จอดปาดหน้าก่อนจับรถเครื่องเสียง 3 คัน ไร้หมายจับ หลัง #ม็อบ3กันยา – อีก 2 เยาวชน ถูกจับฝ่าเคอร์ฟิวที่ดินแดง 1 ใน 2 ถูกกระสุนยางยังอยู่ รพ.

3 ก.ย. 2564 ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันเดินทางกลับ หลังการชุมนุม #ไล่ประยุทธ์ #ราษฎรไม่ไว้วางใจมึง ที่แยกราชประสงค์ยุติลงในเวลา 2 ทุ่ม โดยตั้งแต่ช่วงเย็น มีการเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกรัฐสภา, เขียน “รัฐธรรมนูญที่ต้องการ” บนผ้า, เขียนจดหมายถึงเพื่อนที่ถูกขัง, แขวนป้ายข้อความ  “#ยกเลิกประยุทธ์” “รัฐบาลปรสิต” และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ไร้เหตุรุนแรงหรือการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ แต่แล้วรถเครื่องเสียงที่ออกจากที่ชุมนุม 3 คัน พร้อมคนบนรถรวม 8 ราย กลับถูกติดตามจับกุม

เพจ “ทะลุฟ้า” ได้ไลฟ์ขณะตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าจับกุมรถเครื่องเสียงของกลุ่ม “ทะลุฟ้า” คันหนึ่งที่บริเวณบีทีเอสสนามเป้า เวลาประมาณ 20.24 น. พบพฤติการณ์การเข้าจับกุมโดยใช้ความรุนแรง ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา กระทั่งถูกตั้งคำถามซ้ำๆ จึงตอบว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือเหตุเกี่ยวเนื่อง นอกเครื่องแบบบางรายไม่สามารถแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ บริเวณนี้มีผู้ถูกจับกุม 2 ราย ถูกนำตัวไปกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พร้อมรถ 

รถเครื่องเสียงอีก 2 คัน ก็ถูกจับกุมนอกพื้นที่การชุมนุม ก่อนเวลาเคอร์ฟิวเช่นกัน คันหนึ่งถูกจับบริเวณพหลโยธิน ซอย 9 สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า 5 คน ถูกควบคุมตัวไป บช.ปส. รถอีกคันและคนขับถูกจับที่บางนา  พบพฤติการณ์เข้าจับกุมคล้ายคันแรก มีการขับรถปาดหน้าเพื่อให้รถเครื่องเสียงจอด ก่อนเข้าจับกุม ระบุเหตุที่จับกุมคือใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าร่วมการชุมนุม

นอกจากนี้ หลัง 21.00 น. คฝ.หลายนายยังจับกุมเยาวชนอายุ 16 และ 17 ปี บริเวณถนนดินแดงใกล้ปากซอยบุญอยู่ รายหนึ่งถูกส่งไปที่ บช.ปส. ทนายความพบว่า มีบาดแผลและอาการบาดเจ็บ โดยเยาวชนเล่าว่า ถูก คฝ.หลายนายทุบตี ขณะที่อีกรายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ มีรอยถูกยิงด้วยกระสุนยาง ทั้งสองถูกตั้งข้อหา ฝ่าเคอร์ฟิว ออกนอกบ้านหลัง 21.00 น. โดยไม่ได้มีพฤติการณ์ร้ายแรงก่อนถูกเข้าจับกุมแต่อย่างใด 

พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ แจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับกุมพร้อมรถทั้งแปดว่า ร่วมกันจัดชุมนุมและร่วมชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยแยกเป็น 3 คดี ตามจุดที่จับ ลำไย (สงวนนามสกุล) คนขับรถคันที่ 3 ถูกแจ้งข้อหา ปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน และดัดแปลงสภาพรถ (เสริมข้าง) ด้วย 

เช้าวันนี้ (4 ก.ย. 2564) ทั้ง 8 คน ถูกนำตัวจาก บช.ปส.ไปขออำนาจศาลแขวงปทุมวันฝากขัง ศาลมีคำสั่งอนุญาตฝากขัง ก่อนอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน โดยให้ทั้งแปดสาบานตนว่าจะมาตามที่ศาลกำหนดนัดทุกครั้ง และนัดมารายงานตัวครั้งแรกในวันที่ 4 ต.ค. 2564 เวลา 9.00 น.

ทั้งนี้ ก่อนพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาไปศาล ได้มีเจ้าหน้าที่ ปอท. มาพบพร้อมนำหนังสือยินยอมให้สำเนาและเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ที่ถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้ในทันทีที่ถูกควบคุมตัวถึง บช.ปส. มาให้ผู้ต้องหาทั้งแปดลงชื่อ โดยที่ไม่มีคำสั่งศาลให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้ อย่างไรก็ตาม มีผู้ต้องหา 6 คน ให้ความยินยอม ส่วนอีก 2 คน ปฏิเสธ

ด้าน คริส (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 16 ปี พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้นัดหมายไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในบ่ายวันนี้เพื่อให้ศาลตรวจสอบการจับ หลังแจ้งข้อกล่าวหาแล้วปล่อยตัวกลับบ้านเมื่อคืน โดยศาลมีคำสั่งว่าเป็นการจับกุมโดยชอบ และสั่งให้ควบคุมตัวคริส ก่อนอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันตามที่ผู้ปกครองยื่นคำร้อง แต่หากไม่มาตามนัดให้ปรับผู้ปกครอง 5,000 บาท ขณะที่แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พงศ์ (นามสมมติ) เยาวชนอีกรายที่ถูกกระสุนยางออกจากโรงพยาบาล

ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า ตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) เข้าจับกุมผู้ชุมนุมและคนขับรถทั้ง 8 คน พร้อมยึด 3 คันเป็นของกลาง โดยไม่มีหมายจับ การอ้างเหตุที่จับจากการใช้เครื่องขยายเสียงในที่ชุมนุมหรือการเข้าร่วมชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องเข้าจับในที่ชุมนุม แต่เมื่อรถและผู้ชุมนุมออกจากที่ชุมนุมแล้ว ตำรวจต้องออกหมายเรียก หรือขอหมายจับจากศาลเพื่อเข้าจับกุม การเข้าจับกุมโดยไม่มีหมายจับ อ้างว่าเป็นเหตุต่อเนื่อง ทั้งยังใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุในการเข้าจับกุม จึงเข้าข่ายเป็นการจับกุมโดยมิชอบ โดยเฉพาะการจับกุมเยาวชน 2 คน จนได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ทั้งสองอยู่นอกบ้านในเวลาเคอร์ฟิว โดยไม่มีพฤติการณ์ร้ายแรงอื่นใด  

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ปอท.ไม่มีอำนาจสำเนาและเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ โดยไม่มีคำสั่งจากศาล ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ประกอบกับคดีนี้ไม่ใช่การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่พนักงานสอบสวนกลับยึดโทรศัพท์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ปอท.ขอเข้าถึงข้อมูลโดยให้ผู้ต้องหาเซ็นยินยอมเอง  

.

สายตรวจชุดจับกุมอ้างติดตามรถเครื่องเสียง 3 คัน จากแยกราชประสงค์ 

ชุดจับกุมรถทั้งสามคันเป็นตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. 

ที่บีทีเอสสนามเป้า เจ้าหน้าที่ได้จับกุม อัครพล อายุ 28 ปี และธีรพล อายุ 21 ปี พร้อมยึดรถกระบะ, ลำโพง 4 ตัว, ผ้าพันคอ, ไม้กระดาน, ฟิวเจอร์บอร์ด เขียนคำว่า “บีบแตร” เป็นของกลาง ส่วนที่ซอยพหลโยธิน 9 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า 5 ราย ได้แก่ ณัทพงศ์ (31 ปี), อาทิตยา (20 ปี), ภูริภูมิ (19 ปี), ณัฐภูมิ (22 ปี) และสุทธิพงษ์ (21 ปี) พร้อมยึดรถกระบะ 1 คัน และชุดเครื่องเสียงเป็นของกลาง และที่หน้าตลาดรถยนต์ บางนา ลำไย อายุ 42 ปี ถูกจับกุมพร้อมถูกยึดรถกระบะ ชุดเครื่องเสียง เครื่องปั่นไฟ ธงชาติ และธง นปช. เป็นของกลาง

บักทึกการจับกุมทั้ง 3 คดี ระบุเหมือนกันว่า ในการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ชุดจับกุมได้พบผู้ต้องหานั่งอยู่ภายในรถยนต์กระบะที่ยึดเป็นของกลาง ซึ่งจอดหยุดนิ่งใช้เครื่องขยายเสียงที่ติดตั้งบนรถอยู่ในกลุ่มของผู้ชุมนุม หลังจากประกาศยุติการชุมนุม และกลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกย้ายกันกลับ ผู้ต้องหาจึงได้ขับรถยนต์กระบะติดตั้งเครื่องเสียงเคลื่อนตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากผู้ต้องหาได้กระทําผิดกฎหมายโดยร่วมกันชุมนุมหรือทํากิจกรรมที่มีความเสี่ยงกับการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการกําหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตาม ก่อนแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม โดยในการตรวจค้นรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด 

พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งแปดเหมือนกันว่า “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจํานวนร่วมกันมากกว่า 25 คน และร่วมชุมนุมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการกําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.กฉุกเฉินฯ ส่วนลำไย ถูกแจ้งข้อหา ปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน และดัดแปลงสภาพรถ (เสริมข้าง) ด้วย

ทั้งหมดไม่ลงชื่อในบันทึกจับกุม พร้อมทั้งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

อัครพลและธีรพลระบุว่า ขณะขับรถมาถึงจุดที่ถูกจับ ได้มีรถเก๋งขับมาขวางหน้า แล้วรถกระบะเบียดมาด้านข้างให้หยุดรถ โดยทั้งสองคันไม่มีสัญลักษณ์ว่าเป็นรถตำรวจ จากนั้นนอกเครื่องแบบเกือบ 10 นาย ลงมาจากรถ และทุบกระจกรถ ก่อนเปิดประตูเข้าล็อคคอผู้โดยสารที่นั่งแค็ปด้านหลัง จากนั้นทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ถูกจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวแต่อย่างใด และไม่ได้แจ้งสิทธิผู้ต้องหาให้ทราบ แจ้งข้อหาพวกเขาเพียงว่า ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งสองยังระบุว่า ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาเห็นคนที่ถูกล็อคคอมีเลือดซึมบริเวณจมูก 

ด้านสมาชิกทะลุฟ้าซึ่งไปถูกจับที่ซอยพหลโยธิน 9 เล่าเหตุการณ์ขณะถูกจับกุมว่า ขณะขับรถเลี้ยวเข้าซอยก็ถูกรถเก๋งสีขาวปาดหน้า และรถเก๋งอีกคันประกบท้ายปิดทางหนี จากนั้นนอกเครื่องแบบ 4 นาย ลงจากรถเก๋งมาขอตรวจค้นรถ โดยไม่แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ หลังจากโต้เถียงกันประมาณ 10 นาที ตำรวจในเครื่องแบบก็มา ถามพวกเขาว่า “ได้ขออนุญาตใช้เครื่องเสียงหรือไม่” ก่อนให้พวกเขาทั้งห้าขึ้นรถกระบะขับไปยัง บช.ปส. โดยมีนอกเครื่องแบบนั่งข้างคนขับมาด้วย 

ทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บช.ปส. ก่อนถูกนำตัวไปฝากขังต่อศาลแขวงปทุมวันในช่วงเช้า และศาลให้ประกันตัวโดยไม่ต้องวางหลักประกัน นัดรายงานตัววันที่ 4 ต.ค. 2564 เวลา 9.00 น.

.

เยาวชนไปซื้อของอนุสาวรีย์ชัยฯ กลับเกินสามทุ่ม ถูกกระชากเสื้อก่อนทุบตี อีกรายมีรอยถูกกระสุนยาง แพทย์ยังไม่ให้กลับบ้าน  

ด้านคริส อายุ 16 ปี และพงศ์ อายุ 17 ปี บันทึกจับกุมระบุว่า ถูกจับโดยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กองร้อยที่ 3 กก.ควบคุมฝูงชน 2 บก.อคฝ. 6 นาย นำโดย ร.ต.อ.สิงหเชษฐ์ สังข์สุวรรณ ผบ.มว. โดยเวลาประมาณ 21.45 น. ขณะชุดจับกุมกระชับพื้นที่การชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ได้พบคริสขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบนถนนดินแดง ใกล้ปากซอยบุญอยู่ และพบพงศ์เดินออกมาจากซอยบุญอยู่ โดยขณะที่ คฝ.จะเข้าทําการจับกุม พงศ์ได้วิ่งหลบหนี และล้มลง ซึ่งการกระทําของทั้งสองเป็นการออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจําเป็นอื่นๆ 

หลังถูกจับกุม คริสถูกส่งไปที่ บช.ปส. ส่วนพงศ์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ โดยทนายความที่ติดตามไปพบว่า มีอาการสลึมสะลือ มีรอยกระสุนที่แขนข้างซ้าย และเอว ส่วนคริสมีแผลถลอกที่แขน และมีอาการปวดที่หลัง ไหล่ซ้าย และหน้าอก 

คริสเล่าว่า เขาออกจากบ้านตอน 2 ทุ่มกว่า ไปซื้อของที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ขากลับพอถึงสามเหลี่ยมดินแดง เลยอุโมงค์ก็เจอ คฝ. ลงรถกระบะมา 10 กว่าคน ดึงเสื้อเขาลงจากรถ จากนั้นก็ทุบตี โดยเขาจำไม่ได้ว่าถูกตีไปกี่ที  ทั้งนี้ มีผู้ถ่ายคลิปขณะคริสถูกจับกุมไว้ได้

ทั้งสองถูกตั้งข้อหา “ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา  21.00 – 04.00 น. โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจําเป็นอื่นๆ)” และถูกยึดโทรศัพท์ไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ส่วนคริสถูกยึดรถจักรยานยนต์ด้วย 

หลังเสร็จกระบวนการ ทนายได้พาคริสไปหาหมอ ก่อนพาไปส่งที่บ้าน โดยพนักงานสอบสวนนัดไปศาลเยาวชนฯ ในวันรุ่งขึ้น เวลา 13.00 น. 

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับและมีคำสั่ง พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวคริส อ้างว่า เนื่องจากการกระทําของผู้ต้องหากับพวกมีพฤติการณ์ร้ายแรงในการกระทําความผิด ทั้งยังไม่ยําเกรงเคารพต่อกฎหมาย ได้ร่วมกันชุมนุมทางการเมืองโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในภาวะที่เกิดการระบาดของโรคโควิดในวงกว้าง 

เวลา 15.00 น. ศาลมีคำสั่งว่า การจับเป็นไปโดยชอบ และสั่งให้ควบคุมตัวคริสไว้ระหว่างสอบสวน ผู้ปกครองจึงยื่นขอประกันโดยไม่มีหลักประกัน ศาลอนุญาตให้ประกันโดยไม่มีหลักประกัน หากผู้ต้องหาไม่มาตามนัดให้ปรับผู้ปกครอง 5,000 บาท นัดรายงานที่สถานพินิจบางนาวันที่ 13 ก.ย. 2564 และนัดรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 20 ก.ย. 2564 เวลา 8.30 น.

ล่าสุดแพทย์โรงพยาบาลตำรวจยังไม่อนุญาตให้พงศ์ออกจากโรงพยาบาล

.

X