วันที่ 10 ก.ย. 2564 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขัง “อานนท์ นำภา” เป็นครั้งที่ 4 ในคดีจากการปราศรัยในชุมนุมครบรอบ 1 ปี #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 โดยหลังการไต่สวน ศาลได้อนุญาตฝากขัง ขณะที่ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเป็นครั้งที่ 5 แต่ศาลยังไม่ปล่อยชั่วคราว
นอกจากนี้ ทนายความยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ใน 3 คดี เป็นครั้งที่ 4 ได้แก่ คดีสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง, คดีสาดสีหน้าพรรคภูมิใจไทย และคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ซึ่งศาลเคยให้ประกัน และถอนประกันเมื่อ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา
.
ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่ให้ประกันอานนท์เป็นครั้งที่ 5
เวลา 14.00 น. พ.ต.ต.เวียงแก้ว สุภาการณ์ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นผู้มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งที่ 4 ในวันนี้ เบิกความต่อศาลว่า คดีนี้คณะพนักงานสอบสวนยังต้องสอบพยานอีกหลายปาก จึงขอให้ศาลอนุญาตฝากขังอานนท์ต่อไปอีก 12 วัน ระหว่างวันที่ 11-22 ก.ย. 2564 โดยพยานที่จะสอบปากคำเพิ่มเติม ประกอบด้วย ประชาชน 4 คน ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ประกอบด้วย 1. อําภา สุดรัมย์ 2. พัชรี หงส์พรม 3. จิราพร ต่ำว่าองค์ 4. กัญจ์บงกจ เมฆาประพัฒน์สกุล ผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวี 1 ราย และสอบปากคำเพิ่มเติมตำรวจสันติบาล 3 นาย ได้แก่ พ.ต.ท.คชภพ คงสมบูรณ์, พ.ต.ท.วิบูลย์ นนทะแสง และ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ อังกนะ จากนั้นจะนำเสนอสำนวนต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งคดี
พนักงานสอบสวนตอบศาลถามว่า ที่ต้องสอบพยานที่เป็นประชาชนทั้ง 4 คนดังกล่าว เนื่องจากตำรวจเห็นทั้งสี่ในกล้องที่ถ่ายทอดสด และเห็นว่าทั้งสี่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา พนักงานสอบสวนยังตอบศาลว่า พยาน 5 ปาก ที่ขอเวลาสอบสวนคราวก่อน ได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าการสอบพยานจะเสร็จสิ้นพอที่จะฟ้องได้ เนื่องจากต้องรอความเห็นของคณะทำงานและผู้บังคับบัญชา
14.10 น. ทนายความผู้ต้องหาได้ซักถามพนักงานสอบสวนเรื่องพยานที่เพิ่มเข้ามา โดยพนักงานสอบสวนรับว่าพยานชุดใหม่ เป็นพยานที่เพิ่มเข้ามาหลังการขอฝากขังครั้งที่ 3 โดยคดีนี้เป็นคดีที่มีความสลับซับซ้อนจึงต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ทนายความได้ถามว่า พยานทั้งสี่ที่บอกว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้น จะถูกดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก ฉุกเฉินฯ หรือไม่ เพราะไปร่วมชุมนุม พนักงานสอบสวนตอบว่าไม่ถูกดำเนินคดี เพราะเพียงแต่ผ่านไปและมีการใส่หน้ากากป้องกัน มีการนั่งเว้นระยะห่าง โดยทางตำรวจจะเน้นดำเนินคดีเฉพาะแกนนำ
พนักงานสอบสวนตอบทนายความของอานนท์อีกว่า การสอบพยานอีก 8 ปาก จะเป็นการให้พยานทั้ง 8 อ่านคำถอดเทปของอานนท์ นำภา และดูภาพถ่ายเพื่อยืนยัน โดยจำนวนพยานทั้งหมดถูกระบุมาโดยคณะทำงาน
14.25 น. อานนท์เบิกความ โดยกล่าวว่า “ผมคิดว่าวันนี้ศาลคงมีคำสั่งอนุญาตฝากขัง แต่ผมอยากเรียนว่าการที่ผมขึ้นปราศรัย มันก็ชัดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องให้พยานยืนยันอะไรอีก จากคำร้องขอฝากขัง ก็คือขังผมเพื่อให้ตำรวจทำให้งานเสร็จ ซึ่งมันฟังดูตลก ซึ่งในคดีนี้ถึงศาลจะยกคำร้องไม่รับฝากขัง ตำรวจก็ทำงานได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขังผม อันที่จริงผมไม่ได้ออกไปด้วยซ้ำเพราะมีหมายขังอยู่ที่ศาลอาญาอีกคดี
“ผมอยากเห็นคำสั่งที่ยึดหลักกฎหมายของศาล จริงๆ ตำรวจควรสอบสวนให้เสร็จก่อนมาออกหมายจับผมด้วยซ้ำ อยากให้ศาลยืนในหลักคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหา”
15.00 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังอานนท์ครั้งที่ 4 อีก 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 ก.ย. 2564 ระบุว่า
พิเคราะห์เหตุตามคําร้องขอฝากขังครั้งที่ 4 คําร้องคัดค้านและคําให้การของผู้ร้องแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องยืนยันว่ามีเหตุจําเป็นที่จะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 8 ปาก เพื่อให้สํานวนการสอบสวนมีความสมบูรณ์ คําให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จ จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่ง ประกอบกับผู้ต้องหาแม้ว่าจะคัดค้านการสอบสวน แต่ไม่มีการยืนยันว่าพนักงานสอบสวนได้ดําเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว กรณีมีเหตุจําเป็น จึงอนุญาตให้พนักงานสอบสวนฝากขังผู้ต้องหาได้อีกครั้ง แต่เนื่องจากผู้ต้องหาถูกคุมขังมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อให้การสอบสวนเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ 7 วัน
อนึ่งตามคําร้องคัดค้านว่าผู้ต้องหาไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาถูกคุมขังต่อไปย่อมจะเป็นการคุมขังที่เกินจําเป็นนั้น เห็นว่า การที่ผู้ต้องหาจะต้องได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่เป็นคนละเหตุกับการที่พนักงานสอบสวนขอฝากขังผู้ต้องหา หากผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและยังคงติดใจในเรื่องดังกล่าว ผู้ต้องหาสามารถอุทธรณ์คําสั่งต่อศาลอุทธรณ์หรือผู้ต้องหาจะยื่นคําร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวใหม่ก็ได้ กําชับพนักงานสอบสวนให้ดําเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จ
ภายหลังศาลมีคำสั่งอนุญาตฝากขัง ทนายความจึงยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอานนท์ นำภา โดยเป็นการยื่นประกันครั้งที่ 5
ในเวลา 15.30 น. บัญญัติ ตังกบดี รองอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวอีกเป็นครั้งที่ 5 “พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เหตุตามคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหายังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ซึ่งลงวันที่ 11 ส.ค. 2564 จึงมีมติยกคำร้อง”
.
ศาลไม่ให้ประกันตัว ‘ไผ่’ จตุภัทร์ ชี้ติดโควิด ยังไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งที่เคยไม่ให้ประกัน
ในวันนี้ ทนายความยังได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่” ต่อศาลอาญา รัชดาฯ อีกด้วย โดยได้ยื่นขอประกันระหว่างสอบสวนใน 2 คดีเป็นครั้งที่ 4 ได้แก่ คดี #ม็อบ30กรกฎา สาดสีรั้วหน้าพรรคภูมิใจไทย และคดีสาดสีป้าย สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 อีกทั้งยังได้ยื่นขอประกันระหว่างพิจารณาในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เป็นครั้งที่ 3 หลังถูกถอนประกันในคดีนี้
โดยในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจตุภัทร์ครั้งนี้ ทนายได้วางเงินสดจากกองทุนราษฎรประสงค์เป็นหลักประกันทั้ง 3 คดี ได้แก่ คดีของ สน.ทุ่งสองห้องและ สน.บางเขน คดีละ 35,000 บาท และคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร อีก 200,000 บาท พร้อมทั้งได้ระบุเหตุผลประกอบ ดังนี้
- เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2564 จำเลยได้พบว่าตนเองติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงเป็นข้อเท็จจริงใหม่ที่ศาลอาจพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
- จำเลยยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด ซึ่งตามหลักสิทธิมนุษยชน กติการะหว่างประเทศฯ และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน “ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญาทุกคนบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่ามีความผิดตามกฎหมาย” ฉะนั้นจึงขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวจำเลย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไปเป็นตามหลักกฎหมายและเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากประเทศภาคีและสากล
- คำร้องขอปล่อยชั่วคราวในคดีที่ สน.ทุ่งสองห้อง และ สน.บางเขน ระบุว่า ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าการกระทำของผู้ต้องหามีความผิดจริง โดยเจตนาของการควบคุมตัวระหว่างฝากขังต้องมีจุดมุ่งหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนโดยไม่มีอุปสรรค อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนไม่ได้โต้แย้งว่า หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและรวบรวมพยานในคดีนี้
นอกจากนี้ ทั้งสองคดีนี้ยังมีอัตราโทษไม่สูง กรณีที่พนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว อ้างว่าผู้ต้องหาจะไปกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก เป็นเพียงการคาดคะเนของพนักงานสอบสวนฝ่ายเดียว พนักงานสอบสวนยังรับอีกด้วยว่า การเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาเป็นการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นที่เรียกร้องในวงกว้าง ดังนั้นการกระทำของผู้ต้องหาจึงไม่ได้เป็นการก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองแต่อย่างใด
ต่อมา เวลาประมาณ 16.30 น. มุขเมธิน กลั่นนุรักษ์ มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจตุภัทร์ทั้ง 3 คดี ระบุว่า ศาลนี้ โดยที่ประชุมผู้บริหารศาลทุกคนมีมติ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564 ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุร้ายประการอื่น ลำพังการที่ผู้ต้องหานี้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 โดยไม่ปรากฏว่ามีอาการร้ายแรงอย่างไร ไม่ถือว่ามีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมได้ ยกคำร้อง
จนถึงขณะนี้ “ไผ่” จตุภัทร์ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีทางการเมืองเพียงคนเดียวที่ยังคงรับการรักษาอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัว “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก และ “บอย” ชาติชาย แกดำ ออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปยังเรือนจำอำเภอธัญบุรีแล้ว ขณะที่ “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี ได้ถูกย้ายจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปเรือนจำอำเภอธัญบุรี ตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา
วันเดียวกันนี้ ก่อนศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันทั้งสอง กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย, กลุ่มทะลุฟ้า และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ร่วมกันจัดกิจกรรม #ยื่นหยุดขัง คาร์ม็อบเพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักกิจกรรม 7 คนที่ยังคงถูกขังในเรือนจำ โดยเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังศาลอาญารัชดา จุดหมายปลายทางคือเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ขณะขบวนถึงศาลอาญาเวลาประมาณ 14.00 น. “ปูน” ธนพัฒน์, “บอล” ชนินทร์ วงษ์ศรี, “ทาทา” สุดารัตน์ และพิมชนก ตัวแทนกลุ่มได้เข้าไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลออกมารับ เนื้อหาของหนังสือยืนยันหลักการ “สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด และยืนยันว่าแกนนำทั้ง 7 คนไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี ได้ต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด จึงควรได้รับการประกันตัว เพื่อให้พวกเขาได้ต่อสู้คดีจนถึงที่สุด
และเมื่อเคลื่อนขบวนถึงหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้มีการปล่อยนกพิราบ 7 ตัว ที่หน้าประตูทางเข้า เป็นสัญลักษณ์ถึงเพื่อนทั้ง 7 คน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลยังไม่ให้ประกัน อานนท์! อนุญาตฝากขังอีก 7 วัน ขณะทนายยื่นประกันครั้งที่ 4
ศาลไม่ให้ประกัน อานนท์-ไผ่ ยืนยัน “ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง” หลังทนายยื่นประกันครั้งที่ 3