Missing Home
คิดถึงบ้าน พ่อคิดถึงลูก
วันพ่อปี 2566 นี้ มี ‘พ่อ’ ผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำด้วยคดีการเมือง อย่างน้อย 11 คน สำหรับพ่อบางคนปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างลูก แต่กับบางคนมากกว่า 1 ครั้งแล้วที่ไม่ได้อยู่ในความทรงจำวันพ่อของลูกรัก
เชื่อว่าความคิดถึง ความห่วงใย ของพ่อนั้นมีให้ลูกทุกวัน แต่เมื่อปฏิทินเดินมาถึงวันที่ 5 ธันวาคม วาระที่ถูกยกให้เป็น ‘วันของพ่อ’ อาจยิ่งตอกย้ำบทบาทที่ในตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างนึกฝัน อาจยิ่งตอกย้ำความรู้สึกในหัวใจให้ทวีความคิดถึง
ชวนสัมผัสถึงความรักของพ่อที่เฝ้ารอวันได้กลับไปลูก ผ่านข้อความจากหลังกำแพง โดย “พ่อ” ผู้กำลังตกเป็นผู้ต้องขังคดีการเมือง ได้แก่ อานนท์ นำภา, สมบัติ ทองย้อย, ทีปกร, “บาส” ประวิตร, “อารีฟ” วีรภาพ และ “โย่ง”
นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องขังคดีการเมืองที่เป็นพ่อของลูก อีกอย่างน้อย 5 คน คือ วัฒน์, สุดใจ, อุดม, “เจมส์” ณัฐกานต์ และ “มะ” ณัฐชนน ซึ่งไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ทันเทศกาลวันพ่อนี้ ในบทความนี้จึงจะไม่มีข้อความของทั้ง 5 คนรวมอยู่ด้วย
อานนท์ นำภา
พ่อของใคร : ขาล วัย 1 ขวบ และปราณ วัย 7 ขวบ
ปีนี้ไม่ได้เจอลูกมาแล้ว : 71 วัน
วันพ่อที่หายไป : 2 ครั้ง (ปี 2564 และปี 2566)
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิด 1 ขวบ ของ “ขาล” อิสรานนท์ ลูกชายคนเล็ก อานนท์ได้เขียนจดหมายอวยพรให้กับลูกชาย โดยมีเนื้อหาบางส่วนกล่าวว่า
“ขอให้อิสรานนท์สุขภาพแข็งแรง มีความสุข เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ตามวัย
“หากจะมีของขวัญสักชิ้นที่พ่อจะมอบให้ได้ คงเป็นสิ่งที่พ่อและเพื่อน ๆ ในยุคสมัยของพ่อที่ตื่นรู้ ตาสว่าง ลุกขึ้นสู้เพื่อเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียม พวกเราใฝ่ฝันจะส่งต่อสังคมใหม่ให้คนรุ่นต่อไป หวังว่ามันจะทันผลิดอกออกผลให้อิสรานนท์เติบโตและใช้ชีวิตในสังคมใหม่ที่ดีงาม
“วันนี้และในอีกหลาย ๆ ปีของวันนี้ พ่อคงได้แต่ส่งพรจากที่นี่ ในวันที่อิสรานนท์โตพอที่จะอ่านจดหมายเหล่านี้ได้ เจ้าคงเข้าใจในสิ่งที่ครอบครัวของเราทำอยู่ แม่ส่งรูปอิสรานนท์ยิงฟัน เห็นฟันที่เพิ่งขึ้นมาให้ดูแล้ว ตลกมาก รวมทั้งทรงผมใหม่ของอิสรานนท์ด้วย”
และเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา ครอบครัวของอานนท์ได้รับจดหมาย Domimail จากเรือนจำ ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนได้พูดถึงลูกรักทั้งสองไว้ว่า
“ช่วงวันหยุดยาว พ่อคิดถึงลูกทั้งสองมากเป็นพิเศษ และคงต้องทนคิดถึงอีกหลายวันกว่าจะได้พบหน้า แม่ของพวกเธอเขียนจดหมายมาเล่าให้พ่อฟังแล้วเรื่องที่ปราณลงแข่งว่ายน้ำและชนะได้เหรียญทองแดงมา ความจริงเรื่องแพ้ชนะก็อีกเรื่อง แต่ต้องถือว่าชนะใจตัวเองแล้วที่กล้าลงแข่งขัน เป็นพ่อคงไม่กล้าสมัครแบบนั้น แม่ของพวกเธอกว่าจะก้าวลงแข่งในเรื่องต่าง ๆ ก็ตอนเรียน ม. 5 แหนะ
“จบเทอมนี้ปราณก็จะขึ้น ป.3 ส่วนเจ้าขาลคงอีก 2 ปีกว่าจะเข้าเตรียมอนุบาล ตอนที่ปราณเข้าอนุบาลปราณเรียนเร็วกว่าเพื่อนในชั้นถึง 1 ปี แต่ลูกพ่อก็สามารถผ่านมันมาได้ พ่อยังจำได้ในวันที่ปราณแข่งกีฬาสีต้องขึ้นแสตนเชียร์ ปราณยังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เลย ตอนนี้ลูกพ่อโตขึ้นมากแล้ว ขอให้ปราณมีพลังเช่นนี้ และใช้พลังนั้นให้คุ้มค่ากับการได้ถือกำเนิดมา
“ส่วนเจ้าขาลน้อย ๆ นอกจากจะใช้ห้องพิจารณาของศาลเป็นที่นัดพบสำหรับเรา เธอยังโชคดีที่เจอศาลที่ใจดีไม่ว่าตอนที่พ่ออุ้มและเล่นกันกับเธอ ตอนนี้ขาลเริ่มตั้งไข่หัดเดินก็ได้เก้าอี้ยาวในห้องพิจารณานั่นแหละที่ใช้เกาะเดิน แต่ช่วงหลังเจ้าขาลเริ่มส่งเสียงบ่อยครั้งจึงต้องให้แม่อุ้มออกจากห้องพิจารณา
“เสียดายที่ช่วงวันหยุดยาวเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันคงยาวถึงปีใหม่ และคงอีกหลายปีที่เราได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า จงอดทนและดำเนินชีวิตด้วยความหวัง ที่นี่พ่อก็จะอดทนและดำเนินชีวิตด้วยความหวังเช่นกัน”
ทำความรู้จักกับคดี ม.112 ที่ทำให้อานนท์ถูกคุมขัง
สมบัติ ทองย้อย
พ่อของใคร : ณัฏ อายุ 27 ปี
ปีนี้ไม่ได้เจอลูกมาแล้ว : 84 วัน
วันพ่อที่หายไป : 2 ครั้ง (2565-2566)
วันพ่อเมื่อปีที่แล้ว (2565) สมบัติก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเป็นคดีเดียวกันที่กำลังถูกขังอยู่ตอนนี้ แต่ตอนนั้นเป็นการถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา และเคยได้รับการประกันตัวออกไปแล้ว แต่ต้องกลับเข้าเรือนจำอีกครั้งภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ทำให้วันพ่อปีนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่สมบัติติดอยู่ในเรือนจำ 2 ปีที่สมบัติและลูกไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลย
สมบัติฝากข้อความถึง “ณัฏ” ผู้เป็นลูกสาวว่า “พ่อยังเป็นพ่อคนเดิมที่อยู่ในความทรงจำของลูกในทุกบริบท ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ‘พ่อก็คือพ่อ’ ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่อเสมอที่พ่อจะคอยดูแลไปตลอด และลูกก็อยู่ในใจของพ่อตลอดเช่นกัน”
“ไม่ว่าพ่อจะอยู่ที่ไหน ลูกก็อยู่ในใจพ่อเสมอ ถ้าได้ออกไป ทุกวันพ่อจากนี้เราคงได้อยู่ด้วยกันทุกปีตลอดไป
“ในทุก ๆ วันพ่อ สิ่งที่เราจะทำกันตลอด คือตอนลูกเด็ก ๆ เราจะพาเขาไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกัน แต่ตอนนี้ตั้งแต่เขาโตขึ้น มีเงินเดือน เขาก็จะพาเราไปเลี้ยงข้าว” สมบัติพูดไปยิ้มไป
สมบัติคิดถึงลูกสาวมาก “คนเราเคยอยู่ด้วยกันตลอด โดยเฉพาะ 2 ปีที่ผ่านมาเราเข้ามาอยู่ในนี้ ในเรือนจำ แล้วเราเป็นเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอด เป็นห่วงทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะบ้านช่องที่ทรุดโทรมไป ถ้ามันจะซ่อมก็ไม่มีใครกล้าตัดสินใจแทนเรา อยากขอให้ครอบครัวอดทนอีกนิดเดียว เดี๋ยวจะได้ออกไปอยู่ด้วยกันตัดสินใจอะไรร่วมกัน”
ทำความรู้จักกับคดี ม.112 ที่ทำให้สมบัติถูกคุมขัง
ทีปกร
พ่อของใคร : ลูกชาย วัย 8 ปี มีความพิการทางออทิสติกมาตั้งแต่กำเนิด
ปีนี้ไม่ได้เจอลูกมาแล้ว : 170 วัน
วันพ่อที่หายไป : 1 ครั้ง (2566)
ทีปกรบอกว่าตั้งแต่มีลูก วันพ่อทุกปีจากนั้น ครอบครัว พ่อ แม่ และลูก มักจะหาซื้ออาหารเข้าไปทำกินที่บ้านด้วยกัน และใช้เวลาทั้งวันอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมสนุก ๆ ด้วยกันตลอดทั้งวัน
ทีปกรฝากข้อความถึงลูกชายว่า “คิดถึง อยากออกไปเจอหน้าลูกเร็ว ๆ อยากตัดผมให้เขา เพราะเวลาที่พาเขาไปตัดผมข้างนอก หรือให้คนอื่นตัดให้ เขาจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง จะดิ้น ไม่ยอมนั่งตัดดี ๆ แต่พอเราตัดให้ เขาจะนิ่งมาก”
“ตอนนี้เขาเริ่มโตแล้ว เป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นที่ต้องใช้ในการเลี้ยงดูเขา ทางแม่เขาจะไม่ไหว เพราะที่ผ่านมาก็จะมีเราช่วยซัพพอร์ตบ้าง รวมถึงตายายก็เป็นคนช่วยด้วย แต่ตอนนี้ตายายก็เริ่มแก่ตัวลงแล้ว ไม่มีรายได้อะไร ส่วนแม่ของลูกก็หาเงินได้ไม่มาก กลัวว่าเขาจะลำบากกันมากขึ้น เพราะเราเองอยู่ในนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“คิดถึงมากลูกมาก เพราะปัญหาภายในครอบครัวและปัญหาหลายอย่าง ทำให้ผมไม่ได้เลี้ยงดูเขาเอง แต่ถ้าเป็นไปได้ เราอยากเป็นคนเลี้ยงเขาเอง นอกจากลูกชายแล้ว ผมคิดถึง ‘หลานสาว’ มาก ๆ เราเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ เลี้ยงเหมือนลูกคนหนึ่งเหมือนกัน”
ทำความรู้จักกับคดี ม.112 ที่ทำให้ทีปกรถูกคุมขัง
บาส ประวิตร
พ่อของใคร : ลูกชาย วัย 11 เดือน และลูกสาว วัย 4 ขวบ
ไม่ได้เจอลูกมานานแค่ไหนแล้ว : 148 วัน
วันพ่อที่หายไป : 1 ครั้ง (2566)
เมื่อถามบาสว่าวันพ่อปีนี้อยากจะฝากข้อความอะไรถึงลูกทั้ง 2 คนหรือไม่ เมื่อบาสได้ยินคำถาม บาสนิ่งไปสักพัก บาสบอกว่า อยู่ดี ๆ ได้ยินคำถามแล้วก็สมองตื้อ ไม่รู้จะพูดอะไร สีหน้าของบาสเปลี่ยนไปเป็นเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
บาสตอบว่า “คิดถึงลูกมาก ไม่ได้ใช้เวลากับลูกเลย ยิ่งเขากำลังจะโตก็ไม่ได้อยู่เลี้ยงเขา อยากออกไปเลี้ยงลูก มีลูกอยู่ 2 คน แต่ไม่ได้ดูเขาโตเลยทั้งสองคน
“เป็นห่วงเรื่องการกิน การอยู่ ของภรรยากับลูกมาก ไม่ได้ดูแลลูกเอง เป็นห่วงลูกคนโต ตอนนี้พี่ชายของผมช่วยเลี้ยงเขาอยู่ เป็นห่วงภรรยามาก เขาเป็นคนเลี้ยงลูกคนเล็กเองคนเดียวตอนนี้ เพราะผมต้องอยู่ในนี้ แฟนผมทำงานคนเดียว เลี้ยงลูกไปด้วย แบกรับค่าใช้จ่ายทุกอย่าง หลายอย่าง ลูกก็ยังเล็กมาก คนเล็กก็เพิ่งเกิดปีนี้นี่เอง”
“วันพ่อในปีที่ผ่าน ๆ มา ไม่เคยไปฉลองกับลูกเลย เพราะเราทำงาน และวันพ่อปีที่แล้วก็ใส่ EM ทำให้ไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่บ้านตลอด ปีนี้ก็อยู่ในนี้ อยู่นานด้วย (ยิ้มเศร้า)
“จริง ๆ ตอนนี้รู้สึกอยากออกไปหาลูก อยากพาลูกไปเที่ยวมาก เพราะก่อนหน้านี้ลูกคนโตก็เด็กมากจนไม่ได้พาออกไปใช้เวลาวันพ่อเลย เขายังไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับวันพ่อที่ยังพอจะจำได้เลย
“คิดถึง คิดถึงทุกคนมากเลย คิดถึงมาก ๆ” บาสพูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เหมือนว่ากำลังจะร้องไห้ออกมา
ทำความรู้จักกับคดีที่ทำให้ประวิตรถูกคุมขัง
อารีฟ วีรภาพ
พ่อของใคร : “ไออุ่น” ลูกชาย วัย 1 ขวบ 6 เดือน
ไม่ได้เจอลูกมานานแค่ไหนแล้ว : 69 วัน
วันพ่อที่หายไป : 1 ครั้ง (2566)
อารีฟบอกว่าตอนนี้ลูกชายอายุได้ 1 ขวบกับอีก 8 เดือนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ที่จริงเขาวางแผนไว้กับแฟนนานแล้วว่าจะพาลูกไปเที่ยวป่า ดูธรรมชาติ แต่กลับต้องถูกคุมขังซะก่อน ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ออกไปก่อนเทศกาลปีใหม่หรือเปล่า “ถ้าออกไปทันผมจะพาลูกไปเที่ยว” อารีฟบอก
อารีฟเล่าย้อนให้เราฟังว่า “ก่อนจะมีลูก ผมเป็นคนหัวรั้นตามประสาวัยรุ่นทั่วไป พอมีลูกแล้วรู้สึกชีวิตเปลี่ยนไป ความรู้สึกตอนเห็นหน้าลูกครั้งแรกใจเต้นตึกตัก ตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากขึ้น นึกถึงลูกอยู่ตลอด”
“ที่จริงแฟนเป็นคนอยู่กับลูกมากกว่า แต่ผมก็ไปหาลูกบ่อย ๆ หลังเลิกงานก็หาเวลาไปหาลูก อาจจะมีช่วงยุ่ง ๆ บ้าง แต่ก็พยายามเจอลูกให้มากเท่าที่จะทำได้ เวลาที่ได้ใช้ร่วมกับลูกก็มักจะเล่นกับลูกเสมอ”
อารีฟบอกว่าคิดถึงลูกมาก “อยากกอด อยากหอมลูกมาก ตอนวิดีโอคอลคุยกันล่าสุดก็เล่นจ๊ะเอ๋กัน ลูกยังเรียกป๊า ๆ อยู่ตลอด น้ำตาก็แตกอีกเพราะคิดถึงเขามาก แล้วพอเราอยู่ในนี้เราก็ลูกสึกผิดกับลูก เหมือนกำลังต้องโกหกหรือปิดบังลูกอยู่ตลอดเวลา รู้สึกผิดที่ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับเขา”
อารีฟยังบอกอีกว่า “เราก็เป็นพ่อคน ลูกคนนี้ก็ลูกคนแรก เราก็อยากอยู่กับลูก อยากให้คืนพ่อให้ลูก”
ทำความรู้จักกับคดีที่ทำให้วีรภาพถูกคุมขัง
โย่ง
พ่อของใคร : ลูกสาว วัย 26 ปี
ไม่ได้เจอลูกมานานแค่ไหนแล้ว : 1,100 วัน
วันพ่อที่หายไป : 4 ครั้ง (2563 – 2566)
ลุงโย่งเล่าให้ฟังว่า มีลูกสาวคนหนึ่ง ตอนนี้อายุ 26 ปีแล้ว เธอเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ตั้งแต่หย่าร้างกับแม่ของลูกตอนลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ป.3 โย่งก็ดูแลเธอมาตลอด ส่งเสียให้เรียนหนังสือ สั่งสอนว่าอะไรที่ถูกที่ควร โย่งบอกว่าให้ความสำคัญกับเรื่อง “การพูดความจริง” มากที่สุด
แกล้งเล่นขำๆอะไรแบบนี้ยังพอรับได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงจังอย่างมีปัญหา หรือเรื่องเงินเรื่องทองเนี่ย ไม่อยากให้โกหกพ่อ ผมอยากให้ลูกดูแลตัวเองได้ ถ้าไม่มีผมเขาจะได้ไม่ลำบาก”
“จริง ๆ ผมสนิทกับลูกมากนะ (ยิ้ม แววตาดูมีความสุขเมื่อพูดถึงลูก)
“ผมบอกเขาเสมอว่า มีอะไรก็บอกพ่อนะลูก มีปัญหาจะได้ช่วยกันแก้ มันก็บอกผมทุกเรื่องเลยทีนี้ ไปกินเหล้า เมา กลับไม่ได้ โทรเรียกผมไปรับผมก็ไป (หัวเราะ) อยู่กันแบบเพื่อน เวลาเขาเจอผม เขาก็ชอบเข้ามากอด จะอยู่ข้างนอกคนเยอะคนน้อยยังไงก็ช่าง ผมเคยถามว่าไม่อายคนเหรอลูก ลูกตอบว่า ‘ไม่เป็นไร พ่อเป็นพ่อหนู หนูมีความสุขที่ทำแบบนี้’ (ยิ้ม)
“ตอนผมโดนจับ ลูกเป็นคนที่ตามหาผมไปทั่ว กลับบ้านเอาโฉนดที่ดินมาทำเรื่องประกันตัวให้ (ยิ้ม) เขาไม่ได้ทิ้งผม ถึงจะเงียบหายไป แต่ผมก็เข้าใจว่าลูกกำลังลำบาก ตอนนี้เขาทำงานแล้ว มีครอบครัวอยู่พระประแดง ได้ยินว่ามีลูกแฝดชายหญิงด้วย ผมก็ดีใจที่เห็นเขาดูแลตัวเองได้
โย่งฝากคำอวยพรถึงลูกสาวตัวเองว่า “ขอให้มีความสุข เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานให้ดี เดี๋ยวพ่อออกไปแล้วจะช่วยเลี้ยงอีกแรง (ยิ้ม) ขอให้แข็งแรง เอาตัวรอดในสังคมได้ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว”
โย่งบอกว่าไม่เป็นห่วงลูกสาวแล้ว เพราะโตแล้ว แค่เขาไม่ป่วยโย่งก็สบายใจแล้ว อยากให้ลูกโฟกัสที่ครอบครัวตัวเอง และบอกว่า “ลูกคงลำบากน่าดูช่วงนี้ เราอยู่ข้างในยังมีข้าวโรงเลี้ยง เมื่อก่อนเขาเคยส่งเงินให้ผมเดือนละพัน แต่ผมกลัวลูกลำบาก เลยบอกว่าไม่ต้องส่งมาแล้ว พ่อดูแลตัวเองได้”
โย่งเล่าย้อนถึงวันพ่อปีที่ผ่าน ๆ มา ว่าใช้เวลากับครอบครัวอย่างไรบ้าง “ก็พาลูกพาหลานไปเที่ยว ไปซาฟารีบ้าง สวนสัตว์บ้าง บางมีลูกก็โอนเงินให้ 1,000-3,000 บาท เคยได้มากสุดหมื่นหนึ่ง แต่ผมไม่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ให้เท่าไหร่พ่อก็ดีใจ ไม่ให้เลยก็ได้ เพราะผมเลี้ยงเขามาเสียเยอะกว่านั้นอีก (หัวเราะเสียงดัง) แค่ลูกไม่ไปเบียดเบียนสังคมผมก็พอใจแล้ว ผมไม่ได้หวังอะไรจากเค้าเลย”
“คิดถึงลูกมาก บางทีฝันถึงก็น้ำตาไหล ลูกเคยมาเยี่ยมผมครั้งหนึ่ง ผมเห็นแล้วก็หดหู่ ลูกดูเหนื่อยมาก ทำไมผมต้องมาอยู่ในนี้ อยากอยู่ข้างนอกเพื่อทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด แล้วก็ไม่อยากให้ลูกมาเห็นผมในสภาพนี้ด้วย (น้ำตาคลอ) เห็นแล้วก็น้ำตาไหล ลูกก็หันหน้าหนีไปร้องไห้
“เขามาเยี่ยมผม ผมก็รู้สึกดี แต่ความรู้สึกดีมันน้อยกว่าความรู้สึกแย่ที่ต้องเห็นลูกร้องไห้ ผมก็เลยบอกลูกว่า ถ้าลำบากก็ไม่ต้องมาแล้วลูก กลับไปดูแลครอบครัวตัวเองเถอะ มาเยี่ยมพ่อก็เดินทางยาก ต้องต่อรถต่อเรือมากมาย เสียค่าใช้จ่ายอีก พ่ออยู่ข้างในได้ไม่ลำบาก”
“อยากไปช่วยเลี้ยงหลาน ช่วยสอนหลาน คงมีเท่านั้นแหละครับที่ผมอยากทำ”