“ฟ้า-ปูน” ถูกแจ้งข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” อีกคดี จากกรณีปราศรัย ม็อบ #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112


เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2565  “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี นักกิจกรรมจากกลุ่มราษฎรมูเตลู และ “ปูน” ธนพัฒน์ (สงวนนามสกุล) นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า ได้เดินทางไป สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ตามหมายเรียกจากกรณีการปราศรัยในการชุมนุม #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112 ที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2564

คดีนี้เดิมมีการแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นข้อหาหลัก ต่อนักกิจกรรมที่ขึ้นเวทีปราศรัยรวม 13 คน โดยมี พ.ต.ท.ภราดร สุวรรณรัตน์ เป็นผู้กล่าวหา ต่อมามี นายระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ ไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อพรหมศรและธนพัฒน์ในข้อหาตามมาตรา 112 ทำให้พนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกทั้งสองคนมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก


>>ตร.ลุมพินีแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นักกิจกรรมอีก 5 ราย คดีชุมนุม #ราษฎรประสงค์[ยกเลิก112

>>“เมนู-ทานตะวัน” ถูกตร.ลุมพินีแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุชุมนุม #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112

พ.ต.ต.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ สารวัตรสอบสวน บรรยายพฤติการณ์ข้อกล่าวหาโดยไล่ลำดับเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2564 พร้อมระบุว่าเวลาประมาณ 16.41-16.56 น. ธนพัฒน์ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีเป็นคนที่ 2  มีเนื้อหากล่าวถึงการตายของลุงนวมทอง ที่ออกมาสู้เพื่อเสรีภาพของประชาชน และชนชั้นปกครองเห็นว่าหากประชาชนมีเสรีภาพตนเองจะหมดอํานาจ จึงต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายที่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น แต่ประชาชนควรมีสิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์แสดงความคิดเห็นและมีสิทธิพูดความจริง และ กล่าวถึงการโอนทรัพย์สินต่างๆ ในส่วนของสถาบันกษัตริย์

ต่อมาเวลา 18.39-16.57 น. พรหมศร วีระธรรมจารี ได้ขึ้นเป็นผู้ปราศรัยคนที่ 4 กล่าวปราศรัยโดยกล่าวถึงต้องยกเลิกมาตรา 112 สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กล่าวถึงการที่ประยุทธ์ เมื่อขึ้นดํารงตําแหน่ง ประเทศก็พบกับความยากลําบากและกล่าวถึงการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยกล่าวถึง “โครงการในพระราชดำริ” ที่มีอยู่กว่า 4,000 โครงการ ประชาชนควรมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ถึงประโยชน์ที่ได้รับ ข้อดี ข้อเสีย ของโครงการต่างๆ

ต่อมาคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคําสั่ง บก.น.5 ที่ 251/2564 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวน สอบสวน กรณีที่ นายระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ (ผู้กล่าวหา) มาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม

คณะพนักงานสอบสวนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการที่พรหมศรและธนพัฒน์ได้ปราศรัยในวันเวลาที่เกิดเหตุ เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และ อาฆาตมาดร้ายกษัตริย์จริง โดยข้อกล่าวหาได้ถอดเทปเนื้อหาบางส่วนในคำปราศรัยของทั้งสองคนไว้คนละ 2-3 หน้ากระดาษ พร้อมสรุปว่าถ้อยคำปราศรัยเป็นการใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

เบื้องต้นทั้งคู่ได้ให้การปฎิเสธและจะให้การเป็นหนังสือภายใน 30 วัน ก่อนพนักงานสอบสวนจะให้ปล่อยตัวทั้งสองคน โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2565 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาแก่ทั้งสองคนไปก่อนแล้ว ได้แก่ ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ข้อหาร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวกับความมั่นคงฯ และข้อหาร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 385 ทำให้คดีนี้ทั้งสองคนถูกกล่าวหารวม 4 ข้อกล่าวหา 

สำหรับ “ฟ้า” คดีนี้นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 5 แล้วที่เขาถูกกล่าวหา ส่วน “ปูน” นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 3 ซึ่งถูกกล่าวหา โดยมี 1 คดี ที่ถูกกล่าวหาขณะยังเป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี 

ทั้งนี้ ผู้กล่าวหาเพิ่มเติมในคดีนี้ ได้แก่ ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ เป็นสมาชิกของศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้กล่าวหาในคดีมาตรา 112 ของ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ และเบนจา อะปัญ ในกรณีปราศรัยในการชุมนุม #กระชากหน้ากากไบโอไซน์ หน้าที่ทำการของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ของ สน.ปทุมวัน มาแล้ว

>> สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-65

X