ช่วงวันที่ 28-30 ก.ย. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคุมขังและไม่ได้ประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำนวน 6 คน ได้แก่ “คทาธรและคงเพชร” จากกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, “ต้อม” จตุพล จากกลุ่มทะลุแก๊ส , สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า 2 คน ได้แก่ “แซม” พรชัย ยวนยี และ “แม็ค” สินบุรี รวมทั้ง “เพชร” พรพจน์ แจ้งกระจ่าง นักกิจกรรมวัย 50 ปี ซึ่งถูกออกหมายจับและเข้ามอบตัวกรณีถูกกล่าวหาจากเหตุร่วมปาระเบิดปิงปองบริเวณสนามหญ้าหน้าประตูกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์
3 นักกิจกรรมฝากข้อความถึงประยุทธ์และสังคมไทย
ในวันที่ 30 ก.ย. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “แซม” พรชัย, “แม็ค” สินบุรี และ “ต้อม” จตุพล ทั้ง 3 คน จึงฝากข้อความเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี
.
“แซม” พรชัย ยวนยี
8 ปี ที่ผ่านมาที่เผด็จการประยุทธ์ยึดอำนาจไปจากพวกเราทุกคน โดยอ้างว่าขอเวลาอีกไม่นาน…นาน…นาน…นาน…นาน…นาน…นาน…นาน…8 ปี ที่ผ่านมาที่เผด็จการประยุทธ์สัญยิงสัญญามากมายกับพวกเราทุกคน โดยเฉพาะสัญญาว่า “จะคืนความสุขให้พวกเราคนไทยทุกคน” พวกท่านๆได้รับกันบ้างหรือไม่ ตั้งแต่วันนั้น 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันนี้
แต่สำหรับผม แซมมี่ สิ่งที่ได้รับคือ คดีความ กับ คุกตาราง ที่เผด็จการประยุทธ์มอบให้พวกผมในนามของกฎหมายที่มันสั่งได้ เพียงเพราะผมต่อต้านพวกมันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
และก็เป็น 8 ปี เช่นเดียวกันที่ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดินว่าอำนาจเผด็จการน้อยใหญ่แอบซ่อนอยู่ไหนบ้าง มันได้เผยตัวล่อนจ่อนปราศจากยางอาย สูบกินเลือดเนื้อของพวกเราดั่งไรเห็บ จนร่างกายผอมกะหล่อง แต่สำหรับเผด็จการประยุทธ์และพวก กลับอ้วนพุงพลุ้ยจากภาษีของพวกเราทุกคน ดั่งกาพย์ที่ผมได้แต่งในคุกดังนี้
“ทรยุคทุกข์ทั่ง ไทยแลนด์
ยากจนข้นแค้นแสน สาหัส
เผด็จการล่ามทั่วแดน ทุ่งท่า
สูบกินภาษียัด อัดอ้วนพุงพวกมัน”
.
“แม็ค” สินบุรี
เป็นเวลากว่า 8 ปี แล้วที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะรัฐประหารได้เถลิงอำนาจโดยปลายกระบอกปืน ด้วยอ้างว่าเข้ามาเพื่อปกป้องชาติ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เห็นทีจะเป็นข้ออ้างเพราะผลงานที่ผ่านมา เอาแต่ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนระดับชาติ จนดูเหมือนจะขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสวนทางกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนรากหญ้าที่หาเช้ากินค่ำ
ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ของการบริหารประเทศมา 8 ปีนั้น เห็นทีจะเป็นความเลื่อมล้ำที่นับวันยิ่งห่างออกไปทุกทีและดูเหมือนจะยังไม่มีที่สิ้นสุดในรัฐบาลชุดนี้
ส่วนเรื่องรักษาความสงบเรียบร้อยก็ดูจะไม่จริงเสมอไป เพราะยังมีผู้คนที่ไม่ยอมสยบยอมต่ออำนาจเผด็จการประยุทธ์ออกมาเรียกร้องให้ประยุทธ์และพ้องเพื่อนลาออกไปเลี้ยงหลานดีกว่า แต่อาจจะด้วยความเป็นคนรักษาคำพูดเรื่องความสงบ เพราะไม่ว่าใครจะออกมาทำกิจกรรมแสดงออดทางความคิดที่แตกต่างออกไป เห็นทีจะโดนจับมีคดีกันไปทั่ว เท่านั้นคงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกนี้อยู่ในร่องในรอยได้ จึงขอแรงจากศาลมาช่วยปิดปากให้คนพวกนี้เงียบเสียที หนักเข้าก็ถึงกับโดนพรากอิสรภาพเข้าคุกรวมถึงตัวข้าพเจ้าและเพื่อนนักต่อสู้ของข้าพเจ้า
.
“ต้อม” จตุพล
ถึง ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ออกได้ละนะครับ ประชาชนเค้ากินไม่ได้นอนไม่หลับกันแล้ว ท่านอยู่ไปทำไม อยู่ไปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ประชาชนเค้าจะตายกันหมดแล้วท่าน ท่านยังไม่มาดูประชาชนเลย ท่านทำอะไรอยู่กันแน่ ตอนน้ำท่วมท่านบอกว่าให้เลี้ยงปลา ท่านบ้าหรือเปล่า ปลาก็หนีหมดสิ!
ท่านคิดบ้างนะท่าน คนอื่นเค้าจะตายกันหมดจริงๆ นะ ถ้าท่านอยู่มาแล้ว 8 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น ท่านควรออกไปได้แล้ว ให้คนอื่นเข้ามาดูแลแทนท่าน คนที่ฉลาดกว่าท่าน ถือว่าผมขอล่ะ
.
พรพจน์: การเสียสละครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตย
ทนายความได้เข้าเยี่ยมพรพจน์ในวันที่ 28 และ 30 ก.ย. โดยพรพจน์ทราบถึงการจัดกิจกรรมฟังผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ และการนัดแนะการจัดกิจกรรมสัญจรวันที่ 1 ต.ค. เขาจึงขอฝากข้อความถึงผู้ที่จะร่วมกิจกรรม
“อยากจะบอกว่ามันไม่มีอิสรภาพใดที่ได้มาฟรี ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องมีการเสียสละ การเสียสละของเราครั้งนี้ ถือเป็นการถูกลิดรอนอิสรภาพ เพื่อเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าประเทศที่อยู่ภายใต้การยึดอำนาจ มันไม่มีประชาธิปไตยแบบที่เขาหลอกลวงกัน”
ปัจจุบันเขายังถูกกักตัวอยู่ข้างบนในแดน 8 และต้องกินน้ำก๊อกซึ่งเขาเล่าว่ามีกลิ่นแปลกๆ จึงกินน้ำอย่างไม่สนิทใจ ด้านสุขภาพของเขา ยังคงมีอาการปวดหลังอยู่ แม้จะขอยากินแก้ปวดเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้อยากกินมากนัก เนื่องจากตอนเป็นวัณโรคก็กินยาไปเยอะพอสมควรแล้ว
คงเพชร – คทาธร: “กำลังใจจากทุกคนยังสู้ไหม”
ทนายความได้เข้าเยี่ยม เพชรและต๊ะในวันที่ 28 ก.ย. 2565 และได้ยื่นประกันตัวทั้งคู่อีกครั้งในวันที่ 30 ก.ย. 2565 อย่างไรก็ตามศาลอาญายังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัวเช่นเดิม โดยระบุว่าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง
“เพชร” บอกว่า สถานการณ์ตอนนี้ เหงาๆ เบื่อๆ อยากออกไปข้างนอก แม้ว่าแม่จะได้มาเยี่ยมเขา เพชรยังฝากข้อความถึงกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและฝากบอกว่ารักเสมอ เขารำพึงว่ากว่าจะได้ออกไปศาลอีกครั้ง ก็ในนัดสืบพยานเดือนมีนาคมปีหน้า
ปัจจุบันเพชรได้ย้ายตัวมาที่แดน 8 โดยแดนนี้มีรุ่นพี่และมีเพื่อนอยู่ เขาบอกว่า “สบายใจกว่าอยู่แดนอื่น” นอกจากนี้ยังได้ทำงานอยู่กองห้องสมุด เขาบอกว่าเขากลายเป็นหนอนหนังสือไปด้วย เพราะได้อ่านวรรณกรรมเยอะ ประมาณวันละเป็น 100 หน้า ทั้งที่แต่ก่อนไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไรนัก
ส่วน “ต๊ะ” บอกว่าช่วงนี้เขาเป็นไข้หวัด ทำให้เสียงเปลี่ยน มีน้ำมูกไหลและได้กินยาพาราเป็นหลัก เขาบอกว่าได้อ่านจดหมายจากประชาชนที่ส่งกันเข้ามาผ่านทางแอมเนสตี้แล้ว ทำให้มีกำลังใจสู้ขึ้นเยอะมาก จึงอยากฝากข้อความที่เพิ่งแต่งให้ทุกคนและแอมเนสตี้ ว่า
“แม้วันนี้ยังไม่มีอิสรภาพ กำลังใจจากทุกคนยังสู้ไหว
แม้วันนี้ยังไม่มีประชาธิปไตย สู้ต่อไปให้มันจบที่รุ่นเรา”
ต๊ะยังบอกว่าคิดถึงกลุ่มอาชีวะฯ ทุกคน คิดถึงจนร้องไห้ ไม่เคยคิดถึงใครแล้วต้องร้องไห้เลย อยากออกไปเจอทุกคนแล้ว ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป