ฟ้อง ม.112 “แบงค์-ต๊ะ” นักกิจกรรมทะลุแก๊ซ เหตุโพสต์ภาพถือกระดาษข้อความหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อนศาลให้ประกันตัว

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2567 เวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “แบงค์” ณัฐพล (สงวนนามสกุล) และ “ต๊ะ” คทาธร (สงวนนามสกุล นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุแก๊ซ ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) เหตุโพสต์ภาพถือกระดาษข้อความหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

ก่อนหน้านี้ ณัฐพลถูกตำรวจจับกุมจากบ้านพักและนำไปควบคุมตัวที่ สน.ทุ่งสองห้อง ขณะที่คทาธรเดินทางเข้ามอบตัวที่ สน.สำราญราษฎร์ หลังทราบว่ามีหมายจับ โดยคดีนี้มี อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำของกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้กล่าวหาไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ ทั้งสองได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับอนุญาตให้ประกันตัวหลังตำรวจนำตัวขอฝากขังต่อศาล

ในคำฟ้องที่ อิทธิพัฒน์ เพชรกวินกุล พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นผู้เรียงฟ้องยื่นต่อศาลนั้น ระบุโดยเท้าความว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ 

ในส่วนต่อมา คำฟ้องระบุเกี่ยวกับพฤติการณ์ของคดีว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2567 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณระหว่างป้อมอนันตคีรีและประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์และนั่งลงบริเวณฟุตบาทข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง แล้วชูป้ายกระดาษที่เขียนข้อความรวม 2 แผ่น โดยสลับกันชูป้ายและถ่ายรูป 

จากนั้นทั้งสองได้ขับขี่จักรยานยนต์ไปจอดที่พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง นั่งลงใกล้แท่นหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ในมือชูป้ายกระดาษที่เขียนข้อความ 2 แผ่น สลับกันชูป้ายและใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป ก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกจากบริเวณดังกล่าว ณัฐพลได้ขยำกระดาษทั้งสองแผ่นแล้วขว้างปาใส่พระบรมฉายาลักษณ์ 

ภายหลังจากนั้นจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันโพสต์ภาพขณะชูป้ายข้อความหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และริมกำแพงพระบรมมหาราชวังลงเฟซบุ๊กส่วนตัวของทั้งสอง ซึ่งตั้งค่าเป็นสาธารณะ พร้อมกับโพสต์ข้อความประกอบ

อัยการระบุว่า รูปภาพและข้อความที่จําเลยทั้งสองโพสต์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่พบเห็นเข้าใจความหมายได้ว่า รัชกาลที่ 10 และพระราชินี เสียสติคล้ายคนบ้าหรือเป็นผู้มีสติที่ผิดแผกไปจากคนธรรมดา เป็นคนไม่ดี โหดเหี้ยม หรืออยู่เบื้องหลังในการสั่งฆ่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบ ด้อยค่า ด้อยความสำคัญ ด้อยความดี โดยประการที่น่าจะทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระราชินีเสื่อมเสียพระเกียรติ ดูถูก ดูหมิ่น เกลียดชัง 

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 และ 19 ม.ค. 2567 หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา จำเลยทั้งสองได้ฝ่าผืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน โดยปฎิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อส่งตรวจพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลในคดี โดยไม่มีเหตุอันสมควร

.

ทั้งนี้ พนักงานอัยการได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี อ้างเหตุว่า  เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี 

พร้อมกันนี้อัยการระบุว่า คทาธรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี 3 เดือน 15 วัน ฐานร่วมกันมีอาวุธระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พ้นโทษเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 และจำเลยได้กระทำความผิดในคดีนี้อีกภายในระยะเวลา 5 ปีหลังพ้นโทษ อันไม่ใช่ความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ จึงขอให้ศาลเพิ่มโทษคทาธร 1 ใน 3 ตามกฎหมาย และนับโทษจำคุกณัฐพลในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่น ๆ ของศาลอาญาอีก 3 คดี 

ภายหลังศาลรับฟ้องและทนายยื่นประกัน ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งสองระหว่างพิจารณาคดี ด้วยวงเงินประกันคนละ 180,000 บาท ซึ่งใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์ ศาลยังกำหนดเงื่อนไขห้ามการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ พร้อมทั้งนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 16 ก.ย. 2567 

ทั้งนี้ สำหรับณัฐพลถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 เป็นคดีที่ 2 แล้ว โดยคดีแรกถูกกล่าวหาว่าร่วมวางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ บริเวณหน้ากระทรวงแรงงาน ระหว่างชุมนุม #ม็อบทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2564 คดีนี้อยู่ระหว่างรอการสืบพยานในชั้นศาล

ขณะที่คดีนี้เป็นคดีข้อหามาตรา 112 คดีแรกของ “ต๊ะ” คทาธร ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยาวนานที่สุดในปี 2565 หลังถูกจับกุมและฝากขังจากเหตุมีวัตถุระเบิดปิงปองไว้ในความครอบครอง จากการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นระหว่างเดินทางไปร่วมงานรำลึก 12 ปี การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 ที่แยกราชประสงค์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.​ 2566 เขาจึงถูกปล่อยตัวเนื่องจากครบโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น 

X