ไต่สวนละเมิดอำนาจศาล ‘อะดิศักดิ์’ หนึ่งในจำเลยคดี 19 ก.ย. ยันเพียงแตะไหล่จนท.ราชทัณฑ์ เพราะยืนบังการพิจารณา

8 มิ.ย. 2564 นายอะดิศักดิ์ สมบัติคำ หนึ่งในจำเลยคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดา หลังจากได้รับหมายเรียกไต่สวนในคดีละเมิดอำนาจศาลอีกคดีหนึ่ง จากกรณีการถูกกล่าวหาว่าได้ตบไหล่และมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ในห้องพิจารณาคดีที่ 704 ระหว่างการพิจารณา โดยนายอะดิศักดิ์ได้รับหมายเรียกไต่สวนคดี เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2564 คดีมีผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญาเป็นผู้กล่าวหา 

เหตุในการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลในวันนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 64 นายไพโรจน์ มนัสสิลา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมจำเลยในคดี “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อ น.ส.ชวัลนาถ ทองสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ว่าเนื่องจากขณะการตรวจพยานหลักฐานในนัดคดีดังกล่าว ตนได้ถูกนายอะดิศักดิ์ สมบัติคำ หรือจำเลยที่ 18 ซึ่งเป็นจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ลุกจากเก้าอี้ใช้มือตบที่ไหล่ แล้วกลับไปนั่งที่เดิม ซึ่งอาจเข้าลักษณะเป็นการละเมิดอํานาจศาล ผู้อำนวยการฯ จึงทำเรื่องเสนอต่ออธิบดีศาลอาญา นำมาสู่การตั้งเรื่องละเมิดอำนาจศาลและการไต่สวนในวันที่ 8 มิ.ย. 2564

เวลา 9.30 น. ณ ห้อง 707 ศาลออกนั่งพิจารณา 3 คน โดยในวันนี้มีนายอะดิศักดิ์ สมบัติคำ ผู้ถูกกล่าวหา และ น.ส.ชวัลนาถ ทองสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ผู้กล่าวหามาศาล ขณะที่นายไพโรจน์ มนัสสิลา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คู่กรณี ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้เนื่องจากติดโควิด-19 และต้องรักษาตัวอีก 7 วัน ตามความเห็นของแพทย์ มีเพียงผู้บังคับบัญชาของนายไพโรจน์ที่เดินทางมาเพื่อแจ้งให้ศาลทราบถึงเรื่องดังกล่าว

ศาลได้สอบถามนายอะดิศักดิ์ ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วจะให้การอย่างไร อะดิศักดิ์กล่าวว่าตนไม่เคยตกเป็นจำเลยมาก่อนและไม่รู้วิธีปฎิบัติตนในศาลมากนัก โดยแถลงยอมรับว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามภาพและเสียงที่ปรากฏในแผ่นบันทึกภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดจริง แต่ขอปฏิเสธว่าเป็นเพียงการใช้มือสะกิดหรือแตะบริเวณไหล่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนดังกล่าวเท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ยืนบังการพิจารณาคดีของศาล และผู้ถูกกล่าวหานั่งเก้าอี้ด้านหลังทําให้มองไม่เห็นการพิจารณาคดี แต่อย่างไรก็ดี ผู้ถูกกล่าวหาพร้อมที่จะพูดคุยปรับความเข้าใจและขอโทษหากเจ้าพนักงานราชทัณฑ์คนดังกล่าวมาศาล

นายอะดิศักดิ์ได้แถลงขยายความว่า ตนอยู่ห่างจากผู้คุมราว 4 เมตร และผู้คุมยืนอยู่ในจุดที่บังการพิจารณาคดีขณะที่อานนท์ นำภา จำเลยในคดีอีกคนหนึ่ง กำลังแถลงต่อศาล โดยตนได้พูดผ่านหน้ากากอนามัยเบาๆ 2-3 ครั้ง ว่าให้หลบหน่อย แต่คาดว่าผู้คุมจะไม่ได้ยิน ตนจึงเดินไปสะกิดให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ถอยจากจุดนั้นเท่านั้น 

อะดิศักดิ์ยังแถลงว่าตนได้นำพยานซึ่งเป็นจำเลยในห้องพิจารณาคดีมาด้วยอีก 1 คน เพื่อไต่สวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลไม่อนุญาตให้พยานคนดังกล่าวขึ้นเบิกความ เนื่องจากเห็นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็น มีเพียงตัวผู้ถูกกล่าวหาและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 

ศาลยังกล่าวว่าเหตุในกรณีนี้มีเนื้อหาอยู่เพียงว่านายอะดิศักดิ์ได้ตบไหล่จริงหรือไม่ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพูดว่าได้ทำการสะกิดหรือแตะไหล่ แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กล่าวว่าถูกตบไหล่จนรู้สึกเจ็บ ซึ่งการขอให้หลบน่าจะมีวิธีอื่นนอกจากการตบไหล่

ขณะที่ น.ส.ชวัลนาถ ทองสม ได้ขึ้นเบิกความต่อศาลว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 64 ในนัดตรวจพยานหลักฐานในห้อง 704 คดีที่มีนายพริษฐ์กับพวกรวม 22 คน เป็นจำเลย ในวันดังกล่าว มีทั้งจำเลยที่ได้รับการประกันตัวและจำเลยที่ถูกคุมขัง โดยจำเลยนั่งเก้าอี้คนละฝั่งกัน 

เวลา 14.00 น. ขณะที่ศาลกำลังนั่งพิจารณาคดี ผู้ถูกกล่าวหานั่งอยู่ข้างหลังห้อง นายไพโรจน์และนายสุวรรณ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ยืนอยู่ระหว่างเก้าอี้ของผู้ถูกกล่าวหาและจำเลยที่ถูกคุมขัง นายอะดิศักดิ์ได้เดินมาตบไหล่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเดินกลับไปนั่งที่เดิม 

นายไพโรจน์จึงได้ทำบันทึกถึงตนเป็นรายงาน ระบุว่าถูกตบไหล่อย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ ตนได้ให้พนักงานคอมพิวเตอร์เปิดคลิปวิดีโอในห้องพิจารณา โดยตนเห็นตามภาพที่ได้ปรากฏในวิดีโอ แต่ในคลิปไม่ได้ยินเสียง จึงเรียกเจ้าหน้าที่ราขทัณฑ์มาสอบถาม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าตนรู้สึกเจ็บ จึงมีการทำหนังสือเสนอธิบดีศาลอาญา  

เวลา 9.55 น. ศาลได้ให้เจ้าหน้าที่เปิดคลิปให้คู่ความดูอีกครั้ง โดยนายอะดิศักดิ์ยังยืนยันว่าตนไม่ได้ตบไหล่แต่อย่างใด ตนเพียงสะกิดให้ผู้คุมหลบ เนื่องจากไม่สามารถเห็นการพิจารณาบนบัลลังก์

ศาลได้เปิดโอกาสให้ทนายถามค้านผู้กล่าวหา โดยทนายความของผู้ถูกกล่าวหาได้ถาม น.ส.ชวัลนาถ ว่า ในห้องพิจารณาวันดังกล่าวมีการพูดคุยกันเสียงดังหรือไม่ และมีการติดป้ายห้ามพูดคุยเสียงดังหรือไม่ ชวัลนาถตอบว่าไม่แน่ใจ เพราะปกติไม่ค่อยเข้าไปนั่งในห้องพิจารณา

ทนายยังถามต่อว่าจากคลิปที่ได้ดู ท่านเห็นว่าเป็นการเจตนาเดินเข้าไปทำร้ายร่างกายหรือเพียงเดินไปบอกให้หลบ ชวัลนาถกล่าวว่า ไม่อาจรู้ได้ถึงเจตนาที่แท้จริง ทนายได้ถามต่อในคลิปที่เห็นเป็นการกระทำที่ดูรุนแรงหรือไม่ ชวัลนาถตอบว่าไม่แน่ใจว่ารุนแรงหรือไม่ และในคลิปไกลเกินไปจึงไม่ได้ยินเสียง นอกจากนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาพที่ปรากฏตามคลิปนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ยืนบังนายอะดิศักดิ์หรือไม่ เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในห้องพิจารณา

ทนายได้ถามอีกว่า โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เมื่อคุมตัวผู้ต้องขังมาจะนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหลังผู้ต้องขังใช่หรือไม่ ชวัลนาถตอบว่าไม่เสมอไป เมื่อทนายถามว่าทราบหรือไม่ว่าบรรยากาศการพิจารณาคดีในวันดังกล่าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดและทนายความจำเลยมีการทำหนังสือถึงอธิบดีศาล โต้แย้งเกี่ยวกับบรรยากาศในห้องพิจารณา ชวัลนาถตอบว่าทราบในภายหลัง แต่จำรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไม่ได้ เพราะเกิดขึ้นนานแล้ว

ทั้งนี้ศาลได้กล่าวขึ้นว่าถึงแม้จะมีบรรยากาศขัดแย้งหรือไม่ก็ตาม ไม่ได้แปลว่าผู้ถูกกล่าวหาจะทำอะไรในศาลก็ได้ ทั้งนี้ชวัลนาถยอมรับว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุขึ้นตามคลิป ไม่ได้มีความวุ่นวายแต่อย่างใด

เนื่องจากการพิจารณาในวันนี้ นายไพโรจน์ มนัสสิลา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คู่กรณี ไม่สามารถเดินทางมาไต่สวนได้ ทำให้ศาลได้สั่งเลื่อนการพิจารณาผู้ร้องออกไปเป็นวันที่ 2 ก.ค. 2564 เวลา 9.00 น.

อ่านคดีไต่สวนละเมิดอำนาจศาลที่ผ่านมา

ลงโทษ 2 นักกิจกรรม “ไบรท์-ฟอร์ด” ละเมิดอำนาจศาล กรณีถ่ายภาพในห้องเวรชี้ ปรับ 500 บาท จำคุก 15 วัน แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี

ศาลเลื่อนไต่สวน “เบนจา” คดีละเมิดอำนาจศาล ไป 21 มิ.ย. – พบถูกตั้งเรื่องไต่สวนอีกคดีหนึ่ง จากชุมนุม 30 เม.ย.

ศาลเลื่อนไต่สวน “กระเดื่อง” ศิลปะปลดแอก คดีละเมิดอำนาจศาล แต่ต้องประกันตัวด้วยวงเงิน 1 หมื่นบาท ขณะมีผู้ถูกตั้งเรื่องไต่สวนรวม 6 คน

X