ศาลฎีกาพิพากษายืนลงโทษกักขัง ‘วีรภาพ – พัชรวัฒน์ – ศรัณย์’ คดีละเมิดอำนาจศาล เหตุชุมนุมหน้าศาลอาญา ปี 64 – ส่งตัวสถานกักขังทันที ยอดผู้ต้องขังพุ่ง 51 ราย

24 มิ.ย. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีละเมิดอำนาจศาล ของ 3 ผู้เข้าร่วมชุมนุมที่หน้าศาลอาญา เพื่อเรียกร้องให้ศาลคืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องขังการเมือง ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่ม REDEM เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564

คดีนี้ เดิมมีผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 5 คน ได้แก่ ศุภกิจ บุญมหิทานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, วีรภาพ วงษ์สมาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (ปัจจุบันถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางในคดีมาตรา 112), พัชรวัฒน์ โกมลประเสริฐกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3, จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และ ศรัณย์ อนุรักษ์ปราการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 (ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานกักขังกลาง จ.ปทุมธานี)

อย่างไรก็ดีสำหรับในชั้นฎีกามีเพียง 3 คน ได้แก่ วีรภาพ, พัชรวัฒน์ และศรัณย์ ที่ยื่นฎีกาคำพิพากษา ก่อนศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษกักขัง วีรภาพและพัชรวัฒน์คนละ 40 วัน และกักขังศรัณย์ 2 เดือน

.

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 ในวันนั้นกลุ่มของผู้ชุมนุมกลุ่ม ‘REDEM’ มีนัดหมายรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนที่จะเคลื่อนขบวนและมุ่งหน้าไปยังศาลอาญา เพื่อทำการปราศรัยและเสนอข้อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ทำกิจกรรมปามะเขือเทศและไข่ ใส่ป้ายสำนักงานยุติธรรม และศาลอาญา พร้อมทั้งรูปของผู้พิพากษา ก่อนที่จะมีการประกาศยุติการชุมนุมในเวลาถัดมา

ย้อนอ่านเหตุการณ์ชุมนุม #ม็อบ2พฤษภา : คาราวานรีเด็ม : Mob Data Thailand

การชุมนุมดังกล่าวนำไปสู่การดำเนินคดีจากพฤติการณ์เดียวกัน คือ ฐานดูหมิ่นศาล ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยในคดีดังกล่าวได้มีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นออกมาแล้ว (มีผู้ถูกกล่าวหา 15 คน โดย 5 คน ถูกกล่าวหาทั้งสองคดี) แต่ยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์  ส่วนอีกคดีนี้ คือฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยมีผู้กล่าวหาคือ ชวัลนาถ ทองสม ผู้อํานวยการสํานักอํานวยการประจําศาลอาญา 

.

ในคดีนี้ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564 ศาลอาญาพิพากษาให้กักขังศุภกิจ, วีรภาพ และพัชรวัฒน์ คนละ 40 วัน และสั่งกักขังศรัณย์ 2 เดือน ไม่รอการลงโทษ แต่ได้รับประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ส่วนจุฑาทิพย์นั้นลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 320 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมประพฤติ 1 ปี และทำงานบริการสังคมและบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2566 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ทำให้พื้นที่หน้าศาลอาญาเลอะเปรอะเปื้อน เป็นการกระทำที่ผิดต่อข้อกำหนดของศาลอาญาและคดีนี้ไม่เป็นคดีซ้ำซ้อน เนื่องจากเป็นคดีตามวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงเป็นคนละเรื่องกันกับอีกคดีซึ่งเป็นคดีอาญาของศาลนี้ และได้อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสามคนระหว่างฎีกาต่อมา ส่วนศุภกิจ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1) ไม่มาศาล และศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว

ต่อมา วีรภาพ, พัชรวัฒน์ และศรัณย์ ได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2566 ก่อนที่ศาลจะนัดหมายฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (วีรภาพ) ไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำ อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 (ศรัณย์) นายประกันแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 พร้อมทั้งปรับนายประกันเต็มจำนวนเงินประกัน ก่อนที่จะเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันนี้

.

วันนี้ (24 มิ.ย. 2568) ห้องพิจารณาที่ 608  วีรภาพ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2) ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำกลางบางขวาง โดยมีพันธนาการด้วยกุญแจข้อเท้าทั้งสองข้าง และ พัชรวัฒน์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) พร้อมด้วยบรรดาญาติและเพื่อนได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา 

ส่วนศรัณย์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5) ไม่ได้เดินทางมาที่ศาล เนื่องจากเพิ่งทราบว่าเขาเพิ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานกักขังกลาง จ.ปทุมธานี ศาลจึงให้ใช้วิธีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อฟังคำพิพากษาแทน

เวลา 10.11 น. หลังศาลพิจารณาคดีอื่นเสร็จสิ้น จึงเริ่มต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

เห็นว่า การชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องหา โดยมีการเปิดคลิปวิดีโอผ่านเครื่องขยายเสียงถึง ‘ชนาธิป เหมือนพะวงศ์’ รองอธิบดีศาลอาญา และมีการปลุกระดมมวลชน รวมไปถึงการขว้างปาของเหลวสีแดง มะเขือเทศ และไข่ไก่ อันทำให้ป้ายสำนักงานศาลยุติธรรม และป้ายศาลอาญาเปรอะเปรื้อนไปด้วยสีแดง มะเขือเทศ และมีกลิ่นเหม็นคาวของไข่ไก่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เห็นได้ชัดแจ้งว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การใช้เสรีภาพที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 วรรคหนึ่ง แต่เป็นการกดดัน ข่มขู่ คุกคามผู้พิพากษาหรือศาลให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย อันกระทบต่อดุลยพินิจของผู้พิพากษาที่ต้องมีอิสระและปราศจากอคติ ทำให้เกิดความอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียง 

อีกทั้งสิทธิที่ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัว ก็มีข้อยกเว้นปรากฏอยู่ในตอนท้ายของรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคห้า ว่า “การไม่ให้ประกันต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ” ซึ่งก็คือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 หากไม่เห็นชอบกับคำสั่งไม่ให้ประกันตัวก็ให้อุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 119 ทวิ จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่การมาชุมนุมเรียกร้องดังกล่าว 

การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 32, 34, 44 และระบอบประชาธิปไตย มิได้เป็นการใช้เสรีภาพตามที่ฎีกา

ประเด็นนี้ศาลเห็นว่า ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) มีเจตนารมณ์เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และป้องกันมิให้กระทบต่อกระบวนพิจารณา 

คำว่า “ในบริเวณศาล” หมายถึง การกระทำในบริเวณศาล และครอบคลุมถึงการกระทำที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับในบริเวณศาล การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2, 3 และ 5 ย่อมเห็นจุดมุ่งหมายว่าเป็นการขู่เข็ญ คุกคาม ทำให้กระทบต่อกระบวนพิจารณา โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงวันเวลาทำการแต่อย่างใด

ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาฎีกามาว่าผู้ถูกกล่าวหาถูกฟ้องคดีต่อศาลอาญาด้วยมูลเหตุเดียวกันจากการกระทำในคดีนี้เป็นคดีอาญา ศาลมีคำพิพากษาในประเด็นนี้ว่า ศาลมีอำนาจพิเศษสามารถสั่งลงโทษผู้กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้โดยไม่ต้องรอให้มีผู้มาฟ้องร้องเป็นคดี เนื่องจากข้อหาละเมิดอำนาจศาลนี้ เป็นกฎหมายที่ศาลออกมาเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ดังนั้น ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจึงไม่เกี่ยวกับคดีอาญาทั่วไป ไม่ถือว่าเป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อน

ศาลเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย พิจารณาจากสภาพความผิดนั้นเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งก่อนหน้านี้ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้สำนึกและให้การปฏิเสธมาโดยตลอด การเปลี่ยนจากโทษจำคุกเป็นโทษกักขังถือว่าเป็นคุณแล้ว ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาฎีกามาว่าไม่เคยถูกจำคุกมาก่อนนั้นฟังไม่ขึ้น  

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ กล่าวคือ ให้ลงโทษกักขังวีรภาพและพัชรวัฒน์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ 3) คนละ 40 วัน และลงโทษกักขังศรัณย์ 2 เดือน ไม่รอการลงโทษ

.

ภายหลังจากที่ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว วีรภาพที่ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำกลางบางขวาง เนื่องจากถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ ด้วยโทษจำคุก 3 ปี ในข้อหามาตรา 112 กรณีพ่นสีข้อความใต้ทางด่วนดินแดง ยังคงถูกนำตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางตามเดิม ซึ่งจนถึงวันนี้ (24 มิ.ย.) วีรภาพถูกขังมาแล้ว 636 วัน 

ส่วนพัชรวัฒน์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) ได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปรับโทษกักขังตามคำพิพากษาที่สถานกักขัง จ.ปทุมธานี เช่นเดียวกับศรัณย์

ในส่วนของศรัณย์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5) ศูนย์ทนายฯ ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2568 ตามหมายจับในคดีนี้ หลังจากไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัดเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2568 และถูกส่งตัวไปขังที่สถานกักขัง จ.ปทุมธานี โดยทางครอบครัวของศรัณย์ระบุว่าไม่ทราบว่ามีหมายนัดดังกล่าว และเพิ่งทราบในวันนี้ว่าศรัณย์ถูกคุมขังอยู่ในที่ดังกล่าว ทำให้เขาเริ่มถูกนับโทษกักขังไปก่อนแล้ว

.

ผลของคำพิพากษาในวันนี้ทำให้คดีนี้สิ้นสุดลง และทำให้มีผู้ถูกคุมขังหรือกักขังในคดีจากการแสดงออกทางการเมืองเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ทำให้ปัจจุบันมียอดผู้ต้องขังทางการเมืองแล้วรวมอย่างน้อย 51 ราย 

.

อ่านเรื่องข้อหาละเมิดอำนาจศาลเพิ่มเติม

ว่าด้วยข้อหาละเมิดอำนาจศาล: มาตรการเพื่อสร้างสถิตความยุติธรรม หรือคือเครื่องมือทางการเมือง

ขอบเขตการกระทำที่เป็นการละเมิดอำนาจศาล: มองกฎหมายต่างประเทศแล้วย้อนดูไทย

สถานะ ‘ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล’ กับหลักสิทธิมนุษยชนและวิธีพิจารณาความอาญาสมัยใหม่

X