#ม็อบ28กันยา จับกุม 14 ราย กลุ่มทะลุฟ้า-ทะลุแก๊ส เป็นเยาวชน 5 ราย ก่อนศาลให้ประกันตัว

วานนี้ (28 ก.ย.64) หลังจากการนัดหมายชุมนุมของ ‘กลุ่มทะลุฟ้า’ ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง เพื่อทํากิจกรรม “ม็อบ 28 กันยา หยุดราชวงศ์ประยุทธ์” ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งกรณีการจับกุมนักกิจกรรมและผู้เข้าร่วม รวม 9 ราย ในจำนวนนี้เป็นเยาวชน 2 ราย อายุระหว่าง 14-15 ปี โดยในระหว่างการจับกุมมีเยาวชน 1 ราย ถูก คฝ. เตะเข้าที่หน้า ขณะที่ผู้ใหญ่บางรายถูก คฝ. ขู่อุ้มหายระหว่างจับกุม

ผู้ถูกจับกุมที่ไม่ใช่เยาวชนจำนวน 7 ราย เป็นสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า ได้แก่ นวพล ต้นงาม, ทรงพล สนธิรักษ์, จิตริน พลาก้านตรง, พีรพงศ์ เพิ่มพูล, วชิรวิชญ์ ลิมป์ธนวงศ์, ปวริศ แย้มยิ่ง และ “แซม ทะลุฟ้า” 

หลังถูกจับกุมตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำบันทึกจับกุม แจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.พหลโยธิน แม้จะเป็นคดีในท้องที่ของ สน.นางเลิ้ง ตำรวจกล่าวหาว่า ทั้ง 9 คนถูกกล่าหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่ายี่สิบห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, ร่วมกันชุมนุมหรือทํากิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค, ป.อาญาฯ มาตรา 215 มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้าย ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, ป.อาญาฯ มาตรา 216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิก แต่ผู้นั้นไม่เลิก

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 22.52 น. ซึ่งเลยช่วงเวลาเคอร์ฟิวไปแล้ว ทางด้านมวลชนอิสระ “ทะลุแก๊ส” ได้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่สายตรวจ บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยได้มีบุคคลโยนวัตถุบางอย่างเข้าใส่รถตำรวจ 1 คัน จนเกิดเพลิงลุกไหม้ เสียหายทั้งคัน และมีไฟบางส่วนลามไปยังถนนโดยรอบ จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าวันที่ 29 ก.ย. 64 หลังเที่ยงคืน ผู้ชุมนุมถึงเริ่มกระจายตัวกันกลับ 

นอกจากนี้ สำนักข่าวไทยโพสต์ ได้รายงานว่า เวลาประมาณ 01.15 น. มีเยาวชนหญิงอีก 3 ราย อายุ 14 – 15 ปี ถูกชุดปฏิบัติการสายตรวจจับกุม ก่อนจะตรวจพบประทัดลูกบอล จำนวน 97 ลูก อยู่ภายในช่องเก็บของใต้เบาะรถจักรยานยนต์ สายตรวจร่วมจึงแจ้งข้อหา “ออกนอกเคหะสถานระหว่าง 21.00 น.-04.00 น.อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร แต่กรณีไม่ทราบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ต่อไป

ศูนย์ทนายฯ ยังได้รับแจ้งว่ามีประชาชนอีก 2 ราย ถูกจับกุมในช่วงกลางดึก ในเวลาประมาณ 02.20 น. จากบริเวณแยกพญาไท โดยตำรวจได้มีการยึดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อญาติและทนายความ และถูกนำตัวไปแจ้งข้อหาที่ สน.พญาไท เรื่้องการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อหาตามมาตรา 215

.

++จับกุมทะลุฟ้า 9 ราย เหตุเตรียมเดินเท้าไปทำเนียบฯ ก่อนถูกสลายการชุมนุมอย่างเกินกว่าเหตุ ++ 

ในส่วนของผู้ถูกจับกุมที่ สน.พหลโยธิน ถูกแยกเป็น 2 ชุด คือชุดผู้ต้องหาผู้ใหญ่และชุดเยาวชน ในบันทึกจับกุมระบุว่า ปฏิบัติการการเข้าจับกุมครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พงศ์จักร จักษุรักษ์ รอง ผบก.น.1 โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมฝูงชน คฝ.บก.น..2 ร้อย 1 จำนวน 11 นาย และ คฝ.บก.น. 8 ร้อย 1 จำนวน 6 นาย เป็นการสนธิกำลังกันจากหลาย สน. ใน กทม. 

เนื้อหาในบันทึกจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุม ได้รับคําสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่า วันนี้ (28 ก.ย. 64) เวลาประมาณ 16.00 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้นัดหมายทํากิจกรรม “ม็อบ 28 กันยา หยุดราชวงศ์ประยุทธ์” ที่บริเวณแยกนางเลิ้งเพื่อจะเคลื่อนขบวนไปทําเนียบรัฐบาล แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถเคลื่อนขบวนได้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนวางกําลังตั้งแนวเพื่อจะกระชับพื้นที่อยู่บริเวณถนนพิษณุโลก 

เจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมฝูงชนได้ประกาศว่า ให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมหยุด และยังคงขว้างปาถุงบรรจุสี และใช้หนังสติ๊กยิงลูกเหล็ก และปาระเบิดปิงปองใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง 

เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ซึ่งได้รับค้าสั่งจากผู้บังคับบัญชา จึงได้ทําการกระชับพื้นที่และเข้าทําการจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ร่วมชุมนุมมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับได้ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน หลังจากทำบันทึกจับกุมเสร็จ ทั้งคู่เลือกที่จะไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารของตำรวจ ได้มีผู้ปกครองเดินทางมารับตัวกลับบ้าน แต่กรณีเยาวชนอายุ 14 ปี พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง กลับไม่ให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานกลับ แม้ผู้ปกครองจะยืนยันว่าสามารถดูแลบุตรหลานให้เดินทางมาศาลได้ในวันรุ่งขึ้นตามนัดสอบคำให้การในตอนเช้า และนัดตรวจสอบการจับกุมที่ศาลเยาวชนฯ ในตอนบ่าย ทำให้เยาวชนรายนี้ต้องถูกคุมตัวที่ สน. ข้ามคืน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มาตรา 72

ทางทนายความ เยาวชนอายุ 14 ปี ดังกล่าว ยังได้รับบาดเจ็บจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยเขาเล่าว่าถูกเจ้าหน้าที่ คฝ. เตะเข้าที่ใบหน้า ขณะถูกรวบตัวกดไว้กับพื้น มีแผลถลอกเลือดออกตรงโหนกแก้มและมีอาการบวมที่ขมับด้านซ้าย นอกจากนั้น ยังพบรอยถลอกตื้น ยาวประมาณ 10 ซม. ที่หลังแขนซ้าย

ในกรณีของผู้ใหญ่ กลุ่ม #ทะลุฟ้า 7 ราย พนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกจับกุม (ทั้งหมดประสงค์ไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารของตำรวจ) และสอบคำให้การเบื้องต้นเสร็จแล้วตั้งแต่ช่วงกลางดึก ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือในภายหลัง 

ในบันทึกคำให้การ ระบุว่า ทั้ง 7 คนได้ถูกกลุ่ม คฝ. ติดตามไปในซอยลูกหลวง มีการใช้วาจาข่มขู่ หนึ่งในผู้ถูกจับกุมให้การว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคือ พ.ต.ท.ยุทธนา จาตุรัตน์ ได้ใช้คำพูดข่มขู่ผู้ถูกจับกุม ขณะจับกุม เจ้าหน้าที่รายนี้ได้พูดว่า “ถ้าไม่ลุก กูจะให้ลูกน้องกูอุ้มไปเลย” ทำให้ผู้ถูกจับกุมหวาดกลัวอย่างมาก เนื่องจากมี คฝ. ถึงราว 300 คน มีอาวุธครบมือ ในตอนแรก ผู้ถูกจับกุมไม่ยอมทำตามคำสั่ง เนื่องจากต้องการให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาก่อนว่า พวกเขากระทำความผิดตามกฎหมายบทใด แต่เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงยอมลุก เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวยังพูดเยาะเย้ยอีกว่า “กูนึกว่ามึงจะเจ๋ง”

เขายังให้การต่อว่า เจ้าหน้าที่รายนี้ยังได้ไล่สื่อออนไลน์ ที่ทำข่าวอยู่บริเวณนั้นให้ออกจากพื้นที่ อันเป็นการขัดต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับกลุ่มผู้ถูกจับกุม เนื่องจากไม่มีสื่อรายงานข่าวแล้ว เจ้าหน้าที่อาจกระทำการเกินกว่าเหตุ 

ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ถูกควบคุมตัวที่ สน.พหลโยธิน ในคืนที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้ (29 กันยายน) พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลแขวงดุสิตฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ทางทนายความของทั้ง 7 ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง และขอให้เรียกพนักงานสอบสวนมาไต่ถาม ให้เหตุผลในคำร้องว่า คดีนี้ ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ผู้ต้องหาเป็นบุคคลธรรมดา เป็นนักศึกษา เข้าไปยุ่งเหยิงกับหลักฐานไม่ได้ ทั้งยังให้ความร่วมมือในการสอบสวน ข้อกล่าวหาในคดีนี้เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญของประชาชนที่มีส่วนช่วยในการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร

ต่อมา เวลา 15.26 น. ศาลสั่งอนุญาตผัดฟ้องฝากขัง ทนายยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน โดยกำหนดหลักประกันเป็นเงินสด คนละ 20,000 บาท ใช้เงินของกองทุนราษฎรประสงค์เป็นหลักประกัน 

ทั้งนี้ ในระหว่างการแจ้งข้อเท็จจริงและถามความประสงค์ของผู้ต้องหาต่อศาล ศาลเข้าใจว่า ผู้ต้องหาไม่ต้องการคัดค้านการฝากขัง ทั้งๆ ที่ทนายความและผู้ต้องหายืนยันว่ามีการยกมือคัดค้านการฝากขังแล้ว ศาลจึงได้เรียกไปสอบถามถึงความประสงค์ของผู้ต้องหาทั้ง 7 ในการยื่นคัดค้านการขอฝากขังอีกครั้ง 

แต่ภายหลัง ศาลยังยืนยันยกคำร้องคัดค้านการขอฝากขังผู้ต้องหา เนื่องจากเห็นว่าคำร้องคัดค้านการฝากขังเพิ่งมาภายหลังศาลได้มีคำสั่งเป็นที่เรียบร้อย

ในส่วนของเยาวชน 2 ราย ที่ถูกสอบคำให้การในตอนเช้า ทั้ง 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมใน 20 วัน 

ช่วงบ่าย ทั้งคู่ถูกนำตัวไปตรวจสอบการจับกุมที่ศาลเยาวชนฯ ศาลเห็นว่าการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นโดยชอบแล้ว และอนุญาตให้ออกหมายควบคุมผู้ต้องหา 

ทนายจึงได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว และศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ โดยกำหนดนัดพบผู้ให้คำปรึกษาวันที่ 18 ตุลาคม 2564

.

++ จับกุม ประชาชนหญิง 2 ราย ที่แยกพญาไท กลางดึก ก่อนยึดโทรศัพท์ นำตัวไปแจ้งข้อหา ++

กรณีของ 2 ผู้ต้องหาหญิงที่ถูกจับในช่วงเวลาราวตี 2 นั้น ในส่วนบันทึกจับกุมระบุว่า ในคดีนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับสน.พญาไท ได้สั่งการให้เจ้าหน้าพนักงานตำรวจประจำจาก สน.พญาไท ทั้งหมด 9 นาย เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา

พฤติการณ์กล่าวคือ ด้วยเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 02.10 น. เจ้าพนักงานตํารวจฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในพื้นที่รับผิดชอบ พบกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ประมาณ 50 คัน ซ้อนท้ายกันมาเกือบทุกคัน ผ่านมาบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าแยกพญาไท และเข้าไปก่อเหตุเผาทําลายรถยกของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และป้อมจราจรที่บริเวณแยกพญาไท 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้เดินทางไปถึงบริเวณแยกพญาไทที่เกิดเหตุ พบกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมโดยการนั่งบนรถจักรยานยนต์บ้าง เดินอยู่บนถนนบ้าง และขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายวนเวียนไปมาบริเวณแยกพญาไท รวมถึงมีการจุดพลุและประทัดขว้างปาใส่ทรัพย์สินของทางราชการบริเวณแยกพญาไท รวมผู้ก่อเหตุรวมตัวประมาณ 60 คน และรถจักรยานยนต์ประมาณ 30 คัน 

เมื่อผู้ก่อเหตุ พบเห็นเจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ทําการแยกย้ายขับรถจักรยานยนต์ไปคนละทิศละทาง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้ทําการจับกุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุเอาไว้ได้จํานวน 2 คน 

ตำรวจอ้างว่าผู้ถูกจับกุมยอมรับว่าได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามากับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดังกล่าวข้างต้นจริง และได้ไปเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุฟ้าที่บริเวณแยกนางเลิ้งในเวลาก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่ง สน.พญาไท

ภายหลังทำบันทึกจับกุมเสร็จสิ้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ผู้ถูกจับกุมเล่าว่า ในระหว่างการถูกจับกุม ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์ไป โดยไม่ให้ติดต่อญาติหรือทนายความ ก่อนที่ตำรวจจะคืนโทรศัพท์ให้ เมื่อประมาณเวลา 4.38 น. หลังทำบันทึกจับกุมเสร็จสิ้นไปแล้ว โดยไม่มีทนายความเข้าร่วม

ต่อมา วันนี้ (29 ก.ย. 64) เวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนได้สอบคำให้การผู้ต้องหา โดยมีทนายความเข้าร่วมด้วย ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสืออีกครั้ง 

ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลแขวงดุสิตผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาโดยระบุว่า พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น 

เวลา 14.00 น. ศาลแขวงดุสิตอนุญาตให้ให้ฝากขังผู้ต้องหา ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว  ศาลแขวงดุสิตอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน ทั้งนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 มาศาลเพื่อสาบานตน และนัดรายงานตัวในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 9.00 น.

.

X