เกินกว่าเหตุ! คฝ.หลายนายรุมทำร้ายวัยรุ่น 19 ปี หน้าสนามไทย-ญี่ปุ่น ก่อนจับกุมแจ้งข้อหา ชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ฝ่าเคอร์ฟิว

10 ก.ย. 2564 หลังมีรายงานอุบัติเหตุ 2 ครั้ง บนถนนวิภาวดี หน้ากรมดุริยางค์ทหารบก ในช่วงค่ำ โดยชายวัยรุ่นคนหนึ่งถูกรถยนต์พุ่งชนขณะพยายามวิ่งข้ามถนน จากนั้นไม่นานรถยนต์ที่ขับผ่านมาบนถนนวิภาดีขาออก เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ โดยก่อนหน้านั้น คฝ.ซึ่งอยู่ในกรมดุริยางค์ทหหารบก ตอบโต้กลุ่ม “ทะลุแก๊ส” ซึ่งจุดประทัดปาเข้าใส่ ด้วยการยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา ออกมาบริเวณถนน และเคลื่อนรถจีโน่ออกมาฉีดน้ำแรงสูงผสมสารเคมีสีม่วงเข้าใส่ผู้ชุมนุม 

เวลาประมาณ 21.30 น. เพจ “ปล่อยเพื่อนเรา” รายงานเหตุการณ์บริเวณถนนมิตรไมตรีหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ผ่านไลฟ์ว่า กำลัง คฝ.ทั้งบนรถกระบะ และเดินมาตามถนน ได้เคลื่อนเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมกับยิงปืน โดยมีผู้ชุมนุม 1 ราย ถูก คฝ.หลายนายวิ่งไล่ทัน และเข้ารุมทำร้าย ระหว่างนั้น คฝ.ได้กันให้สื่อออก พร้อมทั้งห้ามถ่ายวีดิโอ ก่อนจับกุมตัวชายคนดังกล่าวไป หลังเหตุการณ์ แอดมินเพจ “ปล่อยเพื่อนเรา” เข้าไปดูที่จุดนั้น พบรองเท้าแตะ 2 ข้าง และโล่ของ คฝ. ตกอยู่ 

กว่า 3 ชั่วโมงหลังจากนั้น ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อทนายความเดินทางไปถึง พบว่า ผู้ถูกจับกุมชื่อ บารมี แสงน้อย อายุ 19 ปี พนักงานปั๊มน้ำมัน เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกจับกุมมาจาก สน.ดินแดง แล้ว โดยไม่มีทนายความเข้าร่วม ทั้งยังพบว่า บารมีได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลหลายแห่ง ทั้งแผลถลอกที่ต้นคอด้านหลัง แขนซ้าย-ขวา เท้าทั้งสองข้าง ใบหน้าซีกขวามีรอยช้ำขนาดใหญ่สีม่วง จากการสอบถาม บารมีระบุว่า ถูก คฝ. รุมทำร้ายขณะจับกุม โดยเขาไม่ได้ต่อสู้ขัดขวาง เพียงแต่ยกแขนขึ้นกันไว้

บันทึกการจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม คือ คฝ.บก.น.1 ร้อย 1 ประกอบด้วย พ.ต.ท.ปวีร์ มั่นเมือง รอง ผกก.ป.สน.นางเลิ้ง, ร.ต.อ.อภิเดช คงสมคิด รอง สวป.สน.ดินแดง, ส.ต.อ.พัฒนพงศ์ คาดสุวรรณ และ ส.ต.ต.ประกิต สร้อยทอง ผบ.หมู่ ป.ดินแดง 

โดยระบุพฤติการณ์ในการจับกุมว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนตั้งแนวเพื่อจะกระชับพื้นที่ ผู้ชุมนุมได้ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมพื้นที่รักษาความสงบ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ก่อนตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหาขับขี่, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และลูกแก้ว 4 ลูก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวาและซ้ายตามลำดับ ไว้เป็นวัตถุพยาน 

บันทึกจับกุมยังระบุว่า “ในการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ เจ้าพนักงานตํารวจผู้จับกุมได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้ทําให้ทรัพย์สินของผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย สูญหาย เสื่อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด มิได้บังคับขู่เข็ญ หรือใช้กําลังทําร้ายร่างกายผู้ใดให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจแต่อย่างใด” ทำให้บารมีปฏิเสธไม่ลงชื่อในบันทึกการจับกุมดังกล่าว

ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 25 คน และร่วมกันชุมนุมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้ร่วมกระทําผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกมั่วสุมแล้วไม่เลิก และออกนอกเคหะสถานในเวลาห้าม (21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น)” อันเป็นความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 216 

บารมีให้การปฏิเสธทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวน และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายในวันที่ 11 ต.ค. 2564 หลังสอบปากคำเสร็จราวตีสาม พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวบารมีไว้ที่ บช.ปส. 

สายวันนี้ (11 ก.ย. 2564) พนักงานสอบสวนจึงได้ควบคุมตัวบารมีไปศาลอาญาเพื่อยื่นคำร้องขอฝากขัง ขณะที่ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวน ระบุว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกล่าวหาของพนักงานสอบสวนเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งไม่ได้มีลักษณะเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ผู้ต้องหาประกอบอาชีพรับจ้าง ขณะถูกจับกุมก็ไม่ได้ต่อสู้ขัดขืน จึงถือว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อีกทั้งผู้ต้องหามีบาดแผลหลายแห่งจากการถูกทําร้ายร่างกายขณะถูกจับกุม สมควรได้รับการรักษาพยาบาล   

เวลา 13.30 น. มุขเมธิน  กลั่นนุรักษ์ ผู้พิพากษาหัวแผนกคดีค้ามนุษย์ มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวบารมี ในวงเงินประกัน 35,000 บาท พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขห้ามเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองที่มีลักษณะเป็นการก่อความวุ่นวายและใช้ความรุนแรง นัดรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 29 ต.ค. 2564 บารมีจึงได้รับการปล่อยตัวหลังกองทุนราษฎรประสงค์ใช้เงินสดวางเป็นหลักประกันต่อศาล

พฤติการณ์การสลายการชุมนุมและเข้าจับกุมโดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุของ คฝ. ทั้งต่อกลุ่ม “ทะลุแก๊ซ” และประชาชนทั่วไป มีให้เห็นซ้ำๆ กันแทบทุกวัน ซึ่งนอกจากจะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาแล้ว ยังทวีความไม่พอใจให้ผู้ชุมนุม และประชาชนยิ่งขึ้น แม้หลายฝ่ายพยายามจะตั้งข้อสังเกต แต่ สตช.เองไม่ได้ทบทวนหรือตรวจสอบเรื่องดังกล่าว กลับแถลงข่าวกล่าวโทษผู้ชุมนุมทุกวัน เป็นที่น่ากังวลว่าสถานการณ์เช่นนี้จะยิ่งนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งขึ้น

.

ราวเที่ยงวันนี้ ศูนย์ทนายฯ ยังได้รับแจ้งว่า ธนา (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 14 ปี ถูกจับตัวไปที่ สน.ห้วยขวาง กลางดึกเมื่อคืนนี้ และกำลังถูกนำตัวไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้ศาลตรวจสอบการจับกุม ที่ปรึกษากฎหมายจึงติดตามไปที่ศาลเยาวชนฯ

คำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับของพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุม 2 คน คือ ธนา และกร (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ตำรวจได้แยกดำเนินคดีกรต่อศาลอาญา โดยเมื่อเวลาประมาณ 01.05 น. ขณะตำรวจชุดจับกุมตั้งจุดตรวจความมั่นคงที่บริเวณหน้าตึก เอ ไอ เอ ถนนรัชดาภิเษก พบธนาและกรขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าแยกห้วยขวาง โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จึงเรียกตรวจค้น ก่อนตรวจยึดของกลางรวม 8 รายการ นำตัวทั้งสองไป สน.ห้วยขวาง 

ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

หลังศาลเยาวชนฯ พิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวน ได้มีคำสั่งให้ควบคุมตัวธนาไว้ ที่ปรึกษากฎหมายจังยื่นคำร้องขอประกัน ก่อนศาลอนุญาตให้ประกัน โดยให้วางหลักประกันในวงเงิน 20,000 บาท เนื่องจากเป็นคดีที่ถูกกล่าวหาว่ามีวัตถุระเบิด ญาติจึงได้ใช้เงินส่วนตัววางเป็นหลักประกันต่อศาล ธนาจึงได้รับการปล่อยตัว ศาลนัดรายงานตัวที่สถานพินิจฯ บางนา วันที่ 15 ก.ย. 2564 และนัดรายงานตัวต่อศาลวันที่ 28 ก.ย. 2564   

ทั้งนี้ ธนาให้ข้อมูลที่ปรึกษากฎหมายว่า ไม่ได้รู้จักกับกร ซึ่งถูกจับมาด้วยกัน ทราบเพียงว่า กรถูกส่งตัวไปที่ศาลอาญา จึงยังไม่มีข้อมูลการดำเนินคดีและการประกันตัวในส่วนของกร

X