วานนี้ (28 ก.ย. 64) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พนักงานสอบสวนจาก สน.ลุมพินี ได้เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาต่อ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกัน” ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มทะลุฟ้าในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ก่อนไปทำกิจกรรมหล่อเทียนที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 64 และกรณีกิจกรรม “หล่อเทียนทําบุญประเทศ ขับไล่เสนียดจัญไร ออกไปไอ้สัส” เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 64 ที่ แยกราชประสงค์
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนจาก สน.ลุมพินี ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในกรณีร่วมชุมนุมปราศรัยเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในระหว่าง #ม็อบ25ตุลา เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 63 ที่แยกราชประสงค์ หลังคดีนี้พนักงานอัยการได้ตีสำนวนกลับ ให้ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
.
แจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไผ่ เหตุยืนชูสามนิ้ว ในร้าน 7-11 และทำกิจกรรมหล่อเทียนไล่ประยุทธ์
เวลาประมาณ 11.00 น. พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ มนัสชน และ ร.ต.อ.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาต่อจตุภัทร์ ผ่านทางโทรศัพท์ภายในเรือนจำ โดยมีทนายความเข้าร่วมฟัง
พฤติการณ์ในคดี ระบุถึงถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศของนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้บังคับใช้ต่อเนื่องมาตลอด ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 รวมถึงการประกาศให้เขตพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และออกข้อกําหนดห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ซึ่งรวมถึงข้อห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันมากกว่า 5 คน และห้ามกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 64 ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. มีมวลชนประมาณ 30 คน รวมทั้งจตุภัทร์ ได้เดินทางมารวมกลุ่มภายในร้าน 7-11 ถนนสีลม พร้อมแสดงสัญลักษณ์ยืนชูสามนิ้ว มีการใส่แว่นตาสีดำและสวมหน้ากากอนามัยสีฟ้า เป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยไม่ได้มีการปราศรัย หรือกระทำการใดๆ ในร้าน นอกจากมีบางคนในกลุ่มยืนเฉยๆ และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยชูสามนิ้ว
ต่อมา 14.30 น. จตุภัทร์กับพวกรวม 30 คน ได้เดินเท้าจากถนนสีลมมุ่งหน้าไปสวนลุมพินี เพื่อทำกิจกรรม “ร่วมหล่อเทียนทําบุญประเทศ ขับไล่เสนียดจัญไร ออกไปไอ้สัส” บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น. โดยจตุภัทร์และพวกได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ชูสามนิ้ว พร้อมตะโกนพูดว่า “สวัสดีครับ” และมีการบันทึกภาพไว้ ซึ่งในขณะนั้น มีสื่อมวลชนมาในที่เกิดเหตุด้วย
นอกจากนี้ ในกิจกรรมดังกล่าวยังมีผู้ต้องหาอีก 9 ราย ได้แก่ โชคดี ร่มพฤกษ์, พีรพงศ์ เพิ่มพูล, ทรงพล สนธิรักษ์, ทานตะวัน ตัวตุลานนท์, วรวรรณ แซ่อึ้ง, ธนายุทธ ณ อยุธยา, พรหมศร วีระธรรมจารี, ธนพัฒน์ กาเพ็ง และภาณุพงศ์ จาดนอก ได้ร่วมกันปราศัย, แสดงความคิดเห็น, เล่นดนตรี, อ่านประกาศจุดยืนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และได้กล่าวเชิญชวนให้มวลชนเข้าร่วมกิจกรรมอีกครั้งในวันที่ 23 ก.ค. 64 เวลา 16.00 น. ที่ห้าแยกลาดพร้าว ก่อนจะประกาศยุติการชุมนุมและเดินทางกลับ
พนักงานสอบสวนได้บรรยายว่า ผู้ต้องหาแต่ละคนมีพฤติการณ์กระทําความผิดแตกต่างกัน โดยจตุภัทร์ได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมดังกล่าว
ดังนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของ
บุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน” และ ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง “ห้ามการชุมนุม การทํากิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019”
ตร.แจ้ง 3 ข้อหา เหตุร่วมกิจกรรมหล่อเทียนพรรษา ร้องเพลง-ปราศรัยไล่ประยุทธ์
สำหรับคดีที่สอง พนักงานสอบสวนบรรยายพฤติการณ์ข้อกล่าวหาโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 64 จตุภัทร์และพวกอีก 7 ราย ได้แก่ นวพล ต้นงาม, ธนพัฒน์ กาเพ็ง, ปนัดดา ศิริมาศกูล, พรชัย ยวนยี, พีรพงศ์ เพิ่มพูล, ทรงพล สนธิรักษ์ และโชคดี ร่มพฤกษ์ ได้มาร่วมกิจกรรม “ร่วมหล่อเทียนทําบุญประเทศ ขับ ไล่เสนียดจัญไร ออกไปไอ้สัส” ที่บริเวณแยกราชประสงค์
ในช่วงบ่ายวันดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมได้จัดเตรียมเวทีเพื่อทํากิจกรรมบนพื้นผิวทางจราจร บริเวณถนนราชดําริ จํานวน 3 ช่องทางจราจร โดยมีการติดป้ายข้อความและใช้แผงเหล็กกั้นบนพื้นผิวการจราจร มีการเล่นดนตรี, กล่าวปราศัยในประเด็นต่างๆ เช่น เรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19, การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล, กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน
พนักงานสอบสวนได้บรรยายว่า ผู้ต้องหาแต่ละคนมีพฤติการณ์กระทําความผิดแตกต่างกัน โดยจตุภัทร์ได้เป็นผู้ประกาศให้ผู้ร่วมกิจกรรมขยายพื้นที่ การทํากิจกรรมเพิ่มอีก 1 ช่องทางการจราจร รวมเป็น 4 ช่องทางจราจร ทําให้ช่องทางจราจรบนถนนราชดําริมุ่งหน้าประตูน้ํา เหลือเพียง 6 ช่องทางจราจร รวมถึงยังกล่าวปราศรัยว่าเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เนื่องจากบริหารจัดการสถานการณ์โควิดที่ล้มเหลว
ดังนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหาแก่จตุภัทร์ ได้แก่ ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง และข้อหาร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
ด้านจตุภัทร์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในทั้ง 2 คดี โดยจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 20 วัน ทั้งนี้ จตุภัทร์ไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
.
แจ้งข้อหาเพิ่ม “ร่วมกัน” ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุม-พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คดีชุมนุมราชประสงค์ตุลา 63
ในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนจาก สน.ลุมพินี ทั้งสองคน ยังได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อจตุภัทร์ ในกรณีชุมนุมปราศัยใน #ม็อบ25ตุลา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2563 ที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นการชุมนุมหลังจากจตุภัทร์ได้รับการประกันตัวจากคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย ทั้งแดร็กควีน คณะราษแดนซ์ และมีผู้เข้าร่วมเปิดปราศรัยเป็นเวทีย่อยหลายเวที
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค 63 จตุภัทร์ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบ 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ไม่แจ้งการชุมนุมล่วงหน้า” และฝ่าฝืนข้อกำหนดของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 13 ข้อ 1 และข้อ 5 โดยคดีมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 5 คน
>>“ครูใหญ่” – “ไผ่” ถูกแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ – พ.ร.บ.ชุมนุมฯ เหตุร่วม #ม็อบ25ตุลา สี่แยกราชประสงค์
ก่อนที่พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี จะสรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงปทุมวัน ต่อมาพนักงานอัยการได้ตีสำนวนกลับ และมีหนังสือลงวันที่ 6 ก.ย. 64 ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อทั้ง 5 คน
พนักงานสอบสวนจึงทยอยแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อทั้งห้าคน รวมทั้งจตุภัทร์ในครั้งนี้ ได้แก่ “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มโดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนด โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ร่วมกันกระทําด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางทางสาธารณะและการจราจรจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร”
จตุภัทร์ยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยไม่ยินยอมลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 จตุภัทร์ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ตามหมายจับศาลอาญา จากเหตุร่วมกันสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนไม่ได้การประกันตัวนับตั้งแต่วันนั้น ทำให้เขาถูกคุมขังเป็นระยะเวลา 51 วันแล้ว โดยขณะนี้เขาถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กรณีที่ถูกการถอนประกันตัวจากคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และเพิ่งหายจากอาการป่วยโรคโควิด-19 แล้ว
.
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
.