“พรชัย” ผู้ต้องขัง ม.112 กังวลโรคระบาดในเรือนจำช่วงหน้าฝน ขณะปัญหาขาดแคลนน้ำยังคงเหมือนเดิม

ช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม พรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ เขาถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วยโทษรวม 12 ปี จากการถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ และถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 1 ปี 2 เดือนเศษแล้ว

.

ปัญหาขาดแคลนน้ำยังเหมือนเดิม ฤดูฝนกับการมาของโรคระบาด

ช่วงเดือนมิถุนายน จากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน อากาศร้อนอบอ้าวในเวลากลางวัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ร้อนเท่ากับฤดูร้อนที่เพิ่งผ่านมา 

พรชัยเดินมาพบด้วยหน้าตายิ้มแย้มเหมือนเช่นทุกครั้ง และรีบพูดถึงความเดือดร้อน หลังจากผ่านช่วงฤดูร้อนที่ทรมานในเรือนจำมีปัญหาขาดแคลนน้ำขั้นวิกฤต น้ำไม่เพียงพอต่อการบริโภคของนักโทษทุกคน ต้องแย่งน้ำกันใช้ แม้แต่น้ำแบบขวดที่ต้องซื้อในร้านสวัสดิการก็หมดตลอด เป็นแบบนี้มานานกว่าเดือนแล้ว 

ถึงเดือนนี้ปัญหานี้ก็ยังเป็นอยู่เช่นเดิม ทั้งการปล่อยน้ำใช้ไม่เพียงพอให้คนทั้งแดนอาบ และน้ำยังใช้ดื่มไม่ได้ เพราะมีกลิ่น ในเรือนนอนก็ไม่มีน้ำให้ดื่ม ต้องไปซื้อน้ำขวด ซึ่งน้ำขวดก็ไม่ค่อยมีขายอีก

ทั้งเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนที่อากาศมีความชื้นมาก นำพาโรคภัยเข้ามา ทำให้มีนักโทษจำนวนไม่น้อยเป็นโรคหิด และวัณโรค โดยโรคที่เป็นกันมากคือโรคผิวหนังจากการติดเชื้อแบคทีเรีย พรชัยเองก็บอกว่าตนเริ่มมีผื่นคันที่ขา แต่ไปซื้อยามาทานแล้วอาการก็เริ่มดีขึ้น 

พรชัยเห็นนักโทษหลายคนที่มีผื่นคันขึ้นทั้งตัว จนมือไม่สามารถจับหรือกำได้แล้ว แต่เมื่อส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อกลับมาสักพัก ก็กลับมาเป็นแบบเดิมอีก ไม่หายขาดสักที

ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือการต้องนอนรวมกับผู้ป่วยวัณโรค โดยปราศจากมาตรการแยกห้อง หรือแจกอุปกรณ์ป้องกันใด ๆ รวมทั้งเครื่องนอนก็แทบไม่ได้ซัก โดยเพิ่งมีการซักในช่วงนี้เป็นครั้งแรกนับจากเขาถูกคุมขังมา ทำให้พรชัยค่อนข้างกังวลว่าตนเองจะติดโรคติดต่อต่าง ๆ ในเรือนจำได้

พรชัยพยายามดูแลตัวเอง โดยพยายามอาบน้ำให้ทัน พยายามอยู่ในห้องที่รวมกับคนอื่นเป็นเวลานาน ตอนนอนก็เอาผ้ามาปิดจมูกป้องกันเชื้อโรค

เมื่อช่วงปี 2564 พรชัยเคยถูกขังระหว่างสอบสวนในคดีเดียวกันนี้ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ และติดเชื้อโควิดจากในเรือนจำ แต่เริ่มมีอาการหลังได้ประกันตัวแล้ว โดยต้องกักตัวหลังจากออกจากเรือนจำ ทำให้เขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับโรคระบาดต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศอับชื้นเช่นนี้

.

“สงครามไม่ใช้วิธีแก้ปัญหา ไทย-กัมพูชา”

หลังจากนั้นพรชัยหันไปพูดถึงประเด็นเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมองว่าประเด็นความขัดแย้งชายแดนมีมานานแล้ว ทั้งสองประเทศควรถอยห่างจากการนำไปสู่การเผชิญหน้ากระทั่งถึงขั้นสงคราม และเขายังเห็นว่าอาจมีการสร้างสถานการณ์ที่นำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งเขาไม่เห็นด้วย

พรชัยมองว่ารัฐประหารไม่ใช่การแก้ไขปัญหา แต่เป็นการทำลายระบอบการปกครองและฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายเสถียรภาพทางการเมือง ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานต่าง ๆ  เขาเห็นว่า เราเคยมีบทเรียนจากรัฐประหารปี 2557 ที่ยึดอำนาจไปนานที่สุด ต่างประเทศก็ไม่ยอมรับการปกครองโดยระบอบเผด็จการ  

“ผมอยากให้นายกอุ๊งอิ๊ง รักษาคำพูดและทำตามสิ่งที่ตนเองเคยพูดไว้ตอนหาเสียง” 

พรชัยกล่าวต่อไปถึงความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลเพื่อไทย ที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมาย แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ การแก้ไขปัญหาคดีทางการเมือง นอกจากตอนนี้จะยังไม่เห็นว่าทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันแบบที่พูดไว้ ก็มีปัญหาใหม่เข้ามาอีก

“สุดท้ายแล้วประชาชนทั้งสองประเทศก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยกัน กัมพูชาก็ต้องพึ่งพาสินค้าจากไทย และไทยเองก็พึ่งพาแรงงานจากกัมพูชา” พรชัยให้ความเห็น

พรชัยยังเห็นว่า ความขัดแย้งที่มาจากผู้นำ มีแต่จะทำให้ประชาชนบริเวณชายแดนได้รับความเดือดร้อน ทั้งความปลอดภัย เศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย หากเกิดสงครามผู้ได้รับผลกระทบที่สุดคือ แรงงานก็จะตกเป็นเป้าให้ผลักดันกลับประเทศ

.

เนื่องในวันผู้ลี้ภัยโลก 20 มิถุนา

“ไม่ควรมีผู้ลี้ภัยเลยนะ” พรชัยให้ความเห็นเนื่องในเดือนนี้มีวันผู้ลี้ภัยโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มิ.ย. ของทุกปี

พรชัยเห็นว่าการมีผู้ลี้ภัยจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในประเทศนั้น ๆ เพราะประชาชนกลัวว่าตัวเองจะเสียอิสรภาพ หรือถึงขั้นชีวิต ทั้งที่การพูดหรือการแสดงความคิดเห็นเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

“พลเมืองของประเทศตนเอง แต่ไม่ได้อยู่ในประเทศตนเอง ต้องหนีไปต่างประเทศบ้าง คงเป็นความอ้างว้างอย่างมาก ทั้งการใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ต้องตัดญาติขาดมิตร ทั้งสภาพจิตใจและยังต้องปรับตัวเข้ากับผู้คนในประเทศที่ไปอยู่”

พรชัยคิดว่าผู้ลี้ภัยก็คงคล้ายกับผู้ต้องขังทางการเมือง เพราะสุดท้ายแล้วต้องเหินห่างจากครอบครัว คนที่รัก คงจะเหงาเหมือนกัน ผู้ต้องขังอาจจะสูญเสียอิสรภาพด้วยก็เท่านั้น แต่สุดท้ายเราต่างก็ต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมเหมือนกัน 

พรชัยเล่าถึงช่วงการต่อสู้ทางการเมืองช่วงปี 2563-2566 แม้เขาจะมีโอกาสลี้ภัยทางการเมือง แต่เมื่อคิดว่าที่ผ่านมาเป็นการแสดงจุดยืนทางการเมือง ตามแบบที่สังคมประชาธิปไตยควรจะเป็น เขาก็ยังคงอยู่ตรงนี้

พรชัยต้องการให้คนรุ่นใหม่มองเห็นว่า ยังมีคนที่ขอสู้จนวินาทีสุดท้าย แม้ตั้งแต่ถูกดำเนินคดี เขารู้ดีว่ากำลังต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม แม้ศาลจะพิพากษาให้จำคุก เขาก็ถูกจำคุกด้วยความภาคภูมิใจ

.

📩  สามารถร่วมเขียนจดหมายถึงพรชัย “ฝากถึง พรชัย วิมลศุภวงศ์ แดน 5 เรือนจำกลางเชียงใหม่ 122 หมู่ 6 ตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 50150”

หรือเขียนจดหมายออนไลน์ถึงผู้ต้องขังทางการเมือง ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล
X