่องสิทธิและเสรีภาพของนักโทษทางการเมือง ฝากถึงพรรคการเมืองไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนว่าไม่ควรเอาผู้ต้องขังในคดีจากการแสดงออกทางการเมืองมาคุมขังเช่นนี้

พรชัยแจ้งว่าตอนนี้เขาถูกนับเป็นนักโทษเด็ดขาด ในชั้นกลาง และถูกย้ายไปอยู่แดน 5 แล้ว แต่เขายังรู้สึกอึดอัด เขาปรับตัวเข้ากับนักโทษคนอื่น ๆ ที่นี่ไม่ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติดและคดีร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากพรชัยที่เป็นนักโทษจากการแสดงออกทางการเมือง 

“ฝากถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ขอให้ท่านพิจารณากรณีของผม ให้ผมได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องโทษคดีการเมืองอื่น ๆ อย่างน้อยอยู่ที่นั้นผมก็ยังได้อยู่ในที่มีคนแบบเดียวกับผม สามารถคุยกันรู้เรื่อง” พรชัยกล่าว

พรชัยยังฝากข้อความถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพิ่มเติมว่า อยากให้มาเยี่ยมผู้ต้องขังทางการเมือง พูดคุยเพื่อหาทางออกของประเทศ รวมทั้งได้เห็นปัญหานักโทษล้นเรือนจำ สภาพแออัดของเรือนจำแต่ละที่ การนอนเบียดเสียดกัน ถ้าหากได้เห็นปัญหาเหล่านี้โดยตรง ก็อยากให้ผู้มีอำนาจทำการแก้ไข รวมทั้งปัญหาการพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขัง ทำให้เขาตระหนักในสิทธิและความหมายของชีวิต ก็เป็นโจทย์ใหญ่เพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำผิดซ้ำด้วย

“ผมฝากถึงรัฐบาลเศรษฐาว่าให้พิจารณาเรื่องนักโทษทางการเมืองด้วย การขังพวกเราไว้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ทบทวนกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง” พรชัยฝากอีกครั้ง

“ผมต้องเสียเสรีภาพในเนื้อตัวร่างกายของผมเพียงเพราะเกมการเมือง และที่สำคัญ ผมย้ำมาหลายรอบว่าสิ่งที่ผมทำนั้นไม่ใช่ความผิด ผมไม่ควรได้มาอยู่ที่นี่หรือต้องโทษจำคุกเพียงเพราะผมเห็นต่างทางการเมือง ความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ พวกเราไม่ใช่อาชญากร” พรชัยย้ำ

พรชัยเล่าต่อไปถึงผู้ถูกขังในเรือนจำ หลังจากที่เขาเริ่มคุ้นเคยกับนักโทษอื่น ๆ และเห็นถึงปัญหานักโทษล้นคุกเพราะเป็นผู้ด้อยโอกาสในการต่อสู้คดี 

“อยู่ที่นี่นักโทษบางคนน่าสงสารมาก จากการที่ผมได้พูดคุยกับพวกเขาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพี่น้องชาติพันธ์ุด้วยซ้ำ บางคนก็ต้องมาอยู่ที่เพราะเขาไม่มีโอกาสในสู้คดี ไม่รู้ว่าตนเองสามารถปฏิเสธได้ในชั้นสอบสวน อัยการก็ฟ้องซะส่วนใหญ่ ปัญหาที่เขาต้องถูกตัดสินก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งนั้น หรือบ้างก็ปัญหาเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินแล้วไม่มีจ่ายอย่างที่เรารู้กัน มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นักโทษล้นคุกอยู่แบบนี้ ผมมีข้อสังเกตอีกมากมาย แต่ก็คงพูดอะไรมากไม่ได้”

.

ขอบคุณทุกกำลังใจที่เป็นพลังให้พรชัยจนถึงทุกวันนี้

ก่อนจะสิ้นสุดการเยี่ยมพรชัยขอฝากขอบคุณสำหรับพลังใจที่เขาได้รับขณะที่เขาอยู่ในเรือนจำ “ผมอยากฝากคำขอบคุณไปถึงผู้สนับสนุนข้างนอกทุกคน ไม่ว่าจะกองทุนราษฎรประสงค์ กองทุนดาตอร์ปิโด กองทุนทนายอานนท์ หรือประชาชนที่ร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจ ผมซาบซึ้งที่เห็นความสำคัญของอิสรภาพของผม ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน ขอบคุณที่ผู้ร่วมอุดมการณ์ข้างนอกยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ยังไม่ทิ้งอุดมการณ์ ผมก็ยังจะสู้จากในนี้จนถึงที่สุด” 

พรชัยยังฝากคำขอบคุณไปยังผู้อำนวยการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่เขาเห็นว่าดูแลเรือนจำได้ค่อนข้างดี แต่เขาไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ ที่ถูกคุมขังคดีมาตรา 112 คนอื่น ๆ ซึ่งถูกขังในหลายเรือนจำ เป็นอย่างไรบ้าง ยังสบายดีอยู่ไหม ถ้าบอกทุกคนได้ พรชัยก็อยากบอกว่าขอให้ทุกคนดูแลร่างกายให้แข็งแรง พยายามอย่าเครียด หมั่นออกกำลังกาย คนที่ยังเรียกร้องสิทธิประกันตัว ก็หวังว่าจะได้ทุกคนในเร็ววัน

.

ย้อนอ่านเรื่องราวชีวิตของพรชัย การต่อสู้ของ “พรชัย”: จากคนบนดอย คนจร พ่อค้า ผู้ชุมนุม และผู้ถูกดำเนินคดี ม.112

.

X