จับตา! คำพิพากษาคดี 112  “เพชร ธนกร” คดีแรกของศาลเยาวชนฯ เหตุปราศรัย #ม็อบ6ธันวา63 ลานพระเจ้าตากฯ วงเวียนใหญ่

ในวันที่ 22 พ.ย. 2565 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีนัดฟังคำพิพากษาคดี 112 ของ “เพชร” ธนกร (สงวนนามสกุล) เยาวชนนักกิจกรรมผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) อายุ 19 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ6ธันวา บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2563 เป็นคดีหมายเลขดำที่ ยชอ. 109/2564

โดยเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2564 ธนกรถูกพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม แจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมกับชูเกียรติ แสงวงค์ และ วรรณวลี ธรรมสัตยา หลัง จักรพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ

ต่อมาวันที่ 9 เม.ย. 2564 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 2 ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และศาลรับฟ้อง สำหรับคดีนี้นับเป็นคดีแรกที่ศาลเยาวชนฯ จะมีคำพิพากษา หลังตัวเยาวชนยืนยันต่อสู้คดี 

.

คำฟ้องระบุ ปราศรัยใส่ความ ร.10 และพระบิดา เป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพกษัตริย์ ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้

จากเอกสารคำฟ้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2563 ธนกรได้เข้าร่วมชุมนุมและขึ้นกล่าวปราศรัยแก่ประชาชนซึ่งมาร่วมชุมนุมมีใจความโดยสรุปกล่าวถึงการปกครองของไทยว่า ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รวมทั้งกล่าวถึงบทบาทของกษัตริย์กับการรัฐประหาร พร้อมกับเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศ

อัยการระบุว่า ถ้อยคำที่ปราศรัยดังกล่าวไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต แต่เป็นการใส่ความพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบัน ต่อประชาชนที่มาร่วมชุมนุมและที่ได้รับชมผ่านการถ่ายทอดสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ให้เข้าใจว่าพระองค์เป็นบุคคลไม่ดี ไม่เคารพกฎหมาย ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทำสิ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดก็ไม่ต้องรับผิดใดๆ และสามารถกระทำการใดๆ เกินกว่าที่กฎหมายจะบังคับได้

อัยการยังระบุว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการใส่ความพระราชบิดาของกษัตริย์ รัชกาลที่ 10 ด้วยว่า ทรงสนับสนุน อนุญาต ยอมรับหรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการทำรัฐประหารและปกครองระบอบเผด็จการ โดยทรงลงพระนาม (เซ็น) ยินยอมให้มีการรัฐประหารเมื่อปี 2557 อันเป็นความเท็จและเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย โดยประการที่น่าจะทำให้พระองค์เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลที่สาม ซึ่งได้เห็น รับชม รับฟังถ้อยคำดังกล่าว และทำให้เสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ 

.

ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยืนยันถ้อยคำปราศรัยมิใช่การหมิ่นฯ แต่เป็นประเด็นที่ถูกสังคมหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันโดยทั่วไป

เกี่ยวกับการต่อสู้ในคดีนี้ ธนกรให้การปฏิเสธตั้งแต่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และยืนยันต่อสู้คดีในชั้นศาลโดยไม่เลือกเข้ามาตรการพิเศษ แม้จะมีความกังวลในเรื่องกระบวนการพิจารณาคดีตามที่ได้แสดงความรู้สึกไว้ในวันที่ถูกฟ้อง เนื่องจากที่ผ่านมาได้เห็นความไม่เป็นธรรมและกระบวนการที่นอกเหนือกฎเกณฑ์มาแล้ว และสำหรับธนกร การดำเนินคดีกับผู้แสดงออกทางการเมืองเช่นนี้ ทำให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นเรื่องยากมากขึ้น

โดยช่วงระหว่างวันที่ 17 – 19 และ 24 – 25 ส.ค. 2565 ศาลเยาวชนฯ นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในคดี ซึ่งฝ่ายโจทก์ยื่นบัญชีพยานจำนวน 12 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลยแถลงว่ามีพยานที่จะนำสืบจำนวน 6 ปาก

ในวันแรกของการสืบพยานเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2565 ผู้สังเกตการณ์รายงานว่า เมื่อธนกรเดินทางถึงห้องพิจารณาคดี ศาลได้มีคำสั่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดออกจากห้องพิจารณา ให้เหลือไว้เพียงจำเลยและที่ปรึกษากฎหมายเท่านั้น ซึ่งในวันดังกล่าวผู้ปกครองของธนกรติดธุระจึงไม่ได้มาร่วมฟังการสืบพยานด้วย ทำให้ตลอดการสืบพยานไม่มีคนอื่นที่นอกเหนือจากธนกร ที่ปรึกษากฎหมาย และผู้ปกครอง ที่เข้าร่วมฟังการสืบพยานด้วย 

สำหรับแนวทางการต่อสู้ในคดีนี้ ธนกรและที่ปรึกษากฎหมายยืนยันว่า ถ้อยคำที่ปราศรัยไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 ที่โจทก์ฟ้อง โดยมีลักษณะสำคัญ 2 ประการ คือ

  1. ถ้อยคำปราศรัยมิใช่การหมิ่นประมาทฯ แต่การวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่สังคมหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว
  2. ถ้อยคำปราศรัยไม่ได้กล่าวจำเพาะเจาะจงถึงกษัตริย์พระองค์หนึ่งพระองค์ใด

ทั้งนี้ ภายหลังการสืบพยาน ศาลเยาวชนฯ กำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 พ.ย. 2565 ซึ่งจะเป็นคำพิพากษาแรกของศาลเยาวชนฯ ในคดีมาตรา 112

.

.

ปัจจุบัน ธนกรถูกดำเนินคดีทางการเมืองรวมแล้ว 8 คดี โดยเป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 3 คดี จากเหตุขึ้นปราศรัยในการชุมนุม #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ ที่บริเวณลานกิจกรรมท่าน้ำนนทบุรี เมื่อ 10 ก.ย. 2563 และเหตุ #แต่งครอปท็อปเดินห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 

และเป็นเยาวชนนักกิจกรรมเพียงคนเดียวที่ถูกดำเนินคดีในข้อหา มาตรา 116 จากเหตุขึ้นปราศรัยในการชุมนุม #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ โดยในคดีดังกล่าวนั้น ธนกรก็ยังคงยืนยันว่าต้องการที่จะต่อสู้คดีแทนการเข้ารับมาตรการพิเศษ โดยระบุว่าต้องการให้คดีความของตนเป็นหมุดหมายสำหรับคดีการเมืองในศาลเยาวชนฯ คดีอื่นๆ ต่อไป

.

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

รัฐต้องฟังเสียงของเยาวชน: บทสนทนากับ ‘ธนกร’ เยาวชนรายแรกที่ถูกตั้งข้อหา ม. 116

“ธนกร” เยาวชนรายแรกที่ถูกตั้งข้อหา ม.116 ยื่นหนังสือขออัยการสั่งไม่ฟ้อง ยืนยันสิทธิเสรีภาพ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และรัฐธรรมนูญไทย

คุยเรื่องสิทธิเด็กกับวรางคณา มุทุมล: เลนส์มองปรากฏการณ์เด็กโต้กลับในวันผู้ใหญ่ยังไม่พร้อม

.

X